"พลังแม้ว" โหมประชานิยมอีกระลอก เตรียมเกณฑ์รากหญ้าเข้ากทม. รับโอนเงิน 885 ล้านบาทให้กองทุนหมู่บ้านใหม่ กองทุนละ 1 ล้าน พร้อมจัดคนร่วมประชุมเวิร์กชอปกว่า 2 พันคน ด้าน ส.ว. และฝ่ายค้าน ระบุมาตรการ ลด แลก แจก แถม เป็นการนำภาษีไปละเลง เพื่อหวังผลเลือกตั้ง เข้าข่ายซื้อเสียงล่วงหน้าชัดๆ ขณะที่รถร่วมฯ ขอมีเอี่ยวจัดรถเมล์ฟรี และโครงการรถแอร์ 6พันคันด้วย "เลี้ยบ-เฉลิม"สกัดสหภาพฯ ยันรัฐวิสาหกิจที่ร่วมมาตรการยังได้รับโบนัส ดึงงบประมาณโปะรายได้ที่ขาดไป เอกชนท่องเที่ยวชี้มาตรการรัฐไม่ช่วยอุตฯท่องเที่ยว เผยท่องเที่ยววิกฤตหนักครึ่งปีหลังมีสิทธิ์วูบ 60 เปอร์เซ็นต์
วานนี้(16 ก.ค.) น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ครั้งที่ 3/2551 ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานฯ เห็นชอบให้โอนเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้านใหม่ 885 กองทุน(จาก 1,600 หมู่บ้าน และชุมชนเมือง) กองทุนละ 1 ล้านบาท โดยจะมีการโอนในวันพุธที่ 23 ก.ค.นี้ และในวันเดียวกันนี้ นพ.สุรพงษ์ จะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ทิศทางการขับเคลื่อนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติไบเทค บางนา โดยมีผู้มาร่วมงานจากทั่วประเทศกว่า 1,600 คน
ทั้งนี้ ตัวแทนกองทุนใหม่ จะเข้ารับการโอนเงิน โดยแบ่งเป็นโครงการของธนาคารออมสิน 657 กองทุน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 277 กองทุน โดยแบ่งเป็ยภาคกลาง 14 กองทุน ภาคตะวันออก 39 กองทุน ภาคตะวันตก 48 กองทุน ภาคเหนือ 284 กองทุน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 453 กองทุน และภาคใต้ 47 กองทุน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านคนใหม่ (แทนนายสันติ อุทัยพันธุ์ ผู้อำนวยการ สทบ. ที่จะครบกำหนดการประเมินในสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา) ที่ครบวาระ 2 ปี โดยมีอนุกรรมการคัดเลือก ได้แก่ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. รองผู้จัดการธ.ออมสิน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ และกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ทั้งนี้ ยังเห็นชอบให้ นายอำนาจ ทองเบ็ญญ์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านฯ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคนใหม่ และยังเห็นชอบให้มีการเพิ่มวาระผู้อำนวยการจาก 2 ปี เป็น 4 ปี แต่ไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งตาม พ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.2547 จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 90 วัน
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รับทราบจากอนุกรรมการกองทุนฯว่ายังคงมีกองทุนหมู่บ้าน (เก่า) ที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ จำนวน 8,859 กองทุน เป็นกองทุนที่ยังไม่ยื่นจดทะเบียน จำนวน 7,261 กองทุน และเป็นกองทุนที่ยื่นแล้วแต่เกิดปัญหาทั้งเรื่องปัญหาหนี้สิน ปัญหาการเมืองท้องถิ่น ปัญหาชายแดนภาคใต้ ฯลฯ จำนวน 1,598 กองทุน
รบ.เงาจี้หว่าน 5 หมื่น ล.ต้องได้ผล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมครม.เงาว่า ผลจากการวิเคราะห์มาตรการของรัฐบาล 15 ก.ค.แล้ว ทางพรรคเห็นด้วยและสนับสนุนกับการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพของประชาชน และมีความพยายามลดต้นทุน ทั้งที่เป็นต้นทุนธุรกิจและต้นทุนการดำรงชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องและนำเสนอมาโดยตลอด
พร้อมได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม 6 ข้อ ได้แก่ 1. มาตรการที่นำเสนอควรหาทางช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมได้อีก เช่น กรณีก๊าซหุงต้มซึ่งพรรคเห็นว่า ถูกต้องที่การตรึงราคา แต่ระหว่างที่ก๊าซเอ็นจีวีไม่มีความพร้อม น่าจะต้องตรึงราคาก๊าซสำหรับภาคขนส่งด้วย
“เราต้องการเห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาชี้แจงประชาชนว่า เมื่อต้นทุนการขนส่งลดลงจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงแล้ว กระทรวงพาณิชย์ จะมีมาตรการอย่างไร ให้ราคาสินค้าที่ต้นทุนถูกลง ราคาลดลงด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
2.พรรคมีความเป็นห่วงการปฏิบัติงานในบางมาตรการ อย่างกรณีการขึ้นรถเมล์ร้อนฟรีคันเว้นคัน ซึ่งจะมีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการใช้บริการหรือทำให้ประชาชนวุ่นวาย ซึ่งไม่ได้มีต้นทุนเฉพาะค่าโดยสาร แต่มีต้นทุนเรื่องเวลา 3 .มาตรการทั้งหมดใช้เงิน 4-5 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งยังอยากยืนยันว่าการช่วยเหลือคนจนให้มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ วางรางฐานไปสู่ระบบสวัสดิการหรือระบบคูปอง
ข้อที่ 4.เงิน 4-5 หมื่นล้านที่นำมาช่วยเหลือประชาชนนี้ คือ เงินภาษีอากรของประชาชนที่หายไปจากระบบงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่า การตัดสินใจใน 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวทางอย่างไร เพราะหากรัฐบาลขาดรายได้ ไม่ว่าจะเป็นชุดนี้หรือชุดไหน ก็แล้วแต่ต้องทำใจว่า ไม่มีภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันอีกต่อไป จึงขอว่าอย่าได้ใช้วิธีรีดภาษีจากผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย ซึ่งมีประสบการณ์ในอดีตว่า เมื่อรายได้รัฐบาลไม่พอ จะไล่บี้ภาษีจากผู้ประกอบการรายย่อย
5. แม้มาตรการทั้งหมดจะบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเฉพาะกลุ่มเฉพาะหน้า แต่ยังไม่มีมาตรการบ่งบอกว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจจะแข็งแรงขึ้น ดังนั้น จึงอยากเห็นรัฐบาลมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย และ 6. ขอให้รัฐบาลมีสมาธิอยู่กับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและหยุดยั้งความคิดเรื่องอื่น ๆ ทั้งการตอบโต้ทางการเมือง การเข้าไปรบรากับสถาบันต่างๆ ของชาติ และสร้างความขัดแย้งเรื่องรัฐธรรมนูญ
จวก"หมัก"ละเลงภาษีหวังผลเลือกตั้ง
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ามาตรการไม่ได้ช่วยแก้ปัญหามากนั้ก การที่รัฐบาลออกมาลด แลก แจก แถม เช่นนี้ อาจถูกตั้งคำถามว่า กำลังจะยุบสภาหรือไม่ และเป็นการหาเสียงล่วงหน้าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการเอาภาษีของแผ่นดินมาใช้แบบสุดโต่ง ด้านหนึ่งยืนยันว่าจะเอารถเอ็นจีวี 6,000 คันเข้ามา โดยยกเลิกรถเมล์ร้อน แต่อีกด้านหนึ่งเป็นการปิดปากประชาชนด้วยการให้นั่งรถเมล์ฟรี รัฐบาลเองเป็นผู้บริหารควรกำหนดนโยบายสาธารณะ ที่ทำให้ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมีราคาที่แม้แต่คนที่จนที่สุดเขาถึงได้ ในส่วนนี้จะเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาแบบยั่งยืนมากกว่าการลด แลก แจก แถม ตามเทศกาล ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าชัดๆ
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากห้วงเวลา 6 เดือนของมาตรการดังกล่าว มีความสอดคล้องกับคำประกาศของ นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล ที่จะใช้กระบวนการของสภาแก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน จากนั้น 2 เดือน ก็จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในระหว่างที่ 6 มาตรการนี้ยังมีผลอยู่
รถร่วมฯ ขอเอี่ยวโครงการรถเมล์ฟรี
วานนี้(16) ที่รัฐสภา นำโดยน.ส.มาลินี พูนศิริกุล เลขาธิการสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน เข้ายื่นหนังสือต่อว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการเช่ารถ 6 พันคัน และขอเข้าร่วมในมาตรการ นำรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งให้บริการฟรี
"โครงการเช่ารถ 6 พันคัน ถือเป็นแนวคิดที่รัฐบาลพยายามทำลายล้างผู้ประกอบการรถเอกชนทั้งหมด เพราะจำนวนรถของขสมก.ที่ให้บริการขณะนี้มีอยู่ 3,000 คัน และรถของเอกชนอีก 3,100 คัน ซึ่งไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลควรจะจัดเช่ารถของขสมก.เพียง 3,000 คัน ส่วนอีก 3,000 คัน ควรเช่ารถของเอกชนที่มีอยู่แล้ว และหาทางช่วยเหลือรถร่วมเอกชน ด้วยการยกเว้นภาษีนำเข้า เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้ แต่กลับต้องแบกรับต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตลอดเวลา"น.ส.มาลินีกล่าวและเป็นห่วงว่า
นโยบายให้ประชาชนขึ้นรถเมล์ฟรี เป็นนโยบายประชานิยมที่คิดได้เร็ว และสุดท้ายก็จะกลายเป็นทุนนิยม และกลายเป็นเผด็จการในที่สุด ถือเป็นการทำลายล้างรถร่วมเอกชนล่มสลายไปเอง
"เสธ.หนั่น"ชี้รัฐบาลอยู่ถึงสิ้นปีก็เก่ง
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการ แก้ไขปัญหาของประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ก็ร่วมกันคิดร่วมกันทำ เรามองเจตนาในทางที่ดี การแก้ปัญหา 6 ข้อ 6 เดือนให้แก่ประชาชน ดีกว่าการออกคูปอง เพราะไม่รู้จะออกให้ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลจะประคองตัวเองครบ 4 ปีหรือไม่ พล.ต.สนั่น หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า อย่าว่า 4 ปีเลย ให้ผ่านปีนี้ไปก่อนเถอะ แล้วค่อยทำนายกันใหม่ เมื่อถามว่า แล้วปีนี้จะผ่านไปได้ไหม พล.ต.สนั่น กล่าวว่า มรสุมมันเยอะ รัฐบาลก็ต้องดูว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อน ก็แก้ไขกัน การเมืองก็เป็นอย่างนี้อย่าไปคิดว่าจะราบเรียบไปเรื่อย ไม่ว่ารัฐบาลไหน บางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น บางครั้งก็ราบเรียบ
เบียดบังงบฯ โปะรัฐวิสาหกิจ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในมาตรการ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนนครหลวง(กฟน.) และการประปานครหลวง (กปน.) แม้รายได้ลดลงแต่รัฐบาลก็จะคิดนับรวมเป็นผลประกอบการด้วย จะไม่มีผลกระทบต่อการประเมินผลงานรัฐวิสหากิจ ไม่กระทบต่อโบนัสพนักงาน ส่วนรัฐวิสหากิจที่ขาดทุน ทางรัฐบาลได้เตรียมงบกลางไว้ชดเชยรายได้ที่เสียไปให้อยู่แล้ว แม้กระทั่งพนักงาน ขสมก.ที่ให้ขึ้นฟรีก็ยังจะได้ส่วนแบ่งรายได้ตามสถิติเดิมที่เคยได้อยู่
"หากสหภาพรัฐวิสาหกิจใดที่จะออกมาประท้วงไม่เห็นด้วย ถ้าจะมาบอกว่าไม่ให้ช่วยผู้ยากไร้ แทบไม่สามารถจะมีชีวิตได้ปกติในสังคมก็ใจดำเกินไป ถ้าห่วงส่วนแบ่งรายได้จะหายไป เราคิดไว้แล้วไม่ต้องกังวล"
สอดคล้องกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.หาดไทย กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบกับรายได้ของรัฐวิสาหกิจ เพราะรัฐบาลนำงบประมาณส่วนหนึ่งมาอุดหนุนแทน ทั้งนี้กำลังพิจารณาถึงงบประมาณและจะเสร็จภายใน 4-5 วันนี้
ไม่ช่วยอุตฯ ท่องเที่ยว
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) กล่าวถึงมาตรการของรัฐที่ออกมาว่า ไม่ได้ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยดีขึ้น เพราะมาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลออกมา มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคนกลุ่มนี้โดยพฤติกรรมแล้วจะไม่สนใจเรื่องท่องเที่ยว ดังนั้น มองว่าหากรัฐบาลต้องการช่วยเหลืออุตฯการท่องเที่ยวจริงๆควรต้องรีบแก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์เดินทางท่องเที่ยวของคนไทยขณะนี้ซบเซาหนักมาก คาดว่า 6 เดือนหลังของปีนี้ ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมีสิทธิ์ลดลงไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
วานนี้(16 ก.ค.) น.ส.ศุภรัตน์ นาคบุญนำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (สทบ.) ครั้งที่ 3/2551 ที่มี นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เป็นประธานฯ เห็นชอบให้โอนเงินให้แก่กองทุนหมู่บ้านใหม่ 885 กองทุน(จาก 1,600 หมู่บ้าน และชุมชนเมือง) กองทุนละ 1 ล้านบาท โดยจะมีการโอนในวันพุธที่ 23 ก.ค.นี้ และในวันเดียวกันนี้ นพ.สุรพงษ์ จะเป็นประธานการประชุมเชิงปฏิบัติการเรื่อง "ทิศทางการขับเคลื่อนโยบายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง" ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติไบเทค บางนา โดยมีผู้มาร่วมงานจากทั่วประเทศกว่า 1,600 คน
ทั้งนี้ ตัวแทนกองทุนใหม่ จะเข้ารับการโอนเงิน โดยแบ่งเป็นโครงการของธนาคารออมสิน 657 กองทุน ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์ (ธ.ก.ส.) 277 กองทุน โดยแบ่งเป็ยภาคกลาง 14 กองทุน ภาคตะวันออก 39 กองทุน ภาคตะวันตก 48 กองทุน ภาคเหนือ 284 กองทุน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 453 กองทุน และภาคใต้ 47 กองทุน
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณาสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านคนใหม่ (แทนนายสันติ อุทัยพันธุ์ ผู้อำนวยการ สทบ. ที่จะครบกำหนดการประเมินในสิ้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา) ที่ครบวาระ 2 ปี โดยมีอนุกรรมการคัดเลือก ได้แก่ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. รองผู้จัดการธ.ออมสิน นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยธรรมศาตร์ และกรรมการกองทุนหมู่บ้าน ทั้งนี้ ยังเห็นชอบให้ นายอำนาจ ทองเบ็ญญ์ เป็นรักษาการผู้อำนวยการกองทุนหมู่บ้านฯ จนกว่าจะมีการแต่งตั้งคนใหม่ และยังเห็นชอบให้มีการเพิ่มวาระผู้อำนวยการจาก 2 ปี เป็น 4 ปี แต่ไม่เกิน 2 วาระ ซึ่งตาม พ.ร.บ.กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ พ.ศ.2547 จะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จใน 90 วัน
ขณะเดียวกันที่ประชุมยังได้รับทราบจากอนุกรรมการกองทุนฯว่ายังคงมีกองทุนหมู่บ้าน (เก่า) ที่ยังไม่สามารถจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลได้ จำนวน 8,859 กองทุน เป็นกองทุนที่ยังไม่ยื่นจดทะเบียน จำนวน 7,261 กองทุน และเป็นกองทุนที่ยื่นแล้วแต่เกิดปัญหาทั้งเรื่องปัญหาหนี้สิน ปัญหาการเมืองท้องถิ่น ปัญหาชายแดนภาคใต้ ฯลฯ จำนวน 1,598 กองทุน
รบ.เงาจี้หว่าน 5 หมื่น ล.ต้องได้ผล
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงภายหลังการประชุมครม.เงาว่า ผลจากการวิเคราะห์มาตรการของรัฐบาล 15 ก.ค.แล้ว ทางพรรคเห็นด้วยและสนับสนุนกับการที่รัฐบาลให้ความสำคัญกับเรื่องปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาค่าครองชีพของประชาชน และมีความพยายามลดต้นทุน ทั้งที่เป็นต้นทุนธุรกิจและต้นทุนการดำรงชีพ ซึ่งเป็นสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์ได้เรียกร้องและนำเสนอมาโดยตลอด
พร้อมได้ตั้งข้อสังเกตเพิ่มเติม 6 ข้อ ได้แก่ 1. มาตรการที่นำเสนอควรหาทางช่วยเหลือประชาชนเพิ่มเติมได้อีก เช่น กรณีก๊าซหุงต้มซึ่งพรรคเห็นว่า ถูกต้องที่การตรึงราคา แต่ระหว่างที่ก๊าซเอ็นจีวีไม่มีความพร้อม น่าจะต้องตรึงราคาก๊าซสำหรับภาคขนส่งด้วย
“เราต้องการเห็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์มาชี้แจงประชาชนว่า เมื่อต้นทุนการขนส่งลดลงจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลดลงแล้ว กระทรวงพาณิชย์ จะมีมาตรการอย่างไร ให้ราคาสินค้าที่ต้นทุนถูกลง ราคาลดลงด้วย”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
2.พรรคมีความเป็นห่วงการปฏิบัติงานในบางมาตรการ อย่างกรณีการขึ้นรถเมล์ร้อนฟรีคันเว้นคัน ซึ่งจะมีมาตรการดูแลไม่ให้เกิดความวุ่นวายในการใช้บริการหรือทำให้ประชาชนวุ่นวาย ซึ่งไม่ได้มีต้นทุนเฉพาะค่าโดยสาร แต่มีต้นทุนเรื่องเวลา 3 .มาตรการทั้งหมดใช้เงิน 4-5 หมื่นล้านบาทในระยะเวลา 6 เดือน ซึ่งยังอยากยืนยันว่าการช่วยเหลือคนจนให้มีประสิทธิภาพที่สุดก็คือ วางรางฐานไปสู่ระบบสวัสดิการหรือระบบคูปอง
ข้อที่ 4.เงิน 4-5 หมื่นล้านที่นำมาช่วยเหลือประชาชนนี้ คือ เงินภาษีอากรของประชาชนที่หายไปจากระบบงบประมาณของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลต้องชั่งน้ำหนักให้ดีว่า การตัดสินใจใน 6 เดือนข้างหน้าจะมีแนวทางอย่างไร เพราะหากรัฐบาลขาดรายได้ ไม่ว่าจะเป็นชุดนี้หรือชุดไหน ก็แล้วแต่ต้องทำใจว่า ไม่มีภาษีสรรพสามิตจากน้ำมันอีกต่อไป จึงขอว่าอย่าได้ใช้วิธีรีดภาษีจากผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อย ซึ่งมีประสบการณ์ในอดีตว่า เมื่อรายได้รัฐบาลไม่พอ จะไล่บี้ภาษีจากผู้ประกอบการรายย่อย
5. แม้มาตรการทั้งหมดจะบรรเทาความเดือดร้อนประชาชนเฉพาะกลุ่มเฉพาะหน้า แต่ยังไม่มีมาตรการบ่งบอกว่าอีก 6 เดือนข้างหน้า เศรษฐกิจจะแข็งแรงขึ้น ดังนั้น จึงอยากเห็นรัฐบาลมีมาตรการอื่นควบคู่ไปด้วย และ 6. ขอให้รัฐบาลมีสมาธิอยู่กับการแก้ปัญหาทางเศรษฐกิจและหยุดยั้งความคิดเรื่องอื่น ๆ ทั้งการตอบโต้ทางการเมือง การเข้าไปรบรากับสถาบันต่างๆ ของชาติ และสร้างความขัดแย้งเรื่องรัฐธรรมนูญ
จวก"หมัก"ละเลงภาษีหวังผลเลือกตั้ง
น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่ามาตรการไม่ได้ช่วยแก้ปัญหามากนั้ก การที่รัฐบาลออกมาลด แลก แจก แถม เช่นนี้ อาจถูกตั้งคำถามว่า กำลังจะยุบสภาหรือไม่ และเป็นการหาเสียงล่วงหน้าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ สิ่งเหล่านี้เป็นการเอาภาษีของแผ่นดินมาใช้แบบสุดโต่ง ด้านหนึ่งยืนยันว่าจะเอารถเอ็นจีวี 6,000 คันเข้ามา โดยยกเลิกรถเมล์ร้อน แต่อีกด้านหนึ่งเป็นการปิดปากประชาชนด้วยการให้นั่งรถเมล์ฟรี รัฐบาลเองเป็นผู้บริหารควรกำหนดนโยบายสาธารณะ ที่ทำให้ค่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานมีราคาที่แม้แต่คนที่จนที่สุดเขาถึงได้ ในส่วนนี้จะเป็นวิธีการที่แก้ปัญหาแบบยั่งยืนมากกว่าการลด แลก แจก แถม ตามเทศกาล ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่
เป็นการซื้อเสียงล่วงหน้าชัดๆ
นายเทพไท เสนพงษ์ ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นว่าจะมีการยุบสภาเกิดขึ้นอย่างแน่นอน เพราะเมื่อดูจากห้วงเวลา 6 เดือนของมาตรการดังกล่าว มีความสอดคล้องกับคำประกาศของ นายสามารถ แก้วมีชัย ประธานวิปรัฐบาล ที่จะใช้กระบวนการของสภาแก้รัฐธรรมนูญให้แล้วเสร็จภายใน 4 เดือน จากนั้น 2 เดือน ก็จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่ ในระหว่างที่ 6 มาตรการนี้ยังมีผลอยู่
รถร่วมฯ ขอเอี่ยวโครงการรถเมล์ฟรี
วานนี้(16) ที่รัฐสภา นำโดยน.ส.มาลินี พูนศิริกุล เลขาธิการสมาคมพัฒนารถร่วมเอกชน เข้ายื่นหนังสือต่อว่าที่ ร.ต.พงษ์พันธ์ สุนทรชัย ส.ส.หนองคาย พรรคพลังประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร เพื่อคัดค้านการเช่ารถ 6 พันคัน และขอเข้าร่วมในมาตรการ นำรถโดยสารประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) มาวิ่งให้บริการฟรี
"โครงการเช่ารถ 6 พันคัน ถือเป็นแนวคิดที่รัฐบาลพยายามทำลายล้างผู้ประกอบการรถเอกชนทั้งหมด เพราะจำนวนรถของขสมก.ที่ให้บริการขณะนี้มีอยู่ 3,000 คัน และรถของเอกชนอีก 3,100 คัน ซึ่งไม่เพียงพอ แต่รัฐบาลควรจะจัดเช่ารถของขสมก.เพียง 3,000 คัน ส่วนอีก 3,000 คัน ควรเช่ารถของเอกชนที่มีอยู่แล้ว และหาทางช่วยเหลือรถร่วมเอกชน ด้วยการยกเว้นภาษีนำเข้า เพราะขณะนี้ผู้ประกอบการไม่สามารถปรับขึ้นค่าโดยสารได้ แต่กลับต้องแบกรับต้นทุนราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตลอดเวลา"น.ส.มาลินีกล่าวและเป็นห่วงว่า
นโยบายให้ประชาชนขึ้นรถเมล์ฟรี เป็นนโยบายประชานิยมที่คิดได้เร็ว และสุดท้ายก็จะกลายเป็นทุนนิยม และกลายเป็นเผด็จการในที่สุด ถือเป็นการทำลายล้างรถร่วมเอกชนล่มสลายไปเอง
"เสธ.หนั่น"ชี้รัฐบาลอยู่ถึงสิ้นปีก็เก่ง
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการ แก้ไขปัญหาของประชาชนผู้มีรายได้น้อยของรัฐบาล ซึ่งพรรคร่วมรัฐบาล ก็ร่วมกันคิดร่วมกันทำ เรามองเจตนาในทางที่ดี การแก้ปัญหา 6 ข้อ 6 เดือนให้แก่ประชาชน ดีกว่าการออกคูปอง เพราะไม่รู้จะออกให้ใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่า โดยส่วนตัวคิดว่ารัฐบาลจะประคองตัวเองครบ 4 ปีหรือไม่ พล.ต.สนั่น หัวเราะพร้อมกับกล่าวว่า อย่าว่า 4 ปีเลย ให้ผ่านปีนี้ไปก่อนเถอะ แล้วค่อยทำนายกันใหม่ เมื่อถามว่า แล้วปีนี้จะผ่านไปได้ไหม พล.ต.สนั่น กล่าวว่า มรสุมมันเยอะ รัฐบาลก็ต้องดูว่าอะไรที่เป็นจุดอ่อน ก็แก้ไขกัน การเมืองก็เป็นอย่างนี้อย่าไปคิดว่าจะราบเรียบไปเรื่อย ไม่ว่ารัฐบาลไหน บางครั้งก็มีความรุนแรงเกิดขึ้น บางครั้งก็ราบเรียบ
เบียดบังงบฯ โปะรัฐวิสาหกิจ
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง กล่าวว่า รัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องในมาตรการ เช่น การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) การไฟฟ้าส่วนนครหลวง(กฟน.) และการประปานครหลวง (กปน.) แม้รายได้ลดลงแต่รัฐบาลก็จะคิดนับรวมเป็นผลประกอบการด้วย จะไม่มีผลกระทบต่อการประเมินผลงานรัฐวิสหากิจ ไม่กระทบต่อโบนัสพนักงาน ส่วนรัฐวิสหากิจที่ขาดทุน ทางรัฐบาลได้เตรียมงบกลางไว้ชดเชยรายได้ที่เสียไปให้อยู่แล้ว แม้กระทั่งพนักงาน ขสมก.ที่ให้ขึ้นฟรีก็ยังจะได้ส่วนแบ่งรายได้ตามสถิติเดิมที่เคยได้อยู่
"หากสหภาพรัฐวิสาหกิจใดที่จะออกมาประท้วงไม่เห็นด้วย ถ้าจะมาบอกว่าไม่ให้ช่วยผู้ยากไร้ แทบไม่สามารถจะมีชีวิตได้ปกติในสังคมก็ใจดำเกินไป ถ้าห่วงส่วนแบ่งรายได้จะหายไป เราคิดไว้แล้วไม่ต้องกังวล"
สอดคล้องกับร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.หาดไทย กล่าวว่า มาตรการดังกล่าวจะไม่กระทบกับรายได้ของรัฐวิสาหกิจ เพราะรัฐบาลนำงบประมาณส่วนหนึ่งมาอุดหนุนแทน ทั้งนี้กำลังพิจารณาถึงงบประมาณและจะเสร็จภายใน 4-5 วันนี้
ไม่ช่วยอุตฯ ท่องเที่ยว
นางสาวมัยรัตน์ พีระญาณ์โกเศส นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวภายในประเทศ(สทน.) กล่าวถึงมาตรการของรัฐที่ออกมาว่า ไม่ได้ช่วยให้การเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยดีขึ้น เพราะมาตรการทั้งหมดที่รัฐบาลออกมา มุ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งคนกลุ่มนี้โดยพฤติกรรมแล้วจะไม่สนใจเรื่องท่องเที่ยว ดังนั้น มองว่าหากรัฐบาลต้องการช่วยเหลืออุตฯการท่องเที่ยวจริงๆควรต้องรีบแก้ปัญหาข้อขัดแย้งทางการเมืองโดยเร็ว เนื่องจากสถานการณ์เดินทางท่องเที่ยวของคนไทยขณะนี้ซบเซาหนักมาก คาดว่า 6 เดือนหลังของปีนี้ ตลาดท่องเที่ยวภายในประเทศของคนไทยมีสิทธิ์ลดลงไม่น้อยกว่า 60% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
