จนถึงวันนี้คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักคนเดือนตุลาคม
อาจจะมียกเว้นบ้างสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่นับวันยิ่งหาน้อยที่จะรู้จักอย่างจริงจัง และที่รู้จักนั้นบางทีก็รู้แบบเอาไปพันกับคณะราษฎรหรือการปฏิวัติ 2475 แบบคนละฝาคนละตัวก็มี
ผมคงไม่มาพูดถึงเรื่องคนเดือนตุลาเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะวันหนึ่งมีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีมาถามผมถึงความแตกแยกที่เป็นอยู่ในเมืองไทยเราขณะนี้ ว่าคิดเห็นอย่างไร
ถ้าเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูง หรือลูกศิษย์ลูกหาถามมาคงไม่สู้กระไรนัก แต่เจอคนที่ไม่รู้จักและมีฐานะเช่นนั้นผมจึงต้องระวังเป็นพิเศษ คือระวังว่าถ้าจะตอบตามมาตรฐานที่ว่าเป็นเพราะ คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นเหตุเพียงข้อเดียวโดดๆ คงไม่พอ น่าจะต้องมีอะไรที่ต้องอธิบายยาวกว่านั้น ลึกซึ้งกว่านั้น
แน่นอนว่า นอกจากคำตอบตามมาตราฐานแล้ว ผมย่อมต้องอธิบายด้วยว่า คุณทักษิณ ได้ทิ้งโอกาสในการสร้างชาติเยี่ยงรัฐบุรุษให้กับความโลภโมโทสันไปอย่างน่าเสียดาย และว่า ถึงไม่มี คุณทักษิณ ความแตกแยกที่ว่าก็ต้องเกิดขึ้นในวันหนึ่งอย่างแน่นอน ชะดีชะร้ายอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้
ในข้อหลังนี้หมายความว่า คุณทักษิณ เป็นตัวเร่งให้ความแตกแยกที่ว่าเกิดเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อดีในด้านกลับของ คุณทักษิณ โดยแท้
แต่เมื่อพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบแล้ว ผมมีข้อสังเกตว่า ลำพัง คุณทักษิณ เพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรต่ออะไรได้อย่างมากมายโดยไม่มีแรงสนับสนุนนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
เป็นความจริงที่ว่า คุณทักษิณ มีฐานทางการเงินมหาศาลชนิดที่วางใจได้ไร้กังวล มีบุคลิกภาพที่กล้าเดินหน้าท้าชนกับใครต่อใครไปทั่ว (และโดยไม่จำเป็น) เป็นคนที่กล้าออกหน้ารับพฤติกรรมของคนแวดล้อม มีน้ำใจที่จะ “จ่าย” อย่างเต็มที่กับผู้ภักดี ฯลฯ จนสามารถทำอะไรต่ออะไรได้อย่างที่เห็นก็ตาม แต่เพียงเท่านั้นยังไม่นับว่าเพียงพอ
ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะ คุณทักษิณ ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นเพราะลำพัง คุณทักษิณ คนเดียวคงคิดอะไรไม่ได้มากมายขนาดนั้นเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับคนเดือนตุลาที่อยู่แวดล้อม คุณทักษิณ
คนเดือนตุลาเหล่านี้มีบทบาทต่อ คุณทักษิณ โดยตรงมาตั้งแต่ก่อนที่ คุณทักษิณ จะตั้งพรรคไทยรักไทยเสียอีก และหลังจากนั้นก็มีคนเดือนเดียวกันนี้คนอื่นๆ ตามทยอยกันมาอีกจำนวนไม่น้อย หลายคนที่เข้าไปช่วย คุณทักษิณ ได้กลายเป็นนักการเมืองในเวลาต่อมา บางคนอาจเป็นมาก่อนหน้านั้น ขณะที่อีกหลายคนยินดีที่จะช่วย คุณทักษิณ อยู่ข้างหลัง
จนอาจกล่าวได้ว่า หากไม่นับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) แล้ว ก็มีแต่พรรคไทยรักไทยนี่แหละที่มีอดีตคนหนุ่มสาวหัวก้าวหน้าเข้าไปอยู่ด้วยมากที่สุด มากจนกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าจนยากจะประมาณได้
ผมไม่ได้เที่ยวพูดยกหางคนเดือนตุลามั่วไปโดยไร้เหตุผลแม้แต่น้อย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ผมเห็นคนเดือนตุลาเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่ยากจะหาได้อีกจากห้วงร้อยปีที่สังคมไทยได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานี้
เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษเพราะ หนึ่ง เป็นคนที่มีอุดมคติอยู่ในหัวใจ แม้ในใจบางคนอาจมอดลงบ้างก็ตาม แต่เชื้อก็ยังคงอยู่ สอง เป็นคนที่มีอุดมการณ์ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง จะต่างกันบ้างก็ในแง่รายละเอียด หรือมุมมองในบางเรื่อง สาม เป็นคนที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติโดยพื้นฐาน และทำให้มีนิสัยที่ติดข้างจะเสียสละในเรื่องสำคัญของชีวิตได้โดยไม่ลังเล สี่ มีการศึกษาและผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างกับมาตราฐานที่เป็นและเห็นอยู่ และห้า มีประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติอย่างชนิดที่จะหานักการเมืองในระบบคนใดมาเสมอเหมือนได้ยาก
อันที่จริงคงมีอะไรที่พิเศษอีกหลายข้อ แต่เท่าที่ผมสาธยายมาก็มากพอที่จะเห็นพลานุภาพของคนเดือนตุลาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ที่ผมคิดว่าต้องอธิบายเป็นพิเศษก็คือว่า ลำพังพอเอ่ยถึงคนเดือนตุลาแล้วเรามักจะนึกไปถึงคนเอียงซ้าย ซึ่งก็ถูกอยู่ แต่ก็ถูกเพียงส่วนหนึ่ง เพราะคนเดือนตุลาแม้จะซ้ายยังไง เราก็ต้องแยกความเป็นซ้ายของคนที่ไม่ใช่คนเดือนตุลาออกจากกันด้วย คนเป็นซ้ายที่ไม่ใช่คนเดือนตุลาก็คือผู้ที่อยู่กับ (พคท.) มาก่อนที่คนเดือนตุลาจะเข้าป่ากลุ่มหนึ่ง กับคนที่เป็นซ้ายแต่ไม่ได้อยู่กับ (พคท.) แต่เป็นมาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาอีกกลุ่มหนึ่ง
คนสองกลุ่มนี้ถึงจะซ้ายเหมือนกัน แต่ก็มีทัศนะและวิธีคิดไม่เหมือนกัน และก็ด้วยพันธุ์พิเศษที่ผมว่ามา 4-5 ประการข้างต้น คนเอียงซ้ายสองกลุ่มนี้จึงเข้ากันไม่ค่อยได้
ฉะนั้น คนเดือนตุลาจึงไม่เพียงเป็นผู้จุดประกายระบอบประชาธิปไตยให้ลุกโชนโชติช่วงชัชวาลจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เท่านั้น หากแม้หลังจากเหตุการณ์นั้นไปแล้ว คนเดือนตุลายังได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับชนชั้นล่างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และพอเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนป่าแตกแล้ว คนเดือนตุลาที่กลับเข้าเมืองมาก็ยังคงความเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษเอาไว้ได้ต่อไปจำนวนไม่น้อย
หลายคนที่เข้าไปมีอาชีพการงานต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม และก็ยังมีแก่ใจที่จะเห็นแก่ส่วนรวมในบางโอกาส โดยเฉพาะเวลาการเมืองเกิดวิกฤตขึ้นมา
ส่วนคนเดือนตุลาที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองก็เช่นเดียวกัน หากไม่ก้าวหน้าในตำแหน่งทางการเมือง ก็จะเป็นผู้มีบทบาทอยู่เบื้องหลังทางการเมืองด้วยความเต็มใจ ไม่ขอตำแหน่งและไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ตราบเท่าที่ใจของตนยังให้และยังมีแรงเหลือ แต่ก็ไม่โง่ดักดานจนถึงขั้นยอมกินแกลบ หรือใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนครั้งยังหนุ่มยังสาวและแต่งตัวแบบที่เรียกกันว่า “5 ย.”
หากไม่นับวงการอาชีพต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว คนเดือนตุลาที่เข้าสู่วงจรการเมืองนั้น แทบจะกล่าวได้ว่ามีอยู่ในแทบทุกพรรค และมักมีบทบาทสำคัญภายในพรรคไม่แพ้สมัยที่ยังเป็นนิสิตนักศึกษาหรือเมื่อครั้งอยู่ป่ากับ (พคท.) ถึงแม้บางคนที่อยู่ต่างพรรคจะทะเลาะเบาะแว้งจนมองหน้ากันไม่ติดก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าคนเดือนตุลาก็จับมือกันได้เมื่อถึงเวลาหนึ่ง
กล่าวเฉพาะที่เข้าสู่วงจรการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่า แทบไม่มีครั้งใดที่คนเดือนตุลาจะได้รับโอกาสในการแสดงบทบาทได้สูงเท่ากับการได้เข้าไปอยู่พรรคไทยรักไทยอีกแล้ว สูงในระดับที่เรียกได้ว่าพอๆ กับเมื่อครั้งที่ตนมีบทบาทนำในขบวนการนิสิตนักศึกษา และสูงกว่าเมื่อครั้งที่อยู่กับ (พคท.) อย่างแน่นอน
นโยบายและแผนการทางการเมืองของ คุณทักษิณ นับว่ามีแรงผลักมาจากบทบาทของคนเดือนตุลาอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนโยบายและแผนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเอกภาพ มีการคาดการณ์ล่วงหน้า มีการเตรียมการที่ดี มีการเล็งผลเลิศในทางจิตวิทยา มีการวิจัยและวิเคราะห์ และมีปฏิบัติการมวลชนที่แยบยลแนบเนียนและมากด้วยทักษะกับประสบการณ์ เป็นต้น
ที่ผมกล่าวมานี้ ดูเผินๆ แล้วอาจนึกไปว่าผมกำลังกล่าวหาคนเดือนตุลาว่าเป็นต้นเหตุของความแตกแยกเอาได้ง่ายๆ เพราะถ้ามองอย่างนั้นก็จะไม่เป็นธรรมกับคนเหล่านี้ เพราะถึงแม้มันจะถูกอยู่ส่วนหนึ่งก็ตาม แต่ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า คนเดือนตุลาใช่แต่อยู่พรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชนเพียงที่เดียวเสียเมื่อไหร่ พรรคอื่นๆ ที่อื่นๆ ก็มีคนเดือนตุลาแสดงบทบาททางการเมืองอยู่เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ในเวทีพันธมิตรฯ
ถ้าเช่นนั้นผมพูดถึงคนเดือนตุลาขึ้นมาทำแมวอะไร?
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะบนความแตกแยกที่ปรากฏอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากใครหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ปรากฏความจริงอีกข้อหนึ่งด้วยว่า มันคือความแตกแยกของคนเดือนตุลาด้วยกันเองด้วย
บางทีความแตกแยกครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของคำว่าคนเดือนตุลาบนเวทีการเมือง โดยที่ก่อนหน้านี้มันได้สลายไปนานหลายปีดีดักแล้วสำหรับคนบางคน
อาจจะมียกเว้นบ้างสำหรับเด็กรุ่นใหม่ ที่นับวันยิ่งหาน้อยที่จะรู้จักอย่างจริงจัง และที่รู้จักนั้นบางทีก็รู้แบบเอาไปพันกับคณะราษฎรหรือการปฏิวัติ 2475 แบบคนละฝาคนละตัวก็มี
ผมคงไม่มาพูดถึงเรื่องคนเดือนตุลาเลย ถ้าหากไม่ใช่เพราะวันหนึ่งมีผู้ใหญ่ที่มีวุฒิภาวะและมีตำแหน่งหน้าที่การงานดีมาถามผมถึงความแตกแยกที่เป็นอยู่ในเมืองไทยเราขณะนี้ ว่าคิดเห็นอย่างไร
ถ้าเป็นพรรคพวกเพื่อนฝูง หรือลูกศิษย์ลูกหาถามมาคงไม่สู้กระไรนัก แต่เจอคนที่ไม่รู้จักและมีฐานะเช่นนั้นผมจึงต้องระวังเป็นพิเศษ คือระวังว่าถ้าจะตอบตามมาตรฐานที่ว่าเป็นเพราะ คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นต้นเหตุเพียงข้อเดียวโดดๆ คงไม่พอ น่าจะต้องมีอะไรที่ต้องอธิบายยาวกว่านั้น ลึกซึ้งกว่านั้น
แน่นอนว่า นอกจากคำตอบตามมาตราฐานแล้ว ผมย่อมต้องอธิบายด้วยว่า คุณทักษิณ ได้ทิ้งโอกาสในการสร้างชาติเยี่ยงรัฐบุรุษให้กับความโลภโมโทสันไปอย่างน่าเสียดาย และว่า ถึงไม่มี คุณทักษิณ ความแตกแยกที่ว่าก็ต้องเกิดขึ้นในวันหนึ่งอย่างแน่นอน ชะดีชะร้ายอาจจะรุนแรงกว่านี้ก็เป็นได้
ในข้อหลังนี้หมายความว่า คุณทักษิณ เป็นตัวเร่งให้ความแตกแยกที่ว่าเกิดเร็วขึ้น ซึ่งถือเป็นข้อดีในด้านกลับของ คุณทักษิณ โดยแท้
แต่เมื่อพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบแล้ว ผมมีข้อสังเกตว่า ลำพัง คุณทักษิณ เพียงคนเดียวคงไม่สามารถทำอะไรต่ออะไรได้อย่างมากมายโดยไม่มีแรงสนับสนุนนั้น ย่อมเป็นไปไม่ได้
เป็นความจริงที่ว่า คุณทักษิณ มีฐานทางการเงินมหาศาลชนิดที่วางใจได้ไร้กังวล มีบุคลิกภาพที่กล้าเดินหน้าท้าชนกับใครต่อใครไปทั่ว (และโดยไม่จำเป็น) เป็นคนที่กล้าออกหน้ารับพฤติกรรมของคนแวดล้อม มีน้ำใจที่จะ “จ่าย” อย่างเต็มที่กับผู้ภักดี ฯลฯ จนสามารถทำอะไรต่ออะไรได้อย่างที่เห็นก็ตาม แต่เพียงเท่านั้นยังไม่นับว่าเพียงพอ
ทั้งนี้ไม่ใช่เพราะ คุณทักษิณ ไม่ใช่เทวดา แต่เป็นเพราะลำพัง คุณทักษิณ คนเดียวคงคิดอะไรไม่ได้มากมายขนาดนั้นเป็นแน่
ด้วยเหตุนี้ ผมจึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษกับคนเดือนตุลาที่อยู่แวดล้อม คุณทักษิณ
คนเดือนตุลาเหล่านี้มีบทบาทต่อ คุณทักษิณ โดยตรงมาตั้งแต่ก่อนที่ คุณทักษิณ จะตั้งพรรคไทยรักไทยเสียอีก และหลังจากนั้นก็มีคนเดือนเดียวกันนี้คนอื่นๆ ตามทยอยกันมาอีกจำนวนไม่น้อย หลายคนที่เข้าไปช่วย คุณทักษิณ ได้กลายเป็นนักการเมืองในเวลาต่อมา บางคนอาจเป็นมาก่อนหน้านั้น ขณะที่อีกหลายคนยินดีที่จะช่วย คุณทักษิณ อยู่ข้างหลัง
จนอาจกล่าวได้ว่า หากไม่นับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) แล้ว ก็มีแต่พรรคไทยรักไทยนี่แหละที่มีอดีตคนหนุ่มสาวหัวก้าวหน้าเข้าไปอยู่ด้วยมากที่สุด มากจนกลายเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีค่าจนยากจะประมาณได้
ผมไม่ได้เที่ยวพูดยกหางคนเดือนตุลามั่วไปโดยไร้เหตุผลแม้แต่น้อย เพราะแต่ไหนแต่ไรมาแล้วที่ผมเห็นคนเดือนตุลาเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษที่ยากจะหาได้อีกจากห้วงร้อยปีที่สังคมไทยได้ผ่านร้อนผ่านหนาวมานี้
เป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษเพราะ หนึ่ง เป็นคนที่มีอุดมคติอยู่ในหัวใจ แม้ในใจบางคนอาจมอดลงบ้างก็ตาม แต่เชื้อก็ยังคงอยู่ สอง เป็นคนที่มีอุดมการณ์ในระดับที่แน่นอนหนึ่ง จะต่างกันบ้างก็ในแง่รายละเอียด หรือมุมมองในบางเรื่อง สาม เป็นคนที่มีความปรารถนาดีต่อประเทศชาติโดยพื้นฐาน และทำให้มีนิสัยที่ติดข้างจะเสียสละในเรื่องสำคัญของชีวิตได้โดยไม่ลังเล สี่ มีการศึกษาและผ่านกระบวนการเรียนรู้ที่แตกต่างกับมาตราฐานที่เป็นและเห็นอยู่ และห้า มีประสบการณ์ทางการเมือง ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติอย่างชนิดที่จะหานักการเมืองในระบบคนใดมาเสมอเหมือนได้ยาก
อันที่จริงคงมีอะไรที่พิเศษอีกหลายข้อ แต่เท่าที่ผมสาธยายมาก็มากพอที่จะเห็นพลานุภาพของคนเดือนตุลาได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ที่ผมคิดว่าต้องอธิบายเป็นพิเศษก็คือว่า ลำพังพอเอ่ยถึงคนเดือนตุลาแล้วเรามักจะนึกไปถึงคนเอียงซ้าย ซึ่งก็ถูกอยู่ แต่ก็ถูกเพียงส่วนหนึ่ง เพราะคนเดือนตุลาแม้จะซ้ายยังไง เราก็ต้องแยกความเป็นซ้ายของคนที่ไม่ใช่คนเดือนตุลาออกจากกันด้วย คนเป็นซ้ายที่ไม่ใช่คนเดือนตุลาก็คือผู้ที่อยู่กับ (พคท.) มาก่อนที่คนเดือนตุลาจะเข้าป่ากลุ่มหนึ่ง กับคนที่เป็นซ้ายแต่ไม่ได้อยู่กับ (พคท.) แต่เป็นมาก่อนเหตุการณ์ 14 ตุลาอีกกลุ่มหนึ่ง
คนสองกลุ่มนี้ถึงจะซ้ายเหมือนกัน แต่ก็มีทัศนะและวิธีคิดไม่เหมือนกัน และก็ด้วยพันธุ์พิเศษที่ผมว่ามา 4-5 ประการข้างต้น คนเอียงซ้ายสองกลุ่มนี้จึงเข้ากันไม่ค่อยได้
ฉะนั้น คนเดือนตุลาจึงไม่เพียงเป็นผู้จุดประกายระบอบประชาธิปไตยให้ลุกโชนโชติช่วงชัชวาลจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เท่านั้น หากแม้หลังจากเหตุการณ์นั้นไปแล้ว คนเดือนตุลายังได้ทุ่มเทแรงกายแรงใจให้กับชนชั้นล่างอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน และพอเข้าป่าหลังเหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 จนป่าแตกแล้ว คนเดือนตุลาที่กลับเข้าเมืองมาก็ยังคงความเป็นมนุษย์พันธุ์พิเศษเอาไว้ได้ต่อไปจำนวนไม่น้อย
หลายคนที่เข้าไปมีอาชีพการงานต่างๆ ประสบความสำเร็จอย่างน่าชื่นชม และก็ยังมีแก่ใจที่จะเห็นแก่ส่วนรวมในบางโอกาส โดยเฉพาะเวลาการเมืองเกิดวิกฤตขึ้นมา
ส่วนคนเดือนตุลาที่เข้าไปมีบทบาททางการเมืองก็เช่นเดียวกัน หากไม่ก้าวหน้าในตำแหน่งทางการเมือง ก็จะเป็นผู้มีบทบาทอยู่เบื้องหลังทางการเมืองด้วยความเต็มใจ ไม่ขอตำแหน่งและไม่เรียกร้องค่าตอบแทนใดๆ ตราบเท่าที่ใจของตนยังให้และยังมีแรงเหลือ แต่ก็ไม่โง่ดักดานจนถึงขั้นยอมกินแกลบ หรือใช้ชีวิตเรียบง่ายเหมือนครั้งยังหนุ่มยังสาวและแต่งตัวแบบที่เรียกกันว่า “5 ย.”
หากไม่นับวงการอาชีพต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนแล้ว คนเดือนตุลาที่เข้าสู่วงจรการเมืองนั้น แทบจะกล่าวได้ว่ามีอยู่ในแทบทุกพรรค และมักมีบทบาทสำคัญภายในพรรคไม่แพ้สมัยที่ยังเป็นนิสิตนักศึกษาหรือเมื่อครั้งอยู่ป่ากับ (พคท.) ถึงแม้บางคนที่อยู่ต่างพรรคจะทะเลาะเบาะแว้งจนมองหน้ากันไม่ติดก็ตาม แต่ขึ้นชื่อว่าคนเดือนตุลาก็จับมือกันได้เมื่อถึงเวลาหนึ่ง
กล่าวเฉพาะที่เข้าสู่วงจรการเมืองแล้ว ต้องยอมรับว่า แทบไม่มีครั้งใดที่คนเดือนตุลาจะได้รับโอกาสในการแสดงบทบาทได้สูงเท่ากับการได้เข้าไปอยู่พรรคไทยรักไทยอีกแล้ว สูงในระดับที่เรียกได้ว่าพอๆ กับเมื่อครั้งที่ตนมีบทบาทนำในขบวนการนิสิตนักศึกษา และสูงกว่าเมื่อครั้งที่อยู่กับ (พคท.) อย่างแน่นอน
นโยบายและแผนการทางการเมืองของ คุณทักษิณ นับว่ามีแรงผลักมาจากบทบาทของคนเดือนตุลาอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนโยบายและแผนการนี้ดำเนินไปอย่างมีเอกภาพ มีการคาดการณ์ล่วงหน้า มีการเตรียมการที่ดี มีการเล็งผลเลิศในทางจิตวิทยา มีการวิจัยและวิเคราะห์ และมีปฏิบัติการมวลชนที่แยบยลแนบเนียนและมากด้วยทักษะกับประสบการณ์ เป็นต้น
ที่ผมกล่าวมานี้ ดูเผินๆ แล้วอาจนึกไปว่าผมกำลังกล่าวหาคนเดือนตุลาว่าเป็นต้นเหตุของความแตกแยกเอาได้ง่ายๆ เพราะถ้ามองอย่างนั้นก็จะไม่เป็นธรรมกับคนเหล่านี้ เพราะถึงแม้มันจะถูกอยู่ส่วนหนึ่งก็ตาม แต่ดังที่ผมได้กล่าวไปแล้วว่า คนเดือนตุลาใช่แต่อยู่พรรคไทยรักไทยหรือพรรคพลังประชาชนเพียงที่เดียวเสียเมื่อไหร่ พรรคอื่นๆ ที่อื่นๆ ก็มีคนเดือนตุลาแสดงบทบาททางการเมืองอยู่เช่นกัน ไม่เว้นแม้แต่ในเวทีพันธมิตรฯ
ถ้าเช่นนั้นผมพูดถึงคนเดือนตุลาขึ้นมาทำแมวอะไร?
ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ เพราะบนความแตกแยกที่ปรากฏอยู่ ณ ขณะนี้ ไม่ว่าจะมีสาเหตุมาจากใครหรืออะไรก็ตาม แต่ก็ปรากฏความจริงอีกข้อหนึ่งด้วยว่า มันคือความแตกแยกของคนเดือนตุลาด้วยกันเองด้วย
บางทีความแตกแยกครั้งนี้จะเป็นโอกาสสุดท้ายของคำว่าคนเดือนตุลาบนเวทีการเมือง โดยที่ก่อนหน้านี้มันได้สลายไปนานหลายปีดีดักแล้วสำหรับคนบางคน