ผู้จัดการรายวัน - ป.ป.ช.มีมติรับ คำร้องพันธมิตรฯ–ส.ว.ให้ฟันอาญารัฐบาลหุ่นเชิด ขายชาติ พร้อมโต้เป็นองค์กรตาม รธน.เหตุราชเลขาธิการชี้ คปค.มีอำนาจตั้งกรรมการ ป.ป.ช.ทั้ง 9 คน โดยสมบูรณ์ ด้านแกนำพันธมิตรฯยื่น 46,530 รายชื่อต่อประธานวุฒิสภาเพื่อขอให้ถอด ครม.อีกทาง “ปฐมพงษ์” ย้ำถ้ากองทัพไม่เข้มแข็ง ก็ไม่มีประโยชน์ในการเจรจากับฝ่ายตรงข้าม และต้องมีอุดมการณ์รักชาติ พร้อมเตือนภัย “คนหน้าเหลี่ยม” ใช้เกาะกงเป็นฐานทำลายความมั่นคงของไทย หากถูกตะเพิดในอีกไม่กี่วันข้างหน้า มั่นใจไม่เกินวันที่ 12 ส.ค.จะต้องได้รับชัยชนะ
วานนี้ (15 ก.ค.) นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้มีมติรับคำร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.พร้อมด้วยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ที่ได้มายื่นคำร้องขอให้ดำเนินคดีอาญากับคณะรัฐมนตรี(ครม.) อธิบดีกรมสนธิสัญญา และกฎหมาย และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เจ้ากรมแผนที่ทหาร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ในกรณีที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ให้ความเห็นชอบคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชากรณีประสาทพระวิหาร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 ลงวันที่ 8 ก.ค.ว่า คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง
ทั้งนี้ เมื่อ ป.ป.ช.ได้มีมติรับคำร้องแล้วจึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำไปรวมประมวลรายละเอียดข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาโดยด่วนอีกครั้ง
“ครม.หุ่นเชิด” ขายชาติจอคุก
นายวิชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไม่มีสิทธิถอดถอน ครม.เพราะเป็นองค์กรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ถวายสัตย์ปฎิญาณเข้ารับหน้าที่ว่า หลังจากที่ คปค.ได้มีประกาศ คปค.ฉบับวันที่ 19 ลงวันที่ 22 ก.ย.49 ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยให้งดการบังคับใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการ ป.ป.ช.และได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ประกอบด้วยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.และกรรมการอีก 8 คน แล้วนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือลงวันที่ 3 พ.ย.49 ถึงเลขาธิการ ครม.เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและกรรมการ ป.ป.ช.ที่ คปค.แต่งตั้งดังกล่าว ซึ่งสำนักเลขาธิการ ครม.ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 ธ.ค.49 แจ้งว่า ได้ขอให้สำนักงานราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว ได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ คปค.ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ย่อมถือได้ว่า มีผลสมบูรณ์ บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คปค.มีฐานะเป็น รัฎฐาธิปัตย์ มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ประกาศ หรือคำสั่งของคปค.ต่างๆย่อมมีผลบังคับใช้โดยชอบตั้งแต่ต้น
นายวิชา กล่าวว่า นอกจากนี้ประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ลงวันที่ 30 ก.ย. 49 ข้อ 1 ได้บัญญัติว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มิให้กระบวนการกระทบกระเทือนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังคงบังคับใช้ต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และให้ถือว่า ป.ป.ช.ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และหลังจากนั้น เมื่อได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2549 ก็ได้มับทบัญญัติมาตรา 36 ว่าบรรดาประกาศ และคำสั่งของ คปค. และคำสั่งของหัวหน้า คปค.ไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
นายวิชา กล่าวว่า อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 299 ได้บัญญัติให้กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งดำรงตำแหน่งในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
ยื่นกว่า 4 หมื่นรายชื่อถอดถอน ครม.
เวลา 15.30 น.วันเดียวกันนี้ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา นายพิภพ ธงไชย และนายศิริชัย ไม้งาม ได้เข้ายื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 58 กล่องรวม 46,530 รายชื่อ เพื่อถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ภายหลังจากที่ได้แสดงตนยื่นถอดถอนตาม รธน.มาตรา 270 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายพิภพ กล่าวว่า ตนเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อถอดถอน ครม.ทั้งคณะ เป็นรายบุคคล พร้อมทั้งนำรายชื่อของประชาชนจำนวน 46,530 รายชื่อ เอกสารหลักฐานและเหตุผลยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ด้าน นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการตรวจสอบรายชื่ออาจใช้เวลานานกว่า 30 วัน แต่สามารถขอขยายเวลาได้ สาเหตุที่ล่าช้าเพราะต้องรอการตรวจสอบรายชื่อทั้งจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตนจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร็วที่สุด แต่การยื่นถอดถอนแต่ละเรื่องมีรายชื่อจำนวนมาก
เตือนหักดิบแก้ รธน.จุดชนวนปฏิวัติ
เวลา 18.20 น.นายสุริยะใส แถลงถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน 6 มาตรการ 6 เดือน ของรัฐบาล ว่า การลดค่าน้ำค่าไฟ และค่าโดยสารฟรีนั้น โดยหลักการถือว่าเป็นประโยชน์ แต่ปัญหาคือสถานการณ์การเมืองในขนาดนี้จะมีวาระอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่พ้นการเอาใจคนจนด้วยการซื้อคะแนนเสียงล่วงหน้าและเป็นลูกไม้เก่าของรัฐบาลนอมินี เพราะหลังจากนี้ 2-3 เดือน อาจมีการยุบสภา จึงต้องเร่งออกนโยบายประชานิยม แต่ทันทีที่ประกาศหุ้นร่วงทันที 23 จุด ซึ่งหมายความว่าตลาดการลงทุนและตลาดหุ้น ไม่ตอบรับมาตรการดังกล่าวถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะแก้ปัญหาเป็นจุดๆ และจะต้องเรียกคะแนนเสียง โดยไม่สนผลระยะยาว
ทั้งนี้ ตนทราบข่าว เพราะว่ารัฐบาลได้มีการโทร.หาผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ โดยสั่งให้ตรึงราคา แต่คำถามคือ รัฐบาลจะหาเงินที่ไหนมาอุดหนุน สุดท้ายรัฐบาลก็หวังเพียงแค่คะแนนจากคนจน ซึ่งเป็นวิธีคิดของนักเลือกตั้ง ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและอยู่ในช่วงของลงส่วนตัว
สำหรับการป้ายสีรัฐธรรมนูญ โดยพยายามเดินหน้าถอดถอน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จนถึงการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีศาลและอำนาจตุลาการนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการวิจารณ์ คนที่ไม่มีความรู้พออาจจะเกิดอคติต่อศาลได้ และนำไปสู่การต่อต้านคำตัดสินของศาลในอนาคต ตนไม่แน่ใจว่าเป็นแผนที่เตรียมไว้หากมีการตัดสิน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องติดคุกติดตารางหรือไม่ ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ศาลต้องทำได้ แต่ต้องรอบรู้ ระมัดระวังไม่อคติและหวังผลทางการเมือง กลุ่มพันธมิตรยืนยันว่าจะยังยืนหยัดต่อต้านการแก้ รธน.ไม่ว่าจะเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับจนถึงที่สุด
ส่วนกรณีที่พรรคพรรคพลังประชาชน (พปช.) ล่ารายชื่อถอดถอนองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นายสุริยะใส กล่าวว่า เนื่องจาก พปช.อยู่ในภาวะดิ้นหนีตาย ดังนั้น การฉีก รธน.จึงเป็นวิธีเดียว เนื่องจากการรัฐประหารตนเองไม่สามารถทำได้ เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร นอกจากจะมีการล้วงลูกในที่สุด ดังนั้น การแก้ รธน.3 วาระรวด ก็คือ การรัฐประหารเงียบ หักดิบต่อความรู้สึกประชาชน หากรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ รธน. บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟแน่นอน รัฐบาลต้องเตรียมตัว แสดงความรับผิดชอบขึ้นมาด้วย เพราะการปลุกผีแก้ รธน.อาจเป็นเงื่อนไขให้ทหารไม่ลังเลในการทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจได้ หากคณะรัฐบาลรุกเข้าไปในแดนของตุลาการมากๆ สุดท้ายทหารก็จะออกมา ดังนั้นขอเตือน พปช.ว่า ให้คิดให้ดี แล้วอย่ามากล่าวหาพันธมิตรฯในภายหลัง เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังจุดชนวนให้เกิดการรัฐประหาร
“ปฐมพงษ์” ชี้ไม่เกิน 12 ส.ค.ชนะ
ทางด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้ขึ้นเวทีพันธิมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้ง ย้ำว่า เราไม่เคยยอมรับอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร และปัญหาที่ผ่านมาตลอด คือ เราไม่เคยยอมรับแผนที่ของฝรั่งเศส ที่ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเราไม่เคยยอมรับมาตลอด พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า มีการปล่อยปละละเลยในพื้นที่ชายแดนมาตลอด จนแก้ไขยากในปัจจุบัน ทั้งที่มีการรายงานเข้ามาตลอด แต่ระดับผู้บังคับบัญชามีท่าทีระมัดระวัง โดยอ้างเรื่องเกรงว่าจะเสียความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเราเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารมาตลอดและมาในยุคนี้ยังมีคนของเรายกพื้นที่ไปให้เขาอีก มันก็ยิ่งยากไปอีก แต่ด้วยพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว เราจะต้องได้กลับคืนมา
พล.อ.ปฐมพงษ์ ย้ำว่า การเจรจาใดๆ ถ้ากองทัพไม่เข้มแข็ง ก็ไม่เกิดประโยชน์ ทหารต้องมีความเข้มแข็ง แต่สิ่งสำคัญที่สุด แม้จะขาดแคลนทุกอย่าง แต่ถ้าใจสู้ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ ต้องมีอุดมการณ์รักชาติ สิ่งที่ต้องปรับปรุง คือ ขวัญ กำลังใจ ตราบใดที่ยังปล่อยให้นักการเมืองมาแทรกแซงกดดัน ก็ไม่ทางรักษาพระบรมเดชานุภาพได้ จะกลายเป็นทาสของนักการเมืองชั่วๆเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้พังแน่ๆ ประชาชนไปพึ่งพาไม่ได้ พระบรมเดชานุภาพก็ถูกจาบจ้วงได้ง่าย
ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฯกล่าวว่า คนชั่วก็ทานพลังของพวกท่าน (ประชาชน) ไม่ได้ ทั้งคนชั่วในอดีตที่ยังมีพลังอยู่ และคนชั่วในปัจจุบันที่ยังเหิมเกริมอยู่ แต่จากการประเมินพวกนี้กำลังจะหนี ซึ่งเราต้องมีเครือข่ายติดตาม บอกกล่าวกัน อย่าให้พวกนี้หนีไปได้ เพราะคนเหล่านี้มีเงินมาก สามารถซื้อเพื่อหลบหนีได้
“ที่ผมห่วงก็คือการไปเช่าเกาะกง ต่อไปจะเป็นหอกข้างแคร่ ทำลายเราตลอดในอนาคต เพราะการทำบ่อนกาสิโน ทำเงินวันละพันล้านแล้วส่งเงินมาให้พวกกากเดนในบ้านเรา ดังนั้นเราต้องป้องกันไม่ให้มันฟื้นอย่างน้อย 5 ปีเพื่อให้การเมืองใหม่ได้เกิด สำหรับผมไม่เคยกลัวอะไร ขอให้ภูมิใจในความรักชาติ” พล.อ.ปฐมพงษ์ ระบุ และว่า การเสียดินแดนทุกครั้งตั้งแต่อยุธยา และครั้งนี้คนพวกนี้ก็กลับชาติมาเกิด และอย่าให้คนขายชาติพวกนี้ได้ตายง่ายๆ ต้องให้ตายทั้งเป็นอยู่อย่างไร้เกียรติให้หน้าชื่นอกตรม
พล.อ.ปฐมพงษ์ มั่นใจว่า ไม่เกินวันที่ 12 สิงหาคมพวกเราจะต้องได้รับชัยชนะ และวันนั้นพระบรมเดชานุภาพจะต้องเกรียงไกรยิ่งใหญ่กลับคืนมา การที่กลุ่มอำนาจเก่าไปเช่าพื้นที่เกาะกงเพื่อมาบ่อนทำลายเรา คนพวกนี้ไม่เคยมีสัจจะ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และกลุ่มเท่านั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้พี่น้องรวมตัวเป็นเครือข่ายช่วยกันติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มคนชายชาติ อย่าให้รอดสายตาไปได้
“พิภพ” ชี้ “หมัก” เร่งแก้ รธน.ช่วย "แม้ว"
เวลา 21.15 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐบาลธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ว่า รัฐบาลพรรคหลังประชาชนนี้ติดนิสัยรัฐบาลไทยรักไทย คือการไม่ยอมรับในอำนาจของศาล โดยส่วนตัวมาองว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน
“นายสมัครกับทักษิณ มีสัญญาระหว่างกัน 2 ข้อ เพื่อที่จะให้นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้คือเรื่องจริง ถ้าไม่จริงขอให้นายสมัคร ออกมาปฏิเสธ คือ 1.จะทำเรื่องที่ทักษิณถูกกล่าวว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่จงรักภักดีโดยนายสมัคร สัญญาว่าจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทักษิณไม่มีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไปแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา ล้วนเป็นที่มีกลุ่มทุนของพรรคไทยรักไทยสนับสนุนอยู่ทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ 2 จะทำเรื่องคดีทักษิณไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น แก้ไขมาตรา 309 ต้องการทำลาย คตส.และทำลาย ป.ป.ช.รวมถึงแก้ไขมาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค ถ้าสำเร็จก็จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรรม 111 คนของไทยรักไทยแล้วก็ดึงคดีความต่างออกหมด พร้อมยกเลิกมาตรการและประกาศต่างๆ ของ คมช.”นายพิภพ กล่าว
วานนี้ (15 ก.ค.) นายวิชา มหาคุณ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ป.ป.ช.ได้มีมติรับคำร้องของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.พร้อมด้วยนายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา ที่ได้มายื่นคำร้องขอให้ดำเนินคดีอาญากับคณะรัฐมนตรี(ครม.) อธิบดีกรมสนธิสัญญา และกฎหมาย และข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศที่เกี่ยวข้องปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เจ้ากรมแผนที่ทหาร เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
ในกรณีที่ ครม.ได้มีมติเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.ให้ความเห็นชอบคำแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชากรณีประสาทพระวิหาร ตามที่กระทรวงการต่างประเทศเสนอ ซึ่งต่อมาศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 ลงวันที่ 8 ก.ค.ว่า คำแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวเป็นหนังสือสัญญาที่อาจมีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตของประเทศ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 190 วรรคสอง
ทั้งนี้ เมื่อ ป.ป.ช.ได้มีมติรับคำร้องแล้วจึงมอบหมายให้พนักงานเจ้าหน้าที่นำไปรวมประมวลรายละเอียดข้อเท็จจริง ข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้วเสนอให้คณะกรรมการ ป.ป.ช.พิจารณาโดยด่วนอีกครั้ง
“ครม.หุ่นเชิด” ขายชาติจอคุก
นายวิชา กล่าวอีกว่า นอกจากนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช.ขอชี้แจงกรณีที่มีการกล่าวหาว่า ป.ป.ช.ไม่มีสิทธิถอดถอน ครม.เพราะเป็นองค์กรที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากไม่ได้ถวายสัตย์ปฎิญาณเข้ารับหน้าที่ว่า หลังจากที่ คปค.ได้มีประกาศ คปค.ฉบับวันที่ 19 ลงวันที่ 22 ก.ย.49 ให้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มีผลบังคับใช้ต่อไป โดยให้งดการบังคับใช้บทบัญญัติเกี่ยวกับการสรรหาคณะกรรมการ ป.ป.ช.และได้แต่งตั้งคณะกรรมการ ป.ป.ช.
ประกอบด้วยนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานกรรมการ ป.ป.ช.และกรรมการอีก 8 คน แล้วนั้น สำนักงาน ป.ป.ช.ได้มีหนังสือลงวันที่ 3 พ.ย.49 ถึงเลขาธิการ ครม.เพื่อขอให้นำความกราบบังคมทูลเพื่อทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานและกรรมการ ป.ป.ช.ที่ คปค.แต่งตั้งดังกล่าว ซึ่งสำนักเลขาธิการ ครม.ได้มีหนังสือลงวันที่ 20 ธ.ค.49 แจ้งว่า ได้ขอให้สำนักงานราชเลขาธิการ นำความกราบบังคมทูลพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งแล้ว ได้รับแจ้งว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช.ที่ คปค.ได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ย่อมถือได้ว่า มีผลสมบูรณ์ บังคับใช้ได้ตามกฎหมาย เนื่องจากขณะนั้น คปค.มีฐานะเป็น รัฎฐาธิปัตย์ มีอำนาจเด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว ประกาศ หรือคำสั่งของคปค.ต่างๆย่อมมีผลบังคับใช้โดยชอบตั้งแต่ต้น
นายวิชา กล่าวว่า นอกจากนี้ประกาศ คปค.ฉบับที่ 31 เรื่อง การดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ลงวันที่ 30 ก.ย. 49 ข้อ 1 ได้บัญญัติว่า การยกเลิกรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มิให้กระบวนการกระทบกระเทือนการบังคับใช้ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตพ.ศ.2542 โดย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ยังคงบังคับใช้ต่อไปจนกว่าจะมีกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติมหรือยกเลิก และให้ถือว่า ป.ป.ช.ซึ่งได้รับการแต่งตั้งตามประกาศ คปค.ได้รับการสรรหาและแต่งตั้งโดยชอบตาม พ.ร.บ.ดังกล่าว และหลังจากนั้น เมื่อได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญชั่วคราว พ.ศ.2549 ก็ได้มับทบัญญัติมาตรา 36 ว่าบรรดาประกาศ และคำสั่งของ คปค. และคำสั่งของหัวหน้า คปค.ไม่ว่าจะประกาศหรือสั่งให้มีผลบังคับในทางนิติบัญญัติ ในทางบริหารหรือในทางตุลาการ ให้มีผลบังคับใช้ต่อไป
นายวิชา กล่าวว่า อีกทั้งรัฐธรรมนูญ 2550 มาตรา 299 ได้บัญญัติให้กรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งดำรงตำแหน่งในวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ คงดำรงตำแหน่งต่อไปจนกว่าจะสิ้นสุดวาระ โดยให้เริ่มนับวาระตั้งแต่วันที่ได้รับแต่งตั้ง ดังนั้น จึงแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้ เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบด้วยกฎหมายมาตั้งแต่ต้น
ยื่นกว่า 4 หมื่นรายชื่อถอดถอน ครม.
เวลา 15.30 น.วันเดียวกันนี้ตัวแทนกลุ่มพันธมิตรฯ ประกอบด้วยนายสุริยะใส กตะศิลา นายพิภพ ธงไชย และนายศิริชัย ไม้งาม ได้เข้ายื่นรายชื่อประชาชนจำนวน 58 กล่องรวม 46,530 รายชื่อ เพื่อถอดถอนคณะรัฐมนตรีทั้งคณะ ภายหลังจากที่ได้แสดงตนยื่นถอดถอนตาม รธน.มาตรา 270 เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยนายพิภพ กล่าวว่า ตนเดินทางมายื่นหนังสือเพื่อถอดถอน ครม.ทั้งคณะ เป็นรายบุคคล พร้อมทั้งนำรายชื่อของประชาชนจำนวน 46,530 รายชื่อ เอกสารหลักฐานและเหตุผลยื่นต่อประธานวุฒิสภา เพื่อให้ดำเนินการตามกระบวนการต่อไป
ด้าน นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าการตรวจสอบรายชื่ออาจใช้เวลานานกว่า 30 วัน แต่สามารถขอขยายเวลาได้ สาเหตุที่ล่าช้าเพราะต้องรอการตรวจสอบรายชื่อทั้งจาก คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) และสำนักงานทะเบียนราษฎร์ของกระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ตนจะเร่งดำเนินการตามขั้นตอนอย่างเร็วที่สุด แต่การยื่นถอดถอนแต่ละเรื่องมีรายชื่อจำนวนมาก
เตือนหักดิบแก้ รธน.จุดชนวนปฏิวัติ
เวลา 18.20 น.นายสุริยะใส แถลงถึงมาตรการช่วยเหลือประชาชน 6 มาตรการ 6 เดือน ของรัฐบาล ว่า การลดค่าน้ำค่าไฟ และค่าโดยสารฟรีนั้น โดยหลักการถือว่าเป็นประโยชน์ แต่ปัญหาคือสถานการณ์การเมืองในขนาดนี้จะมีวาระอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะขณะนี้รัฐบาลอยู่ในช่วงขาลง ดังนั้น จึงเลี่ยงไม่พ้นการเอาใจคนจนด้วยการซื้อคะแนนเสียงล่วงหน้าและเป็นลูกไม้เก่าของรัฐบาลนอมินี เพราะหลังจากนี้ 2-3 เดือน อาจมีการยุบสภา จึงต้องเร่งออกนโยบายประชานิยม แต่ทันทีที่ประกาศหุ้นร่วงทันที 23 จุด ซึ่งหมายความว่าตลาดการลงทุนและตลาดหุ้น ไม่ตอบรับมาตรการดังกล่าวถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ซึ่งจากนี้ไปรัฐบาลจะแก้ปัญหาเป็นจุดๆ และจะต้องเรียกคะแนนเสียง โดยไม่สนผลระยะยาว
ทั้งนี้ ตนทราบข่าว เพราะว่ารัฐบาลได้มีการโทร.หาผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ โดยสั่งให้ตรึงราคา แต่คำถามคือ รัฐบาลจะหาเงินที่ไหนมาอุดหนุน สุดท้ายรัฐบาลก็หวังเพียงแค่คะแนนจากคนจน ซึ่งเป็นวิธีคิดของนักเลือกตั้ง ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัวและอยู่ในช่วงของลงส่วนตัว
สำหรับการป้ายสีรัฐธรรมนูญ โดยพยายามเดินหน้าถอดถอน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จนถึงการวิพากษ์วิจารณ์โจมตีศาลและอำนาจตุลาการนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องใช้ความรู้ความเข้าใจในการวิจารณ์ คนที่ไม่มีความรู้พออาจจะเกิดอคติต่อศาลได้ และนำไปสู่การต่อต้านคำตัดสินของศาลในอนาคต ตนไม่แน่ใจว่าเป็นแผนที่เตรียมไว้หากมีการตัดสิน ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องติดคุกติดตารางหรือไม่ ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ศาลต้องทำได้ แต่ต้องรอบรู้ ระมัดระวังไม่อคติและหวังผลทางการเมือง กลุ่มพันธมิตรยืนยันว่าจะยังยืนหยัดต่อต้านการแก้ รธน.ไม่ว่าจะเป็นรายมาตราหรือทั้งฉบับจนถึงที่สุด
ส่วนกรณีที่พรรคพรรคพลังประชาชน (พปช.) ล่ารายชื่อถอดถอนองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ นายสุริยะใส กล่าวว่า เนื่องจาก พปช.อยู่ในภาวะดิ้นหนีตาย ดังนั้น การฉีก รธน.จึงเป็นวิธีเดียว เนื่องจากการรัฐประหารตนเองไม่สามารถทำได้ เพราะ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร นอกจากจะมีการล้วงลูกในที่สุด ดังนั้น การแก้ รธน.3 วาระรวด ก็คือ การรัฐประหารเงียบ หักดิบต่อความรู้สึกประชาชน หากรัฐบาลยังเดินหน้าแก้ รธน. บ้านเมืองจะต้องลุกเป็นไฟแน่นอน รัฐบาลต้องเตรียมตัว แสดงความรับผิดชอบขึ้นมาด้วย เพราะการปลุกผีแก้ รธน.อาจเป็นเงื่อนไขให้ทหารไม่ลังเลในการทำรัฐประหารหรือยึดอำนาจได้ หากคณะรัฐบาลรุกเข้าไปในแดนของตุลาการมากๆ สุดท้ายทหารก็จะออกมา ดังนั้นขอเตือน พปช.ว่า ให้คิดให้ดี แล้วอย่ามากล่าวหาพันธมิตรฯในภายหลัง เพราะขณะนี้รัฐบาลกำลังจุดชนวนให้เกิดการรัฐประหาร
“ปฐมพงษ์” ชี้ไม่เกิน 12 ส.ค.ชนะ
ทางด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษากองบัญชาการทหารสูงสุด ได้ขึ้นเวทีพันธิมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยอีกครั้ง ย้ำว่า เราไม่เคยยอมรับอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร และปัญหาที่ผ่านมาตลอด คือ เราไม่เคยยอมรับแผนที่ของฝรั่งเศส ที่ใช้อัตราส่วน 1 ต่อ 2 แสน ซึ่งเราไม่เคยยอมรับมาตลอด พร้อมทั้งชี้ให้เห็นว่า มีการปล่อยปละละเลยในพื้นที่ชายแดนมาตลอด จนแก้ไขยากในปัจจุบัน ทั้งที่มีการรายงานเข้ามาตลอด แต่ระดับผู้บังคับบัญชามีท่าทีระมัดระวัง โดยอ้างเรื่องเกรงว่าจะเสียความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน
พล.อ.ปฐมพงษ์ กล่าวว่า ปัจจุบันเราเสียพื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหารมาตลอดและมาในยุคนี้ยังมีคนของเรายกพื้นที่ไปให้เขาอีก มันก็ยิ่งยากไปอีก แต่ด้วยพระบารมีของพระเจ้าอยู่หัว เราจะต้องได้กลับคืนมา
พล.อ.ปฐมพงษ์ ย้ำว่า การเจรจาใดๆ ถ้ากองทัพไม่เข้มแข็ง ก็ไม่เกิดประโยชน์ ทหารต้องมีความเข้มแข็ง แต่สิ่งสำคัญที่สุด แม้จะขาดแคลนทุกอย่าง แต่ถ้าใจสู้ก็ไม่มีทางพ่ายแพ้ ต้องมีอุดมการณ์รักชาติ สิ่งที่ต้องปรับปรุง คือ ขวัญ กำลังใจ ตราบใดที่ยังปล่อยให้นักการเมืองมาแทรกแซงกดดัน ก็ไม่ทางรักษาพระบรมเดชานุภาพได้ จะกลายเป็นทาสของนักการเมืองชั่วๆเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้พังแน่ๆ ประชาชนไปพึ่งพาไม่ได้ พระบรมเดชานุภาพก็ถูกจาบจ้วงได้ง่าย
ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาฯกล่าวว่า คนชั่วก็ทานพลังของพวกท่าน (ประชาชน) ไม่ได้ ทั้งคนชั่วในอดีตที่ยังมีพลังอยู่ และคนชั่วในปัจจุบันที่ยังเหิมเกริมอยู่ แต่จากการประเมินพวกนี้กำลังจะหนี ซึ่งเราต้องมีเครือข่ายติดตาม บอกกล่าวกัน อย่าให้พวกนี้หนีไปได้ เพราะคนเหล่านี้มีเงินมาก สามารถซื้อเพื่อหลบหนีได้
“ที่ผมห่วงก็คือการไปเช่าเกาะกง ต่อไปจะเป็นหอกข้างแคร่ ทำลายเราตลอดในอนาคต เพราะการทำบ่อนกาสิโน ทำเงินวันละพันล้านแล้วส่งเงินมาให้พวกกากเดนในบ้านเรา ดังนั้นเราต้องป้องกันไม่ให้มันฟื้นอย่างน้อย 5 ปีเพื่อให้การเมืองใหม่ได้เกิด สำหรับผมไม่เคยกลัวอะไร ขอให้ภูมิใจในความรักชาติ” พล.อ.ปฐมพงษ์ ระบุ และว่า การเสียดินแดนทุกครั้งตั้งแต่อยุธยา และครั้งนี้คนพวกนี้ก็กลับชาติมาเกิด และอย่าให้คนขายชาติพวกนี้ได้ตายง่ายๆ ต้องให้ตายทั้งเป็นอยู่อย่างไร้เกียรติให้หน้าชื่นอกตรม
พล.อ.ปฐมพงษ์ มั่นใจว่า ไม่เกินวันที่ 12 สิงหาคมพวกเราจะต้องได้รับชัยชนะ และวันนั้นพระบรมเดชานุภาพจะต้องเกรียงไกรยิ่งใหญ่กลับคืนมา การที่กลุ่มอำนาจเก่าไปเช่าพื้นที่เกาะกงเพื่อมาบ่อนทำลายเรา คนพวกนี้ไม่เคยมีสัจจะ คิดแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง และกลุ่มเท่านั้น พร้อมทั้งเรียกร้องให้พี่น้องรวมตัวเป็นเครือข่ายช่วยกันติดตามความเคลื่อนไหวกลุ่มคนชายชาติ อย่าให้รอดสายตาไปได้
“พิภพ” ชี้ “หมัก” เร่งแก้ รธน.ช่วย "แม้ว"
เวลา 21.15 น.นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงประเด็นการแก้ไขรัฐบาลธรรมนูญของรัฐบาลชุดนี้ว่า รัฐบาลพรรคหลังประชาชนนี้ติดนิสัยรัฐบาลไทยรักไทย คือการไม่ยอมรับในอำนาจของศาล โดยส่วนตัวมาองว่าการกระทำของนายกรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นการกระทำที่เห็นแก่ตัว มากกว่าประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชน
“นายสมัครกับทักษิณ มีสัญญาระหว่างกัน 2 ข้อ เพื่อที่จะให้นายสมัครขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งเรื่องนี้คือเรื่องจริง ถ้าไม่จริงขอให้นายสมัคร ออกมาปฏิเสธ คือ 1.จะทำเรื่องที่ทักษิณถูกกล่าวว่าหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่จงรักภักดีโดยนายสมัคร สัญญาว่าจะทำเรื่องนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้ทักษิณไม่มีข้อสงสัยในเรื่องดังกล่าวอีกต่อไปแต่ก็ไม่สำเร็จเพราะเว็บไซต์ต่างๆ เหล่านี้ที่เกิดขึ้นมา ล้วนเป็นที่มีกลุ่มทุนของพรรคไทยรักไทยสนับสนุนอยู่ทั้งนั้น ส่วนเรื่องที่ 2 จะทำเรื่องคดีทักษิณไม่ให้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ดังนั้น แก้ไขมาตรา 309 ต้องการทำลาย คตส.และทำลาย ป.ป.ช.รวมถึงแก้ไขมาตรา 237 ที่เกี่ยวกับการยุบพรรค ถ้าสำเร็จก็จะออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรรม 111 คนของไทยรักไทยแล้วก็ดึงคดีความต่างออกหมด พร้อมยกเลิกมาตรการและประกาศต่างๆ ของ คมช.”นายพิภพ กล่าว