อดีตผู้สมัคร ส.ส.พาผู้ต้องหา เข้าร้องเรียนกับตำรวจกองปราบปราม โดยเชื่อว่า ตำรวจ สภ.คลองหลวง จับผิดตัวและยัดข้อหาให้
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กองปราบปราม นายสิทธิศักดิ์ ทองศรี อายุ 38 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย จ.พระนครศรีอยุธยา พา นายขจรศักดิ์ แสนสุข อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีฆ่า นายสมศักดิ์ บู่บาง ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้ดูแลเรื่องการจ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้าของชาวบ้านในชุมชนศรีปทุม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมพยานซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 6 คน เข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ ผกก.ฝป.1 บก.ป.เพื่อให้การเพิ่มเติม หลังเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อตำรวจกองปราบปรามเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาให้ช่วยสืบสวนคดีดังกล่าวเนื่องจากเชื่อว่า ตำรวจ สภ.คลองหลวง จับผู้ต้องหาผิดตัว
นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า วันที่ถูกจับกุมนั้นตำรวจ สภ.คลองหลวง มาหาที่บ้านพักแล้วให้ไปโรงพัก แต่ไม่ยอมบอกว่าตนมีความผิดเรื่องอะไร เมื่อไปถึงก็พบว่ามีผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย ถูกเชิญมาสอบสวนด้วย จากนั้นตำรวจได้พาไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลธัญญรักษ์ ซึ่ง 3 คนนั้น มีปัสสาวะสีม่วง ส่วนตนนั้นปกติ แต่ทั้งหมดก็ถูกนำตัวกลับมาที่โรงพักอีก โดยทั้ง 3 คนนั้นถูกนำตัวเข้าห้องขัง ส่วนตนถูกแยกมาอยู่ห้องสอบสวน ระหว่างนั้นมีตำรวจนายหนึ่งใส่ถุงมือยางเดินเข้ามาหาตน พร้อมกับชักปืนที่เหน็บอยู่ยื่นมาให้ตน โดยบอกว่านี่ปืนกูลองถือดูสิ ตนสังเกตว่า เป็นปืนมีแมกกาซีน ตนก็หยิบมาถือไว้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเอาปืนมาให้ตนถือทำไม หลังจากนั้น ก็มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่า ตนร่วมกับผู้ต้องหาอีกคนยิง นายสมศักดิ์ และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง แต่ตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดธัญญบุรี
“ขอยืนยันว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นายสมศักดิ์ แต่อย่างใด เพราะในวันที่เกิดเหตุนั้น ผมอยู่ที่บ้านญาติและมีพยานหลายคนอยู่ด้วย ซึ่งสามารถยืนยันได้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงถูกจับกุมดำเนินคดี นอกจากนี้ นางนิภาพร ศรีปทุม ภรรยาผู้ตาย ที่เห็นเหตุการณ์ก็ยืนยันได้ว่า ผมไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุยิงสามีเขาอย่างแน่นอน” นายขจรศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อว่า คดีนี้ตำรวจ สภ.คลองหลวง นั้น จับผู้ต้องหาผิดตัว จึงนำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปราม เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของตำรวจท้องที่ เพราะเชื่อว่ามีเรื่องผู้มีอิทธิพล และธุรกิจมืดในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงถึงกันหมด นอกจากเรื่องคดีแล้ว ตนยังพาชาวบ้านในชุมชนศรีปทุม ซึ่งได้รับความเดือดร้อน โดยถูกลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ทั้งไล่ฟัน และไล่ยิง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วหลายรายมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากในพื้นที่ชุมชนศรีปทุมนั้น มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล 2 กลุ่ม แย่งชิงผลประโยชน์จากการเก็บค่าน้ำค่าไฟฟ้า จากชาวบ้านในพื้นที่ โดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งนั้น มีอดีตนายทหารยศ พล.อ.ชื่อดังคนหนึ่ง และนายทหารยศ พ.ท.คนหนึ่งปัจจุบันยังรับราชการอยู่ ร่วมมือกับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ตั้งตัวเป็นใหญ่ในการเก็บผลประโยชน์ค่าน้ำค่าไฟฟ้าจากชาวบ้าน
“หากชาวบ้านรายใดมีปัญหาขัดแย้งก็จะส่งลูกน้องมาไล่ฟัน ไล่ยิง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านหลายรายถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว ส่วนคดีที่ชาวบ้านแจ้งความกับตำรวจท้องที่ไว้ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปราม” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมี นายสุข การะเกด อายุ 44 ปี และ นางสุฑาทิพย์ แจ้งเมือง อายุ 41 ปี สองสามีภรรยาได้ร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนด้วย โดยทั้งสองถูกคนร้าย 3 คน แต่ละคนพกมีดดาบบุกเข้ามาในบ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนศรีปทุม เมื่อเห็นทั้งสองก็ลงมือฟันสองสามีภรรยาคู่นี้ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดย นายสุข ถูกฟันที่ศีรษะ และนิ้วต้องเย็บกว่า 10 เข็ม ส่วน นางสุฑาทิพย์ ถูกคนร้ายฟันที่ข้อมือทั้งสองข้างจนเอ็นข้อมือขาด ขณะนี้ไม่สามารถกำมือได้ ซึ่ง นายสุข เชื่อว่า สาเหตุที่ถูกคนร้ายบุกมาฟันถึงบ้านนั้น น่าจะมาจากการที่ตนเป็นกรรมการจดมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าให้กับชาวบ้าน ซึ่งไปขัดแย้งกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทั้งสองได้แจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุมชนศรีปทุมนั้น ก่อนหน้านี้ ชื่อ ชุมชนไทยพัฒนา เป็นที่ดินของคุณหญิงส้มจีน อยู่ติดกับที่ดินของแขวงการทางปทุมธานี มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ปัจจุบันนี้มีชาวบ้านเข้ามาจับจองสร้างที่พักอาศัยกว่า 600 หลังคาเรือน และกำลังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินอยู่
วันนี้ (16 ก.ค.) เมื่อเวลา 14.30 น.ที่กองปราบปราม นายสิทธิศักดิ์ ทองศรี อายุ 38 ปี อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคชาติไทย จ.พระนครศรีอยุธยา พา นายขจรศักดิ์ แสนสุข อายุ 20 ปี ผู้ต้องหาคดีร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และร่วมกันมีอาวุธปืน เครื่องกระสุน และพกพาอาวุธปืนไปในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ในคดีฆ่า นายสมศักดิ์ บู่บาง ผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้ดูแลเรื่องการจ่ายค่าน้ำค่าไฟฟ้าของชาวบ้านในชุมชนศรีปทุม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี พร้อมพยานซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ จำนวน 6 คน เข้าพบ พ.ต.อ.สุวัฒน์ อินทสิทธิ์ ผกก.ฝป.1 บก.ป.เพื่อให้การเพิ่มเติม หลังเข้าร้องขอความเป็นธรรมต่อตำรวจกองปราบปรามเมื่อเดือน พ.ค.ที่ผ่านมาให้ช่วยสืบสวนคดีดังกล่าวเนื่องจากเชื่อว่า ตำรวจ สภ.คลองหลวง จับผู้ต้องหาผิดตัว
นายขจรศักดิ์ กล่าวว่า วันที่ถูกจับกุมนั้นตำรวจ สภ.คลองหลวง มาหาที่บ้านพักแล้วให้ไปโรงพัก แต่ไม่ยอมบอกว่าตนมีความผิดเรื่องอะไร เมื่อไปถึงก็พบว่ามีผู้ต้องสงสัยอีก 3 ราย ถูกเชิญมาสอบสวนด้วย จากนั้นตำรวจได้พาไปตรวจปัสสาวะที่โรงพยาบาลธัญญรักษ์ ซึ่ง 3 คนนั้น มีปัสสาวะสีม่วง ส่วนตนนั้นปกติ แต่ทั้งหมดก็ถูกนำตัวกลับมาที่โรงพักอีก โดยทั้ง 3 คนนั้นถูกนำตัวเข้าห้องขัง ส่วนตนถูกแยกมาอยู่ห้องสอบสวน ระหว่างนั้นมีตำรวจนายหนึ่งใส่ถุงมือยางเดินเข้ามาหาตน พร้อมกับชักปืนที่เหน็บอยู่ยื่นมาให้ตน โดยบอกว่านี่ปืนกูลองถือดูสิ ตนสังเกตว่า เป็นปืนมีแมกกาซีน ตนก็หยิบมาถือไว้ ซึ่งตนไม่เข้าใจว่าเอาปืนมาให้ตนถือทำไม หลังจากนั้น ก็มีการแจ้งข้อกล่าวหาว่า ตนร่วมกับผู้ต้องหาอีกคนยิง นายสมศักดิ์ และมีอาวุธปืนไว้ในครอบครอง แต่ตนปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลจังหวัดธัญญบุรี
“ขอยืนยันว่า ผมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ นายสมศักดิ์ แต่อย่างใด เพราะในวันที่เกิดเหตุนั้น ผมอยู่ที่บ้านญาติและมีพยานหลายคนอยู่ด้วย ซึ่งสามารถยืนยันได้ จึงไม่ทราบว่าเหตุใดจึงถูกจับกุมดำเนินคดี นอกจากนี้ นางนิภาพร ศรีปทุม ภรรยาผู้ตาย ที่เห็นเหตุการณ์ก็ยืนยันได้ว่า ผมไม่ใช่คนร้ายที่ก่อเหตุยิงสามีเขาอย่างแน่นอน” นายขจรศักดิ์ กล่าว
ด้าน นายสิทธิศักดิ์ กล่าวว่า เชื่อว่า คดีนี้ตำรวจ สภ.คลองหลวง นั้น จับผู้ต้องหาผิดตัว จึงนำผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปราม เนื่องจากไม่ไว้วางใจการทำงานของตำรวจท้องที่ เพราะเชื่อว่ามีเรื่องผู้มีอิทธิพล และธุรกิจมืดในพื้นที่เข้ามาเกี่ยวข้อง และเชื่อมโยงถึงกันหมด นอกจากเรื่องคดีแล้ว ตนยังพาชาวบ้านในชุมชนศรีปทุม ซึ่งได้รับความเดือดร้อน โดยถูกลูกน้องของผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ข่มขู่ และทำร้ายร่างกาย ทั้งไล่ฟัน และไล่ยิง จนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้วหลายรายมาร้องเรียนขอความเป็นธรรมด้วย เนื่องจากในพื้นที่ชุมชนศรีปทุมนั้น มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล 2 กลุ่ม แย่งชิงผลประโยชน์จากการเก็บค่าน้ำค่าไฟฟ้า จากชาวบ้านในพื้นที่ โดยผู้มีอิทธิพลกลุ่มหนึ่งนั้น มีอดีตนายทหารยศ พล.อ.ชื่อดังคนหนึ่ง และนายทหารยศ พ.ท.คนหนึ่งปัจจุบันยังรับราชการอยู่ ร่วมมือกับนักการเมืองท้องถิ่นคนหนึ่ง ตั้งตัวเป็นใหญ่ในการเก็บผลประโยชน์ค่าน้ำค่าไฟฟ้าจากชาวบ้าน
“หากชาวบ้านรายใดมีปัญหาขัดแย้งก็จะส่งลูกน้องมาไล่ฟัน ไล่ยิง ซึ่งที่ผ่านมาก็มีชาวบ้านหลายรายถูกทำร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแล้ว ส่วนคดีที่ชาวบ้านแจ้งความกับตำรวจท้องที่ไว้ก็ไม่มีความคืบหน้าจึงต้องมาร้องขอความเป็นธรรมจากตำรวจกองปราบปราม” นายสิทธิศักดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ ยังมี นายสุข การะเกด อายุ 44 ปี และ นางสุฑาทิพย์ แจ้งเมือง อายุ 41 ปี สองสามีภรรยาได้ร้องขอความเป็นธรรมจากสื่อมวลชนด้วย โดยทั้งสองถูกคนร้าย 3 คน แต่ละคนพกมีดดาบบุกเข้ามาในบ้านพักไม่มีเลขที่ ภายในชุมชนศรีปทุม เมื่อเห็นทั้งสองก็ลงมือฟันสองสามีภรรยาคู่นี้ จนได้รับบาดเจ็บสาหัส โดย นายสุข ถูกฟันที่ศีรษะ และนิ้วต้องเย็บกว่า 10 เข็ม ส่วน นางสุฑาทิพย์ ถูกคนร้ายฟันที่ข้อมือทั้งสองข้างจนเอ็นข้อมือขาด ขณะนี้ไม่สามารถกำมือได้ ซึ่ง นายสุข เชื่อว่า สาเหตุที่ถูกคนร้ายบุกมาฟันถึงบ้านนั้น น่าจะมาจากการที่ตนเป็นกรรมการจดมิเตอร์น้ำและไฟฟ้าให้กับชาวบ้าน ซึ่งไปขัดแย้งกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลที่ดูแลเรื่องนี้อยู่ อย่างไรก็ตาม คดีนี้ทั้งสองได้แจ้งความไว้ที่ สภ.คลองหลวง แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีความคืบหน้าในการติดตามจับกุมคนร้าย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับชุมชนศรีปทุมนั้น ก่อนหน้านี้ ชื่อ ชุมชนไทยพัฒนา เป็นที่ดินของคุณหญิงส้มจีน อยู่ติดกับที่ดินของแขวงการทางปทุมธานี มีเนื้อที่กว่า 100 ไร่ ปัจจุบันนี้มีชาวบ้านเข้ามาจับจองสร้างที่พักอาศัยกว่า 600 หลังคาเรือน และกำลังมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องที่ดินอยู่
