เอเอฟพี/รอยเตอร์ – ประธานาธิบดี มาหมุด อาหมัดดิเนจัด ของอิหร่าน ขู่วานนี้(13)ว่า จะ “ตัดมือ” ของศัตรูไม่ว่าหน้าไหนก็ตามที่เข้าโจมตีประเทศของเขา โดยก่อนหน้านั้น เจ้าหน้าที่อาวุโสของอิหร่านก็เตือนสหรัฐฯ และอิสราเอลอีกว่า หากเล่นงานอิหร่านด้วยเรื่องโครงการนิวเคลียร์ ก็จะถือเป็น “ความบ้าและความโง่เง่า” และเตหะรานพร้อมตอบโต้ทำลายอิสราเอลและฐานทัพสหรัฐฯ อีก 32 แห่งในตะวันออกกลางเช่นกัน
“ก่อนที่พวกศัตรูจะทันแตะปุ่มจุดระเบิด กองกำลังอาวุธของอิหร่านก็จะตัดมือพวกเขาทิ้งไป” สำนักข่าวไออาร์เอ็นอาร์ของทางการอิหร่านอ้างคำพูดของอาหมัดดิเนจัด
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามน้ำลายระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลได้ลุกลามจนเกิดความหวาดเกรงว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันทางทหาร อีกทั้งยังกระตุ้นให้ตลาดการเงินปั่นป่วนและราคาน้ำมันโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดหลายครั้ง ขณะเดียวกัน เตหะรานยังได้แสดงแสนยานุภาพของจริง ด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธรวม 2 วันซ้อนในปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยแจ้งว่าขีปนาวุธบางรุ่นที่ทดสอบมีพิสัยทำการไกลถึงอิสราเอล
“นี่เป็นเพียงส่วนน้อยๆ ในสมรรถนะด้านกลาโหมของอิหร่าน และในอนาคตเราจะเปิดเผยให้เห็นสมรรถนะด้านกลาโหมของเรามากขึ้นอีก หากว่ามีความจำเป็น” ประธานาธิบดีอิหร่านประกาศ
ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์(12) สำนักข่าวฟารส์ นิวส์ ที่เป็นหน่วยงานกึ่งทางการของอิหร่าน อ้างคำกล่าวของโมจตาบา โซลโนอูร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของผู้แทน อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ที่แถลงว่า “สหรัฐฯ รู้ดีทีเดียวว่าหากมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยเพื่อต่อต้านอิหร่าน อิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐฯ 32 แห่งในภูมิภาคนี้จะไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือของขีปนาวุธของเรา และจะถูกทำลายทั้งหมด”
เมื่อเดือนที่แล้ว อิสราเอลจัดการซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจจะเข้าโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน เนื่องจากอิสราเอลนั้นเคยประกาศว่าจะสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านขึ้นเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ แม้ว่าจะเชื่อกันว่าอิสราเอลเองก็มีอาวุธร้ายแรงดังกล่าวอยู่ในมือก็ตามที
ส่วนสหรัฐฯ นั้นบอกว่าต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูตไปจนถึงที่สุด แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหาร หากวิธีทางการทูตล้มเหลว
ทางด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ซึ่งใกล้ชิดอยู่กับผู้นำของอิหร่าน กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ที่กรุงปารีส เมื่อวันเสาร์ว่า เขาต้องการให้มีการแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวด้วยวิธีทางการเมือง และเสริมว่า “เท่าที่เรารู้ทั้งหมดก็คืออิหร่านไม่มีเจตนาที่จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
“ก่อนที่พวกศัตรูจะทันแตะปุ่มจุดระเบิด กองกำลังอาวุธของอิหร่านก็จะตัดมือพวกเขาทิ้งไป” สำนักข่าวไออาร์เอ็นอาร์ของทางการอิหร่านอ้างคำพูดของอาหมัดดิเนจัด
ในช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สงครามน้ำลายระหว่างอิหร่านกับอิสราเอลได้ลุกลามจนเกิดความหวาดเกรงว่าจะนำไปสู่การเผชิญหน้ากันทางทหาร อีกทั้งยังกระตุ้นให้ตลาดการเงินปั่นป่วนและราคาน้ำมันโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดหลายครั้ง ขณะเดียวกัน เตหะรานยังได้แสดงแสนยานุภาพของจริง ด้วยการทดสอบยิงขีปนาวุธรวม 2 วันซ้อนในปลายสัปดาห์ที่แล้ว โดยแจ้งว่าขีปนาวุธบางรุ่นที่ทดสอบมีพิสัยทำการไกลถึงอิสราเอล
“นี่เป็นเพียงส่วนน้อยๆ ในสมรรถนะด้านกลาโหมของอิหร่าน และในอนาคตเราจะเปิดเผยให้เห็นสมรรถนะด้านกลาโหมของเรามากขึ้นอีก หากว่ามีความจำเป็น” ประธานาธิบดีอิหร่านประกาศ
ก่อนหน้านี้ในวันเสาร์(12) สำนักข่าวฟารส์ นิวส์ ที่เป็นหน่วยงานกึ่งทางการของอิหร่าน อ้างคำกล่าวของโมจตาบา โซลโนอูร์ ซึ่งเป็นผู้ช่วยของผู้แทน อยาตุลเลาะห์ อาลี คาเมนี ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน ในกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิหร่าน ที่แถลงว่า “สหรัฐฯ รู้ดีทีเดียวว่าหากมีการเคลื่อนไหวแม้เพียงเล็กน้อยเพื่อต่อต้านอิหร่าน อิสราเอลและฐานทัพของสหรัฐฯ 32 แห่งในภูมิภาคนี้จะไม่มีทางรอดพ้นเงื้อมมือของขีปนาวุธของเรา และจะถูกทำลายทั้งหมด”
เมื่อเดือนที่แล้ว อิสราเอลจัดการซ้อมรบทางอากาศครั้งใหญ่ ซึ่งทำให้มีการคาดการณ์ว่าอิสราเอลอาจจะเข้าโจมตีที่ตั้งทางนิวเคลียร์ของอิหร่าน เนื่องจากอิสราเอลนั้นเคยประกาศว่าจะสกัดกั้นไม่ให้อิหร่านขึ้นเป็นมหาอำนาจนิวเคลียร์ แม้ว่าจะเชื่อกันว่าอิสราเอลเองก็มีอาวุธร้ายแรงดังกล่าวอยู่ในมือก็ตามที
ส่วนสหรัฐฯ นั้นบอกว่าต้องการแก้ปัญหาด้วยวิธีทางการทูตไปจนถึงที่สุด แต่ก็ไม่เคยปฏิเสธที่จะใช้กำลังทหาร หากวิธีทางการทูตล้มเหลว
ทางด้านประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ซึ่งใกล้ชิดอยู่กับผู้นำของอิหร่าน กล่าวในระหว่างแถลงข่าวร่วมกับประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี ที่กรุงปารีส เมื่อวันเสาร์ว่า เขาต้องการให้มีการแก้ปัญหาความขัดแย้งดังกล่าวด้วยวิธีทางการเมือง และเสริมว่า “เท่าที่เรารู้ทั้งหมดก็คืออิหร่านไม่มีเจตนาที่จะครอบครองอาวุธนิวเคลียร์”
