เอเอฟพี/ฟอร์จูน - จำนวนบริษัทสหรัฐฯที่มีฐานะรายรับสูงเพียงพอที่จะติดอันดับ “ฟอร์จูน โกลบอล 500” ลดต่ำลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบเวลากว่าสิบปี ขณะที่จำนวนบริษัทจีน อินเดีย และเม็กซิโกที่ติดอันดับดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้น ทางด้านกิจการของไทยนั้น ยังคงมี ปตท.เจ้าเดียวที่สามารถเข้าอยู่ในลีกนี้
นิตยสารฟอร์จูนรายงานเมื่อวันพุธ (9 ) ที่ผ่านมาว่า วอลมาร์ท สโตร์ส ซึ่งเป็นเครือข่ายกิจการค้าปลีกที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ยังคงครองความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยฐานรายได้รวมประมาณ 378,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม จำนวนบริษัทสหรัฐฯที่ติดอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกนั้นลดลงเหลือเพียง 153 แห่งเท่านั้น ซึ่งนับเป็นจำนวนต่ำสุดในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา
เอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในฟอร์จูน โกลบอล 500 ด้วยยอดรายรับ 372,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย รอแยล ดัทช์ เชลล์ บริษัทสัญชาติอังกฤษ-ดัตช์ (355,000 ล้านดอลลาร์) บีพี ของอังกฤษ (291,000 ล้านดอลลาร์) โตโยต้า มอเตอร์ ของญี่ปุ่น (230,000 ล้านดอลลาร์) เชฟรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อีกรายของสหรัฐฯ (210,000 ล้านดอลลาร์) ไอเอ็นจี กรุ๊ป กลุ่มธนาคารของเนเธอร์แลนด์ (201,000 ล้านดอลลาร์) โทแทล บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส (187,000 ล้านดอลลาร์) เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ (182,000 ล้านดอลลาร์) และโคโนโคฟิลลิปส์ บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ (178,000 ล้านดอลลาร์)
โดยภาพรวม บริษัทธุรกิจทั่วโลกที่ติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มียอดรายได้รวมกัน 23.6 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13 เปอร์เซ็นต์ มียอดกำไรเพิ่มขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์เป็นยอดเงินรวม 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัทธุรกิจของสหรัฐฯยังคงมีจำนวนติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มากที่สุด ตามด้วยญี่ปุ่น 64 แห่ง ฝรั่งเศส 39 แห่ง แซงเยอรมนี ซึ่งมี 37 แห่งขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากนั้นก็เป็นบริษัทอังกฤษมี 34 แห่ง
นอกจากนั้น ฟอร์จูนยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปีนี้บริษัทธุรกิจของจีนที่มีรายได้ติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ 29 แห่ง เท่ากับอิตาลี สเปน และออสเตรเลียรวมกัน โดยบริษัทจีนที่มีรายได้สูงสุดคือ ซิโนเปก มีรายได้รวม 159,000 ล้านดอลลาร์
บริษัทธุรกิจของอินเดียติดอันดับรวม 7 แห่ง นำโดย อินเดียน ออยล์, และ รีไลแอนซ์ อินดัสตรีส์ มีรายได้สูงสุด ส่วนบริษัทธุรกิจของรัสเซียติดอันดับ 5 แห่ง นำโดยก๊าซพรอม
ในส่วนบริษัทไทยมีเพียง 1 รายซึ่งติด ฟอร์จูน โกลบอล 500 นั่นคือ ปตท. โดยติดอันดับ 135 ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 207 ฟอร์จูนระบุว่า ปตท.มีรายรับ 51,192.5 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นจากปี 2006 ถึง 59.7% และมีกำไร 3,347.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33.1%
เมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมด้วยกัน ปตท.ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่ 20 และหากวัดในเรื่องการเป็นบริษัทโตเร็วที่สุดแล้ว ปตท.ก็ติดอันดับ 17
นิตยสารฟอร์จูนรายงานเมื่อวันพุธ (9 ) ที่ผ่านมาว่า วอลมาร์ท สโตร์ส ซึ่งเป็นเครือข่ายกิจการค้าปลีกที่มีฐานอยู่ในสหรัฐฯ ยังคงครองความเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่อันดับหนึ่งของโลกไว้ได้อย่างเหนียวแน่น ด้วยฐานรายได้รวมประมาณ 378,000 ล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม จำนวนบริษัทสหรัฐฯที่ติดอันดับ 500 บริษัทยักษ์ใหญ่ของโลกนั้นลดลงเหลือเพียง 153 แห่งเท่านั้น ซึ่งนับเป็นจำนวนต่ำสุดในช่วงเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา
เอ็กซอน โมบิล บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของสหรัฐฯ ได้รับการจัดอันดับเป็นบริษัทร่ำรวยที่สุดเป็นอันดับ 2 ในฟอร์จูน โกลบอล 500 ด้วยยอดรายรับ 372,000 ล้านดอลลาร์ ตามด้วย รอแยล ดัทช์ เชลล์ บริษัทสัญชาติอังกฤษ-ดัตช์ (355,000 ล้านดอลลาร์) บีพี ของอังกฤษ (291,000 ล้านดอลลาร์) โตโยต้า มอเตอร์ ของญี่ปุ่น (230,000 ล้านดอลลาร์) เชฟรอน บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่อีกรายของสหรัฐฯ (210,000 ล้านดอลลาร์) ไอเอ็นจี กรุ๊ป กลุ่มธนาคารของเนเธอร์แลนด์ (201,000 ล้านดอลลาร์) โทแทล บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของฝรั่งเศส (187,000 ล้านดอลลาร์) เจเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯ (182,000 ล้านดอลลาร์) และโคโนโคฟิลลิปส์ บริษัทน้ำมันของสหรัฐฯ (178,000 ล้านดอลลาร์)
โดยภาพรวม บริษัทธุรกิจทั่วโลกที่ติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มียอดรายได้รวมกัน 23.6 ล้านล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 13 เปอร์เซ็นต์ มียอดกำไรเพิ่มขึ้น 3.9 เปอร์เซ็นต์เป็นยอดเงินรวม 1.6 ล้านล้านดอลลาร์
บริษัทธุรกิจของสหรัฐฯยังคงมีจำนวนติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มากที่สุด ตามด้วยญี่ปุ่น 64 แห่ง ฝรั่งเศส 39 แห่ง แซงเยอรมนี ซึ่งมี 37 แห่งขึ้นมาเป็นอันดับ 3 จากนั้นก็เป็นบริษัทอังกฤษมี 34 แห่ง
นอกจากนั้น ฟอร์จูนยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า ปีนี้บริษัทธุรกิจของจีนที่มีรายได้ติดอันดับ ฟอร์จูน โกลบอล 500 มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด คือ 29 แห่ง เท่ากับอิตาลี สเปน และออสเตรเลียรวมกัน โดยบริษัทจีนที่มีรายได้สูงสุดคือ ซิโนเปก มีรายได้รวม 159,000 ล้านดอลลาร์
บริษัทธุรกิจของอินเดียติดอันดับรวม 7 แห่ง นำโดย อินเดียน ออยล์, และ รีไลแอนซ์ อินดัสตรีส์ มีรายได้สูงสุด ส่วนบริษัทธุรกิจของรัสเซียติดอันดับ 5 แห่ง นำโดยก๊าซพรอม
ในส่วนบริษัทไทยมีเพียง 1 รายซึ่งติด ฟอร์จูน โกลบอล 500 นั่นคือ ปตท. โดยติดอันดับ 135 ดีขึ้นกว่าปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 207 ฟอร์จูนระบุว่า ปตท.มีรายรับ 51,192.5 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นจากปี 2006 ถึง 59.7% และมีกำไร 3,347.2 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 33.1%
เมื่อเทียบกับบริษัทในอุตสาหกรรมกลั่นน้ำมันปิโตรเลียมด้วยกัน ปตท.ได้รับการจัดอันดับให้อยู่ที่ 20 และหากวัดในเรื่องการเป็นบริษัทโตเร็วที่สุดแล้ว ปตท.ก็ติดอันดับ 17