ผู้จัดการรายวัน- วอลมาร์ท ยักษ์ค้าปลีกโลก ปรับระเบียบนำเข้าสินค้าใหม่ ยึดหลักการผลิตที่ยั่งยืน นำร่องสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ก่อนขยายผลไปยังเฟอร์นิเจอร์ เสื้อผ้า กระเป๋า และอาหารทะเล เผยหากไทยไม่ปฏิบัติตามยอดส่งออกไปขายในห้างปีละ 3,300 ล้านบาทกระเทือนแน่
นางสมรรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก เปิดเผยว่า ขณะนี้ห้างวอล มาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ปรับกฎเกณฑ์ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ โดยยึดหลัก 4 ข้อ คือ โรงงานที่ผลิตและส่งสินค้าให้ห้างจะต้องทำการผลิตที่เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด การผลิตต้องไม่ทำให้เกิดมลภาวะ มีการจัดการกับขยะและสิ่งปฎิกูลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และต้องให้ความเคารพด้านสิทธิมนุษยชน กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แรงงานและสิ่งแวดล้อม
“ตอนนี้กระแสความต้องการสินค้าแบบยั่งยืนในสหรัฐฯ ขยายตัวมากขึ้น ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ผลิตแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โรงงานผลิตต่างๆ ได้หันมาให้ความสนใจ เพราะช่วยประหยัดทรัยากรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดของเสีย ซึ่งวอล มาร์ทเอง ได้เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ และได้ปรับแผนการซื้อสินค้า โดยยึดหลักการดังกล่าว”
นางสมรรัตน์กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่วอล มาร์ท จะใช้หลักการผลิตที่ยั่งยืนมาใช้นั้น ได้เริ่มที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ โดยกำหนดให้เครื่องประดับที่มีกระบวนการผลิตจะต้องสามารถสืบเส้นทางหรือแหล่งที่มาของสินค้าจากร้านขายกลับไปยังแหล่งวัตถุดิบหรือเหมืองแร่ทองเงิน เพชร และอัญมณีที่นำมาใช้ในการผลิตได้ ซึ่งผู้ผลิตจะต้องได้รับการรับรองจากวอล มาร์ท โดยในชั้นต้นวอล มาร์ท จะเริ่มรับรองแหล่งวัตถุดิบหรือเหมืองแร่ก่อนเป็นอันดับแรก
“ปัจจุบันนี้ วอล มาร์ท ซื้อสินค้าจากไทยปีละประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินค้ารายการสำคัญที่ไทยส่งไปขายในห้างวอล มาร์ท ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยควรจะศึกษา วางแผนและปรับแนวทางการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของวอล มาร์ท เพื่อที่จะขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่ยอมรับหรือไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจจะมีผลต่อการซื้อสินค้าในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม วอล มาร์ท ยังมีแผนที่จะใช้การผลิตแบบยั่งยืนในสินค้ารายการอื่นๆ ในระยะต่อไป ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ไม้ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า และอาหารทะเล เป็นต้น
ปัจจุบัน วอล มาร์ท เป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดจำหน่ายประมาณ 345,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมียอดจำหน่ายเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งวอล มาร์ท ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มสัดส่วนของยอดขายเครื่องประดับแบบยั่งยืนเป็นร้อยละ 10 หรือประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดจำหน่ายเครื่องประดับทั้งหมด ภายในปี 2553
นางสมรรัตน์ สนิทวงศ์ ณ อยุธยา ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก เปิดเผยว่า ขณะนี้ห้างวอล มาร์ท ซึ่งเป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ได้ปรับกฎเกณฑ์ในการซื้อสินค้าจากต่างประเทศ โดยยึดหลัก 4 ข้อ คือ โรงงานที่ผลิตและส่งสินค้าให้ห้างจะต้องทำการผลิตที่เกิดการสูญเสียน้อยที่สุด การผลิตต้องไม่ทำให้เกิดมลภาวะ มีการจัดการกับขยะและสิ่งปฎิกูลให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด และต้องให้ความเคารพด้านสิทธิมนุษยชน กฎระเบียบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น แรงงานและสิ่งแวดล้อม
“ตอนนี้กระแสความต้องการสินค้าแบบยั่งยืนในสหรัฐฯ ขยายตัวมากขึ้น ผู้บริโภคต้องการสินค้าที่ผลิตแบบไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โรงงานผลิตต่างๆ ได้หันมาให้ความสนใจ เพราะช่วยประหยัดทรัยากรธรรมชาติ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และช่วยลดต้นทุนการผลิต ลดของเสีย ซึ่งวอล มาร์ทเอง ได้เล็งเห็นความสำคัญตรงนี้ และได้ปรับแผนการซื้อสินค้า โดยยึดหลักการดังกล่าว”
นางสมรรัตน์กล่าวว่า สำหรับสินค้าที่วอล มาร์ท จะใช้หลักการผลิตที่ยั่งยืนมาใช้นั้น ได้เริ่มที่สินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ โดยกำหนดให้เครื่องประดับที่มีกระบวนการผลิตจะต้องสามารถสืบเส้นทางหรือแหล่งที่มาของสินค้าจากร้านขายกลับไปยังแหล่งวัตถุดิบหรือเหมืองแร่ทองเงิน เพชร และอัญมณีที่นำมาใช้ในการผลิตได้ ซึ่งผู้ผลิตจะต้องได้รับการรับรองจากวอล มาร์ท โดยในชั้นต้นวอล มาร์ท จะเริ่มรับรองแหล่งวัตถุดิบหรือเหมืองแร่ก่อนเป็นอันดับแรก
“ปัจจุบันนี้ วอล มาร์ท ซื้อสินค้าจากไทยปีละประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยอัญมณีและเครื่องประดับ เป็นสินค้ารายการสำคัญที่ไทยส่งไปขายในห้างวอล มาร์ท ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยควรจะศึกษา วางแผนและปรับแนวทางการผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของวอล มาร์ท เพื่อที่จะขายสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง เพราะหากไม่ยอมรับหรือไม่ปฏิบัติตาม ก็อาจจะมีผลต่อการซื้อสินค้าในอนาคต”
อย่างไรก็ตาม วอล มาร์ท ยังมีแผนที่จะใช้การผลิตแบบยั่งยืนในสินค้ารายการอื่นๆ ในระยะต่อไป ได้แก่ เฟอร์นิเจอร์ไม้ เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่ม กระเป๋า และอาหารทะเล เป็นต้น
ปัจจุบัน วอล มาร์ท เป็นร้านค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลก มียอดจำหน่ายประมาณ 345,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยมียอดจำหน่ายเฉพาะอัญมณีและเครื่องประดับประมาณ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งวอล มาร์ท ตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มสัดส่วนของยอดขายเครื่องประดับแบบยั่งยืนเป็นร้อยละ 10 หรือประมาณ 300 ล้านเหรียญสหรัฐ จากยอดจำหน่ายเครื่องประดับทั้งหมด ภายในปี 2553
