เอเจนซี - บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลกยังคงทำกำไรได้อย่างมหาศาลในไตรมาส 2 ปีนี้ โดยแอกซอนทำลายสถิติยอดกำไรสูงสุดเท่าที่บริษัทสหรัฐฯ จะเคยทำได้ในรอบ 1 ไตรมาสที่ตนเองทำไว้เดิม ด้วยการฟันไปถึง 11,680 ล้านดอลลาร์ ถึงแม้ยังไม่จุใจวอลล์สตรีทที่คาดหมายเอาไว้สูงกว่านี้อีก ส่วนทางด้านเชลล์ก็ทำกำไรได้ 7,900 ล้านดอลลาร์
รอบไตรมาส 2 ปีนี้ ราคาน้ำมันเฉลี่ยแล้วอยู่ที่เกือบๆ 125 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้นร่วมเท่าตัวจากปีก่อนหน้า สภาพเช่นนี้ไม่เพียงแอกซอน โมบิล คอร์ป ที่เป็นบริษัทน้ำมันใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ และของโลก และโรยัล ดัทช์ เชลล์ บริษัทน้ำมันที่มิใช่ควบคุมโดยรัฐบาล ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และใหญ่ที่สุดในยุโรปเท่านั้น ซึ่งมีผลประกอบการงดงามมาก เอนิ แห่งอิตาลี และเรปซอล แห่งสเปน อีก 2 ในท็อป 3 บริษัทน้ำมันยักษ์ยุโรป ก็กำไรสูงลิ่ว
รายได้สุทธิของแอกซอนในไตรมาสที่ 2 เพิ่มขึ้น 14% มาอยู่ที่ 11,680 ล้านดอลลาร์หรือ 2.22 ดอลลาร์ต่อหุ้น
อย่างไรก็ตามแเมื่อตัดตัวแปรทางการเงินที่ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นประจำออกไป จะทำให้แอกซอนมีรายได้ 2.27 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งก็น้อยกว่าที่บรรดานักวิเคราะห์ต่างๆ ประเมินไว้ถึง 10% ด้วยกัน และทำให้ราคาหุ้นของแอกซอนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์คลดลงไป 4.7% เมื่อวันพฤหัสบดี (31)
ส่วนเชลล์รายงานว่า ไตรมาส 2 มีรายได้เพิ่มขึ้น 5% หรือ 7,900 ล้านดอลลาร์ อย่างไรก็ตามเมื่อตัดเอาตัวแปรการเงินที่ไม่ได้เกิดขึ้นประจำออกไปแล้ว รายได้ของเชลล์ก็มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดกันไว้
บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่เหล่านี้ต่างรายงานว่า แผนกงานด้านสำรวจและขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ คือสร้างกำไรสูงสุดให้แก่บริษัท เนื่องเพราะราคาน้ำมันที่แพงลิ่ว
อย่างไรก็ดี บริษัทเหล่านี้อ้างว่า ในปัจจุบันต้องใช้เงินลงทุนสูงมาก ขณะที่ปริมาณน้ำมันและก๊าซที่ผลิตได้ไม่เพิ่มขึ้นอะไรนัก เนื่องจากต้องไปสำรวจขุดเจาะในดินแดนซึ่งยากลำบากมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่พวกประเทศเจ้าของน้ำมันและก๊าซเวลานี้นิยมให้สัมปทานแหล่งที่อุดมสมบูรณ์ที่สุด แก่พวกบริษัทน้ำมันแห่งชาติของตนเอง
บริษัทน้ำมันตะวันตกเหล่านี้โอดครวญด้วยว่า อัตราผลกำไรจากแผนกงานด้านการกลั่นก็ต่ำลงมาก เพราะน้ำมันดิบที่นำมากลั่นมีราคาแพง จึงยิ่งส่งผลต่อกำไรรวมของทั่วทั้งบริษัท
ทว่า ตัวเลขกำไรอันมหาศาลของบริษัทน้ำมัน ก็ยังคงตกเป็นเป้าของการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงอยู่ดี ในเมื่อผู้บริโภคต่างหาก คือผู้ที่ต้องแบกรับราคาน้ำมันสำเร็จรูปเพิ่มขึ้นมาก
บารัค โอบามา ว่าที่ตัวแทนพรรคเดโมแครตในการลงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เรียกการได้กำไรมหาศาลของแอกซอนว่า "เกินกว่าที่รับได้" และเรียกร้องให้มีการจัดการกับ "พวกเผด็จการน้ำมัน"
เจเริน ฟาน เดอร์ เฟียร์ ซีอีโอของเชลล์ ยอมรับว่า "เรากำลังทำกำไรได้มหึมามาก ผมทราบดี" แต่เขาก็แก้ต่างว่า "แต่เราก็กำลังทำการลงทุนขนาดมหึมามาก" ในด้านการสำรวจและการผลิต