xs
xsm
sm
md
lg

รถLPGพุ่งล้านคัน ก.พลังงานถกผู้ค้า เพิ่มปริมาณสำรอง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงพลังงานอึ้งยอดรถยนต์ที่ใช้แอลพีจีพุ่ง 1ล้านคัน ลั่นไม่คิดส่งเสริมใช้ผิดประเภท ยืนยันแยก 2ราคา พร้อมเตรียมหารือผู้ค้าแอลพีจีเพิ่มปริมาณสำรองจากปัจจุบันที่สำรองใช้ได้เพียง 3 วัน หวังป้องกันการขาดแคลนก๊าซฯในอนาคต หลังไทยเปลี่ยนสถานะเป็นผู้นำเข้าแอลพีจี "สมัคร"ตีกลับอี 85เป็นวาระแห่งชาติ
พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับทราบรายงานเบื้องต้นอย่างไม่เป็นทางการว่า ภาคขนส่งหันมาใช้ก๊าซหุงต้ม(แอลพีจี)ในส่วนของรถยนต์มากถึง 1 ล้านคัน โดยยืนยันว่ารัฐไม่มีวัตถุประสงค์ที่จะสนับสนุนการใช้ในกลุ่มดังกล่าว โดยยังยืนยันว่าการจัดสรรปริมาณแอลพีจีเน้นดูแลกลุ่มครัวเรือน เนื่องจากเห็นว่าไม่มีทางเลือก ขณะที่ภาครถยนต์สามารถหันไปใช้ก๊าซเอ็นจีวี ที่ขณะนี้มีความพร้อมรองรับมากขึ้นทั้งจำนวนปั๊มและปริมาณก๊าซฯ
"ที่ผ่านมา รัฐได้อุดหนุนแอลพีจีจนเป็นหนี้กว่าหมื่นล้านบาท และเพิ่งจะใช้หนี้หมดไปเมื่อไม่นานมานี้ หากมีการใช้มากจนต้องนำเข้ามากขึ้นก็จะเป็นภาระซ้ำรอยอดีตอีกครั้ง จึงยืนยันที่จะแยกราคาแอลพีจี 2 ราคาตามแผนเดิม"
อย่างไรก็ตาม การประชุมคณะรัฐมนตรีวานนี้(8 ก.ค.) เห็นชอบร่างกฎกระทรวงกำหนดเครื่องอุปกรณ์และส่วนควบของรถที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ในการขนส่งที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ. และ ร่างกฎกระทรวงกำหนดส่วนควบและเครื่องอุปกรณ์ของรถที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลวเป็นเชื้อเพลิง พ.ศ. เสนอโดยกระทรวงคมนาคม โดยมีเนื้อหาสาระสำคัญ คือ กำหนดให้รถที่ใช้ก๊าซปิโตรเลียมเหลว(แอลพีจี)เป็นเชื้อเพลิง จะต้องผ่านการตรวจและทดสอบจากผู้ตรวจและทดสอบตามที่อธิบดีกรมขนส่งทางบกกำหนด และมีหนังสือรับรองและ กำหนดให้เจ้าของรถที่ใช้แอลพีจีต้องติดเครื่องหมายการใช้แอลพีจีอย่างชัดเจน ทำให้สามารถติดตามการใช้แอลพีจีได้ชัดเจนมากขึ้น จากปัจจุบันตัวเลขการใช้แอลพีจียังไม่ชัดเจน
ในการประชุมครม.ครั้งนี้ ไม่ได้พิจารณาวาระให้พลังงานชีวภาพเอทานอล (อี 85) เป็นวาระแห่งชาติ โดยนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ทางกระทรวงพลังงาน จัดทำรายละเอียดมอบให้กับรัฐมนตรีทุกคน โดยนายกรัฐมนตรีจะพิจารณาเรียกประชุมหน่วยงานที่มีเกี่ยวข้องเพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวด้วยตนเองก่อน
นายศิริศักดิ์ วิทยอุดม รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กล่าวว่า เร็วๆนี้ทางกรมฯจะหารือกับผู้ค้าแอลพีจีในการพิจารณาเรื่องความเป็นไปได้ในการเพิ่มปริมาณสำรองแอลพีจีจากปัจจุบันที่กำหนดให้ผู้ค้าฯสำรอง 0.5% ของปริมาณการค้าในรอบปี หรือเพียงพอใช้ 3 วันเท่านั้น เพื่อป้องกันปัญหาการขาดแคลนที่อาจเกิดขึ้นได้ ซึ่งระบบคลังและท่าเรือขนส่งแอลพีจีในอดีตไม่ได้ถูกสร้างไว้รองรับการนำเข้า เนื่องจากอดีตไทยเป็นผู้ส่งออกแอลพีจีเป็นหลัก และเพิ่งนำเข้าครั้งแรกในช่วงเม.ย.ที่ผ่านมา
"คงต้องหารือกันเพราะการลงทุนจะต้องใช้เงินค่อนข้างสูงเป็นพันล้านบาท และผู้ค้าฯจะต้องลงทุนทุกรายเพื่อดูแลความต้องการใช้ไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งปัจจุบันคลังที่รองรับการนำเข้ามีเพียงแห่งเดียวที่เขาบ่อยา จ.ชลบุรี ซึ่งบรรจุแอลพีจีได้ประมาณ 2 หมื่นตัน ทำให้ขณะนี้การนำเข้าแอลพีจีล่าสุด 4หมื่นตันยังต้องลอยอยู่กลางทะเล เพราะต้องรอให้คลังจ่ายก๊าซฯไปก่อนค่อยสูบเข้าคลังได้"
สำหรับกรณีที่มีการระบุว่ามีการส่งออกแอลพีจีในประเทศนั้น ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง เนื่องจากขณะนี้ไทยต้องเข้าแล้วถึง 8 หมื่นตัน เพราะในประเทศขาดแคลน ซึ่งตามระเบียบต้องดูแลการใช้ในประเทศให้เพียงพอก่อนจึงจะส่งออกได้ คาดว่าน่าจะเป็นความเข้าใจผิด แต่ยอมรับว่าในส่วนการลักลอบในส่วนแนวชายแดนก็ยังมีอยู่บ้าง เนื่องจากประเทศเพื่อนบ้านราคาแอลพีจีแพงกว่าไทยค่อนข้างมาก เพราะไทยอุดหนุนราคา
ขณะนี้การขนส่งแอลพีจีเพื่อป้อนให้ภาคครัวเรือนเริ่มสู่ภาวะปกติ ที่ผ่านมา ยอมรับว่าระบบขนส่งสะดุดไปบ้างทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนชั่วคราว เนื่องจากการใช้แอลพีจีในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นมาก
อย่างไรก็ตาม ข้อมูลล่าสุดที่บอกว่ารถยนต์ที่ใช้แอลพีจีสูงถึง 1 ล้านคันไม่น่าจะเป็นตัวเลขที่แท้จริง เนื่องจากถังแอลพีจีในระบบมีไม่มากเท่าตัวเลขดังกล่าว คาดว่าตัวเลขรถยนต์ที่ใช้แอลพีจีแล้วน่าจะอยู่ที่ 5 แสนคัน จากการที่กรมขนส่งทางบกจะมีกฎหมายบังคับที่ครม.เห็นชอบในหลักการ จะทำให้ตัวเลขมีความชัดเจนขึ้นในอนาคต เนื่องจากกฎหมายจะกำหนดให้อู่ติดตั้งแอลพีจีต้องขึ้นทะเบียนเหมือนกรณีเอ็นจีวี
นอกจากนี้ รถยนต์ที่เปลี่ยนจากเชื้อเพลิงอื่นมาเป็นแอลพีจีจะต้องแจ้งกรมขนส่งทางบกภายใน 15 วัน รวมถึงรถยนต์ที่มีการเปลี่ยนมาใช้แอลพีจีนานแล้ว ก็จะต้องแจ้งด้วยเช่นกัน
นายณอคุณ สิทธิพงษ์ รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้แอลพีจีในภาคครัวเรือนเข้าสู่ภาคปกติ โดยได้ประสานไปยังการรถไฟแห่งประเทศไทย จัดตู้ขบวนขนส่งก๊าซฯไปยังคลังต่างจังหวัด อาทิ นครสวรรค์ ขอนแก่น ลำปางเพื่อป้อนแอลพีจีให้เพิ่มขึ้นเพียงพอตามความต้องการภาคครัวเรือน โดยเบื้องต้นจัดส่งประมาณ 900 ตัน/วัน
*** ปตท.เปิดปั๊มเอ็นจีวีเพิ่ม
ด้านดร.จิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ กลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ/รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ ปตท. กล่าวภายหลังการเปิดสถานีบริการเอ็นจี บริเวณสถานีขนส่งสายใต้ใหม่วานนี้ว่า สถานีบริการ NGV บรมราชชนนีแห่งนี้จะเปิดให้บริการเป็น 2 ระยะ โดยระยะแรก จะรับก๊าซฯ จากสถานีบริการ NGV หลัก ปตท.ลาดหลุมแก้ว มีกำลังการเติมก๊าซ NGV ในปริมาณ 50 ตันต่อวัน สามารถให้บริการแก่รถโดยสารสาธารณะได้ถึง 350 คันต่อวัน ซึ้งได้เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้
ส่วนระยะที่ 2 จะเปิดเป็นสถานี NGV ประเภทแนวท่อฯขนาดใหญ่ (Conventional Station) ด้วยขนาดพื้นที่ 4 ไร่ โดยมีหัวเติมก๊าซทั้งหมดถึง 36 หัวจ่ายสามารถให้บริการได้วันละ 5,300 คันในเดือนตุลาคม 2551 เป็นต้นไป
ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ปริมาณการใช้ก๊าซ NGV เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า กล่าวคือ จาก 1,000 ตันต่อวัน เพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ตันต่อวัน
รายงานข่าวแจ้งว่า บางจาก และเอสโซ่ ประกาศปรับลดราคากลุ่มน้ำมันดีเซลลง 60 สตางค์ต่อลิตร ทำให้ให้ราคาเท่ากับปตท.มีผลวันนี้ (9 ก.ค.) โดยราคาดีเซลอยู่ที่ลิตรละ 44.24 บาท ไบโอดีเซล 43.54 บาท ส่วนน้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 39.19 บาท แก๊สโซฮอล์ อี 20 ลิตรละ 37.89 บาท เบนซิน 91 ลิตรละ 42.79 แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 38.39 บาท
กำลังโหลดความคิดเห็น