ผู้จัดการรายวัน - “พาณิชย์”พบปมก๊าซขาดตลาด ที่แท้กระจุกตัวในปั๊มปตท. เหตุได้โควตามาก จี้พลังงานปรับโครงสร้างการกระจายก๊าซใหม่ให้เหมาะสม “ยรรยง”ส่งสายตรวจออกตรวจสอบการกักตุนทั่วประเทศ ขณะที่พลังงานลั่นยังไม่มีนโยบายปรับขึ้นก๊าซหุงต้มวันที่ 1 ก.ค.นี้แน่ ย้ำก๊าซฯจะคลี่คลายหลังนำสำรองป้อนแล้ว ด้านผู้ค้าอัดยับไม่มีสันดานกักตุนแน่ ด้านเชลล์นำร่องปรับขึ้นทั้งเบนซินและดีเซล ส่งผลเบนซิน 95 ลิตรละ 43.59 ส่วนดีเซล 43.44
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน ผู้ค้าก๊าซ 5 ราย ได้แก่ ปตท. เวิลด์แก๊ส แก๊สปิกนิค ยูนิคแก๊ส และแก๊สสยาม เพื่อหารือถึงปัญหาก๊าซแอลพีจีขาดตลาด วานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า ได้รับแจ้งจากผู้ค้าก๊าซว่าสาเหตุที่มีก๊าซบริการให้กับประชาชนไม่เพียงพอ เพราะผู้ขายได้รับการจัดสรรค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ก๊าซมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่ไม่ใช่การกักตุนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการเฉลี่ยก๊าซแอลพีจีแต่ละเดือนอยู่ที่ 280,000 ตัน แต่ปตท. มีก๊าซให้บริการ 210,000 ตัน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นของสถานี ปตท. 170,000 ตัน ที่เหลือจะกระจายให้เครือข่ายของ ปตท. และผู้ค้ารายย่อย ซึ่งพบว่าสัดส่วนไม่สอดคล้องกัน เพราะปตท. ได้โควตามาก แต่มีปริมาณสถานีบริการก๊าซของปตท.น้อยเพียง 27 แห่ง จากสถานีบริการก๊าซทั่วประเทศ 444 แห่ง ดังนั้น ทางกลุ่มผู้ค้ารายย่อยได้เสนอให้กรมธุรกิจพลังงานพิจารณาจัดสรรก๊าซแอลพีจีใหม่
นายยรรยง กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันการกักตุน กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบผู้ค้าก๊าซรายใหญ่ทั้ง 7 ราย เพื่อดูว่า ปริมาณก๊าซที่ได้รับการจัดสรรมีอย่างเพียงพอ ซึ่งการออกตรวจสอบ จะไม่แจ้งล่วงหน้า
“ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพิ่มความถี่ ตรวจสอบการจำหน่ายก๊าซหุงต้มในร้านค้าปลีก โรงบรรจุก๊าซ และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมเหลว อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงที่ก๊าซหุงต้มได้รับความนิยมใช้จำนวนมาก โดยจะตรวจสอบทั้งมาตรวัดให้มีปริมาณที่ครบถ้วนถูกต้อง การปิดป้ายแสดงราคา และดูแลมิให้มีการปฏิเสธการจำหน่าย โดยไม่มีเหตุผลอันควร ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 1 ปี ปรับ 1,000-40,000 บาท”นายยรรยงกล่าว
ส่วนกรณีผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 คือ ผู้ประกอบการสถานบริการน้ำมันปรับขึ้นราคาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า นายยรรยง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ตกลงให้ผู้ค้าต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนขึ้นราคาทุกวันเวลา 16.00 น. แต่ขณะนี้มีการหย่อนยานไม่ยอมแจ้งโดยอ้างว่าราคาน้ำมันโลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้น กรมฯ จะเชิญผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่มาประชุมเพื่อหารือถึงปัญหา และขอความร่วมมือให้แจ้งราคา หากไม่ปฏิบัติตามกรมฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดมาตรการให้ผู้ค้าน้ำมันต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อไป หากไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประชาชน
พลังงานยังไม่ปรับขึ้นก๊าซหุงต้ม
พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ก.ค.)จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแต่อย่างใด โดยแผนการแยกราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ส่วนระหว่างภาคขนส่งและอุตสาหกรรมกับภาคครัวเรือนยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดและความพร้อมซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากระทรวงพลังงานไม่เคยระบุเวลาว่าจะปรับขึ้นเมื่อใดชัดเจน ส่วนปริมาณก๊าซหุงต้มมีเพียงพอแน่นอนแต่การขาดแคลนเกิดจากระบบขนส่งมีปัญหาได้มีการแก้ไขแล้ว และหากพบการปฏิเสธการขายก็สามารถแจ้งกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้
“การตรึงราคาก๊าซหุงต้มไว้ที่ผ่านมาก็เพื่อรอให้ความพร้อมของก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ซึ่งวันนี้ถือว่าทั้งจำนวนปั๊มและปริมาณก๊าซมีความพร้อมมากขึ้นแล้วและแม้ว่าในปี 2552 ราคาNGV จะมีการปรับขึ้นไปอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)จากขณะนี้ที่อยู่ 8.50 บาทต่อกก.ก็ยังพบว่าเป็นราคาที่ยังต่ำอยู่มากและยังปลอดภัยกว่าการใช้ก๊าซหุงต้มที่จุดติดไฟได้ง่ายมาก”รมว.พลังงาน กล่าว
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.กระทรวงพลังงานได้ผ่อนผันการนำสำรองก๊าซหุงต้มของผู้ค้าต่าง ๆ โดยให้นำก๊าซสำรองมาจำหน่ายกว่า 1,000 ตัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ในวันนี้ (1 ก.ค.) จะยังไม่มีการประชุมเพื่อประกาศปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ราคาแต่อย่างใด โดยภายในเดือน ก.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อประกาศปรับเปลี่ยนราคาเมื่อทุกอย่างมีความพร้อม โดยเฉพาะการบริการของก๊าซ NGV แต่จะเป็นเมื่อไร ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า หากปั๊มก๊าซหุงต้มไม่ยอมนำก๊าซฯออกมาขาย กระทรวงพลังงานคงจะยังไม่ปรับขึ้นราคาจนกว่าสถานการณ์ตึงตัวจะคลี่คลาย โดยอาจจะดึงเรื่องการขึ้นราคาไว้จนถึงปลายเดือน ก.ค.
ผู้ค้าอัดกลับไม่มีสันดานกักตุน
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม) กล่าวว่า ภายใน 2 วันปริมาณก๊าซในตลาดคงจะเริ่มเป็นปกติหลังจากที่รัฐเริ่มนำสำรองมาใช้ก่อน ประกอบกับการนำเข้าจะเริ่มเข้ามาถึง 2 ก.ค.นี้ ยืนยันว่าผู้ค้าก๊าซฯไม่มีสันดานที่จะกักตุนแต่อย่างใด
ติงปล่อยราคาต่ำกว่าน้ำมันเกินไป
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคขนส่งและอุตสาหกรรมตามที่เคยส่งสัญญาณไว้ว่าจะพิจารณาภายในก.ค.นี้โดยไม่ควรเลื่อนออกไปอีกเพราะจะยิ่งสร้างปัญหาการขาดแคลนที่เพิ่มขึ้น โดยการปรับขึ้นหากปรับ 2-3 บาทต่อ กก.ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมันค่อนข้างมากดังนั้นการนำเข้าก็ยังคงต้องเกิดขึ้นอีก
“ข้อเท็จจริงแล้วควรจะปรับขึ้นตั้งนานแล้วเพราะการปล่อยให้ราคาต่างจากน้ำมันอย่างมากแม้ว่าจะขึ้นอีกก็ยังต่ำอยู่ดีขณะที่น้ำมันกลับมีแนวโน้มสูงขึ้นจึงยากที่จะทำให้การนำเข้าลดลงไปได้และยิ่งปล่อยให้ใช้มากเท่าใดการขาดแคลนก็จะหนักขึ้น”นายมนูญกล่าว
จี้พาณิย์แก้กักตุนก๊าซแอลพีจีด่วน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงปัญหาการขาดแคลนก๊าซแอลพีจี ว่า จากการคิดตามของพรรคพบว่ารัฐบาลยังไม่มีมาตรการจัดการปัญหาที่ดีพอปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อน ปล่อยให้มีการปิดปั๊มและไม่มีแก๊สที่จะจำหน่าย ดังนั้นพรรคจึงอยากขอให้รัฐบาลรีบจัดการให้มีก๊าซแอลพีจีเพียงพอ และสิ่งที่อยากชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ให้ดีพอ ซึ่งพรรคพบว่าการรับรู้ข้อมูลในส่วนของรัฐบาลนั้นทำไมถึงไม่ตรงกันชนิดขาวกับดำ เช่น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยีนชัดเจนว่าจากการตรวจสอบผู้ที่จำหน่ายก๊าซแอลพีจีขณะนี้พบว่ามีผู้ค้าหลายรายกักตุนไม่ยอมจำหน่ายให้ประชาชน ในขณะที่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่าที่ไม่มีก๊าซจำหน่ายเป็นเพราะก๊าซหมด ไม่มีการกักตุนแต่ก๊าซหมดจริงๆ
ถ้าพิจารณาในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อทราบว่ามีการกักตุนก็ต้องจัดการขั้น ขณะเดียวกันเห็นได้ชัดเจนว่านาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้พูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” โดยอกมาด่าพวกที่กักตุนก๊าซว่า “เป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ ...” ที่ดำเนินการกักตุนตนคิดว่านายกฯอย่ามัวแต่ออกมาด่าว่าเป็นสันดานของใคร นายกนออกมาด่าเรื่องนี้หลายครั้งในรายการ โดยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมาพูดถึงสันดานของคนที่กักตุนก๊าซแอลพีจี ถึง3 ครั้ง ตนคิดว่านายกฯมาด่าเช่นนี้คงไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา แต่ควรจะไปกำหนดมาตรการจัดการผู้ที่กักตุน เพราะการด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงหลายครั้งเป็นเพียงการระบายอารมณ์ของนายกฯเท่านั้น ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร
นายองอาจ กล่าว่า นายสมัคร ยังพูดในรายการจัดเจนว่าวันที่ 1 ก.ค.จะมีการปรับราคาก๊าซแอลพีจี และจะมีก๊าซแอลพีจีใช้ได้ตามปกติ แต่วันนี้กระทรวงพลังงานอกมาแถลงข่าวชัดเจนแล้วว่ากระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะยังไม่มีการแยกราคาก๊าซเป็นสองราคา ในวันที่ 1 ก.ค.แน่นอน ตนคิดว่าตรงนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นถึงความไม่ชัดเจนของนโยบายด้านพลังงาน
ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกมรระบุว่าจะเรียกประชุมผู้กักตุนก๊าซรายใหญ่มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาก๊าซขาดตลาดนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นการช้าไปหรือไม่ ที่พึ่งมาเรียกประชุมขณะที่ปัญหาความเดือดร้อนเกิดขึ้นแล้ว ตนคิดว่าถ้ากระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมการป้องกันเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า กรณีที่ปั๊มก๊าซแอลพีจีหลายแห่งได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกประมาณ 30สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยอ้างว่าเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดีเซลตนคิดว่าตรงนี้กระทรวงพาณิชย์ควรจะเข้าไปดูแลว่าการปรับขึ้นเป็นไปตามข้ออ้างหรือไม่ และสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่ ทั้งที่ราคาก๊าซเป็นราคาที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลอยู่
เบนซินขึ้นอีก 40 สต.-ดีเซล 80 สต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เชลล์ในประเทศไทยได้แจ้งนำปรับราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซิน 40 สตางค์/ลิตร และกลุ่มดีเซล 80 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ก.ค.)เป็นต้นไป ส่งผลให้เบนซิน 95 อยู่ที่ 43.59 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ลิตรละ 42.19 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.59 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ37.79 บาท และดีเซล 43.44 บาท/ลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า ราคาขายปลีกคงจะปรับขึ้นอีกค่อนข้างสูง แม้ช่วงสุดสัปดาห์ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 80 สตางค์/ลิตร แต่ค่าการตลาดน้ำมันโดยรวมเฉลี่ยไม่ถึง 1 บาท/ลิตร ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องขึ้นราคาขายปลีกอีกครั้ง และเชื่อว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่นจะปรับขึ้นตาม เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปิดตลาด 27 มิ.ย.ได้ ปรับขึ้นมา 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาตลาดโลกยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ราคาปรับลดลงไปมากนักในสัปดาห์นี้ เนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐยังคงอ่อนค่าอยู่ และประธานโอเปคได้ส่งสัญญาณล่วงหน้าจะเห็นราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 3 ที่ 170 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล.
น้ำมันโลกทำนิวไฮอีกครั้งทะลุ $ 143
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคมที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์กมีราคาสูงขึ้น 2.44 ดอลลาร์ มาปิดที่ 142.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากในช่วงหนึ่งราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดระหว่างวันที่ 143.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคมที่ตลาดในลอนดอนมีอยู่ช่วงหนึ่งราคาพุ่งทำสถิติที่ 143.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลดลงมาปิดตลาดที่ 143.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์
"ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงเอื้อหนุนเป็นอย่างดี จากปัญหาเงินดอลลาร์อ่อนค่า กอปรกับการที่นักลงทุนหันไปกอบโกยกำไรในผลประโยชน์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนภาวะซัปพลายน้ำมันชะงักงันอย่างต่อเนื่อง และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาตร์" อังเดร ครูเชนคอฟ นักวิเคราะห์ชี้
นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกับกรมธุรกิจพลังงาน ผู้ค้าก๊าซ 5 ราย ได้แก่ ปตท. เวิลด์แก๊ส แก๊สปิกนิค ยูนิคแก๊ส และแก๊สสยาม เพื่อหารือถึงปัญหาก๊าซแอลพีจีขาดตลาด วานนี้ (30 มิ.ย.) ว่า ได้รับแจ้งจากผู้ค้าก๊าซว่าสาเหตุที่มีก๊าซบริการให้กับประชาชนไม่เพียงพอ เพราะผู้ขายได้รับการจัดสรรค่อนข้างจำกัด เนื่องจากปริมาณการใช้เพิ่มขึ้นอย่างมาก ทำให้ก๊าซมีปริมาณไม่เพียงพอกับความต้องการ แต่ไม่ใช่การกักตุนแต่อย่างใด
ทั้งนี้ ปริมาณความต้องการเฉลี่ยก๊าซแอลพีจีแต่ละเดือนอยู่ที่ 280,000 ตัน แต่ปตท. มีก๊าซให้บริการ 210,000 ตัน โดยในจำนวนนี้ส่วนใหญ่เป็นของสถานี ปตท. 170,000 ตัน ที่เหลือจะกระจายให้เครือข่ายของ ปตท. และผู้ค้ารายย่อย ซึ่งพบว่าสัดส่วนไม่สอดคล้องกัน เพราะปตท. ได้โควตามาก แต่มีปริมาณสถานีบริการก๊าซของปตท.น้อยเพียง 27 แห่ง จากสถานีบริการก๊าซทั่วประเทศ 444 แห่ง ดังนั้น ทางกลุ่มผู้ค้ารายย่อยได้เสนอให้กรมธุรกิจพลังงานพิจารณาจัดสรรก๊าซแอลพีจีใหม่
นายยรรยง กล่าวว่า เพื่อเป็นการป้องกันการกักตุน กรมฯ จะส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบผู้ค้าก๊าซรายใหญ่ทั้ง 7 ราย เพื่อดูว่า ปริมาณก๊าซที่ได้รับการจัดสรรมีอย่างเพียงพอ ซึ่งการออกตรวจสอบ จะไม่แจ้งล่วงหน้า
“ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่สายตรวจทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาคเพิ่มความถี่ ตรวจสอบการจำหน่ายก๊าซหุงต้มในร้านค้าปลีก โรงบรรจุก๊าซ และสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และก๊าซปิโตรเลียมเหลว อย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ประกอบการฉวยเอาเปรียบผู้บริโภคในช่วงที่ก๊าซหุงต้มได้รับความนิยมใช้จำนวนมาก โดยจะตรวจสอบทั้งมาตรวัดให้มีปริมาณที่ครบถ้วนถูกต้อง การปิดป้ายแสดงราคา และดูแลมิให้มีการปฏิเสธการจำหน่าย โดยไม่มีเหตุผลอันควร ซึ่งหากฝ่าฝืนมีโทษจำคุก 6 เดือน ถึง 1 ปี ปรับ 1,000-40,000 บาท”นายยรรยงกล่าว
ส่วนกรณีผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7 คือ ผู้ประกอบการสถานบริการน้ำมันปรับขึ้นราคาโดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้า นายยรรยง กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้ตกลงให้ผู้ค้าต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนขึ้นราคาทุกวันเวลา 16.00 น. แต่ขณะนี้มีการหย่อนยานไม่ยอมแจ้งโดยอ้างว่าราคาน้ำมันโลกผันผวนและเปลี่ยนแปลงเร็ว ดังนั้น กรมฯ จะเชิญผู้ค้าน้ำมันรายใหญ่มาประชุมเพื่อหารือถึงปัญหา และขอความร่วมมือให้แจ้งราคา หากไม่ปฏิบัติตามกรมฯ จะเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ กำหนดมาตรการให้ผู้ค้าน้ำมันต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดต่อไป หากไม่ปฏิบัติตามจะเข้าข่ายผิดกฎหมาย เพื่อสร้างความเป็นธรรมแก่ประชาชน
พลังงานยังไม่ปรับขึ้นก๊าซหุงต้ม
พลโทหญิงพูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า วันนี้ (1 ก.ค.)จะยังไม่มีการปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มแต่อย่างใด โดยแผนการแยกราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ส่วนระหว่างภาคขนส่งและอุตสาหกรรมกับภาคครัวเรือนยังอยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดและความพร้อมซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมากระทรวงพลังงานไม่เคยระบุเวลาว่าจะปรับขึ้นเมื่อใดชัดเจน ส่วนปริมาณก๊าซหุงต้มมีเพียงพอแน่นอนแต่การขาดแคลนเกิดจากระบบขนส่งมีปัญหาได้มีการแก้ไขแล้ว และหากพบการปฏิเสธการขายก็สามารถแจ้งกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ได้
“การตรึงราคาก๊าซหุงต้มไว้ที่ผ่านมาก็เพื่อรอให้ความพร้อมของก๊าซธรรมชาติสำหรับยานยนต์หรือ NGV ซึ่งวันนี้ถือว่าทั้งจำนวนปั๊มและปริมาณก๊าซมีความพร้อมมากขึ้นแล้วและแม้ว่าในปี 2552 ราคาNGV จะมีการปรับขึ้นไปอยู่ที่ 12 บาทต่อกิโลกรัม(กก.)จากขณะนี้ที่อยู่ 8.50 บาทต่อกก.ก็ยังพบว่าเป็นราคาที่ยังต่ำอยู่มากและยังปลอดภัยกว่าการใช้ก๊าซหุงต้มที่จุดติดไฟได้ง่ายมาก”รมว.พลังงาน กล่าว
นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ตั้งแต่วันที่ 29 มิ.ย.กระทรวงพลังงานได้ผ่อนผันการนำสำรองก๊าซหุงต้มของผู้ค้าต่าง ๆ โดยให้นำก๊าซสำรองมาจำหน่ายกว่า 1,000 ตัน อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ในวันนี้ (1 ก.ค.) จะยังไม่มีการประชุมเพื่อประกาศปรับโครงสร้างราคาก๊าซหุงต้มออกเป็น 2 ราคาแต่อย่างใด โดยภายในเดือน ก.ค.นี้ จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อประกาศปรับเปลี่ยนราคาเมื่อทุกอย่างมีความพร้อม โดยเฉพาะการบริการของก๊าซ NGV แต่จะเป็นเมื่อไร ยังไม่ได้กำหนดวันที่แน่นอน
นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน(ธพ.) กล่าวว่า หากปั๊มก๊าซหุงต้มไม่ยอมนำก๊าซฯออกมาขาย กระทรวงพลังงานคงจะยังไม่ปรับขึ้นราคาจนกว่าสถานการณ์ตึงตัวจะคลี่คลาย โดยอาจจะดึงเรื่องการขึ้นราคาไว้จนถึงปลายเดือน ก.ค.
ผู้ค้าอัดกลับไม่มีสันดานกักตุน
นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (ก๊าซหุงต้ม) กล่าวว่า ภายใน 2 วันปริมาณก๊าซในตลาดคงจะเริ่มเป็นปกติหลังจากที่รัฐเริ่มนำสำรองมาใช้ก่อน ประกอบกับการนำเข้าจะเริ่มเข้ามาถึง 2 ก.ค.นี้ ยืนยันว่าผู้ค้าก๊าซฯไม่มีสันดานที่จะกักตุนแต่อย่างใด
ติงปล่อยราคาต่ำกว่าน้ำมันเกินไป
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลควรพิจารณาปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้มภาคขนส่งและอุตสาหกรรมตามที่เคยส่งสัญญาณไว้ว่าจะพิจารณาภายในก.ค.นี้โดยไม่ควรเลื่อนออกไปอีกเพราะจะยิ่งสร้างปัญหาการขาดแคลนที่เพิ่มขึ้น โดยการปรับขึ้นหากปรับ 2-3 บาทต่อ กก.ราคาก็ยังต่ำกว่าน้ำมันค่อนข้างมากดังนั้นการนำเข้าก็ยังคงต้องเกิดขึ้นอีก
“ข้อเท็จจริงแล้วควรจะปรับขึ้นตั้งนานแล้วเพราะการปล่อยให้ราคาต่างจากน้ำมันอย่างมากแม้ว่าจะขึ้นอีกก็ยังต่ำอยู่ดีขณะที่น้ำมันกลับมีแนวโน้มสูงขึ้นจึงยากที่จะทำให้การนำเข้าลดลงไปได้และยิ่งปล่อยให้ใช้มากเท่าใดการขาดแคลนก็จะหนักขึ้น”นายมนูญกล่าว
จี้พาณิย์แก้กักตุนก๊าซแอลพีจีด่วน
นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงปัญหาการขาดแคลนก๊าซแอลพีจี ว่า จากการคิดตามของพรรคพบว่ารัฐบาลยังไม่มีมาตรการจัดการปัญหาที่ดีพอปล่อยให้ประชาชนเดือดร้อน ปล่อยให้มีการปิดปั๊มและไม่มีแก๊สที่จะจำหน่าย ดังนั้นพรรคจึงอยากขอให้รัฐบาลรีบจัดการให้มีก๊าซแอลพีจีเพียงพอ และสิ่งที่อยากชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลยังไม่สามารถจัดการปัญหานี้ให้ดีพอ ซึ่งพรรคพบว่าการรับรู้ข้อมูลในส่วนของรัฐบาลนั้นทำไมถึงไม่ตรงกันชนิดขาวกับดำ เช่น ปลัดกระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยีนชัดเจนว่าจากการตรวจสอบผู้ที่จำหน่ายก๊าซแอลพีจีขณะนี้พบว่ามีผู้ค้าหลายรายกักตุนไม่ยอมจำหน่ายให้ประชาชน ในขณะที่รัฐบาลโดยกระทรวงพลังงาน กระทรวงพาณิชย์ออกมายืนยันว่าที่ไม่มีก๊าซจำหน่ายเป็นเพราะก๊าซหมด ไม่มีการกักตุนแต่ก๊าซหมดจริงๆ
ถ้าพิจารณาในส่วนของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อทราบว่ามีการกักตุนก็ต้องจัดการขั้น ขณะเดียวกันเห็นได้ชัดเจนว่านาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีได้พูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” โดยอกมาด่าพวกที่กักตุนก๊าซว่า “เป็นสันดานของไอ้คนพวกนี้ ...” ที่ดำเนินการกักตุนตนคิดว่านายกฯอย่ามัวแต่ออกมาด่าว่าเป็นสันดานของใคร นายกนออกมาด่าเรื่องนี้หลายครั้งในรายการ โดยเมื่อวันที่ 29 มิ.ย.ที่ผ่านมาพูดถึงสันดานของคนที่กักตุนก๊าซแอลพีจี ถึง3 ครั้ง ตนคิดว่านายกฯมาด่าเช่นนี้คงไม่ได้ช่วยอะไรขึ้นมา แต่ควรจะไปกำหนดมาตรการจัดการผู้ที่กักตุน เพราะการด่าว่าด้วยถ้อยคำรุนแรงหลายครั้งเป็นเพียงการระบายอารมณ์ของนายกฯเท่านั้น ซึ่งไม่มีประโยชน์อะไร
นายองอาจ กล่าว่า นายสมัคร ยังพูดในรายการจัดเจนว่าวันที่ 1 ก.ค.จะมีการปรับราคาก๊าซแอลพีจี และจะมีก๊าซแอลพีจีใช้ได้ตามปกติ แต่วันนี้กระทรวงพลังงานอกมาแถลงข่าวชัดเจนแล้วว่ากระทรวงพลังงานยืนยันว่าจะยังไม่มีการแยกราคาก๊าซเป็นสองราคา ในวันที่ 1 ก.ค.แน่นอน ตนคิดว่าตรงนี้เป็นอีกตัวอย่างหนึ่งที่เห็นถึงความไม่ชัดเจนของนโยบายด้านพลังงาน
ส่วนกรณีที่กระทรวงพาณิชย์ออกมรระบุว่าจะเรียกประชุมผู้กักตุนก๊าซรายใหญ่มาหารือเพื่อแก้ไขปัญหาก๊าซขาดตลาดนั้น ตนไม่ทราบว่าเป็นการช้าไปหรือไม่ ที่พึ่งมาเรียกประชุมขณะที่ปัญหาความเดือดร้อนเกิดขึ้นแล้ว ตนคิดว่าถ้ากระทรวงพาณิชย์ได้เตรียมการป้องกันเรื่องนี้ไว้ตั้งแต่ต้นน่าจะเกิดประโยชน์มากกว่า กรณีที่ปั๊มก๊าซแอลพีจีหลายแห่งได้ปรับขึ้นราคาขายปลีกประมาณ 30สตางค์ต่อกิโลกรัม โดยอ้างว่าเป็นการปรับขึ้นตามต้นทุนการขนส่งที่เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันดีเซลตนคิดว่าตรงนี้กระทรวงพาณิชย์ควรจะเข้าไปดูแลว่าการปรับขึ้นเป็นไปตามข้ออ้างหรือไม่ และสามารถปรับขึ้นได้หรือไม่ ทั้งที่ราคาก๊าซเป็นราคาที่กระทรวงพาณิชย์ควบคุมดูแลอยู่
เบนซินขึ้นอีก 40 สต.-ดีเซล 80 สต.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัท เชลล์ในประเทศไทยได้แจ้งนำปรับราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซิน 40 สตางค์/ลิตร และกลุ่มดีเซล 80 สตางค์/ลิตร มีผลตั้งแต่วันนี้ (1 ก.ค.)เป็นต้นไป ส่งผลให้เบนซิน 95 อยู่ที่ 43.59 บาท/ลิตร เบนซิน 91 ลิตรละ 42.19 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 38.59 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ37.79 บาท และดีเซล 43.44 บาท/ลิตร
นายมนูญ ศิริวรรณ นักวิชาการด้านน้ำมัน กล่าวว่า ราคาขายปลีกคงจะปรับขึ้นอีกค่อนข้างสูง แม้ช่วงสุดสัปดาห์ได้ปรับขึ้นไปแล้ว 80 สตางค์/ลิตร แต่ค่าการตลาดน้ำมันโดยรวมเฉลี่ยไม่ถึง 1 บาท/ลิตร ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องขึ้นราคาขายปลีกอีกครั้ง และเชื่อว่าผู้ค้าน้ำมันรายอื่นจะปรับขึ้นตาม เนื่องจากราคาน้ำมันสำเร็จรูปตลาดสิงคโปร์ปิดตลาด 27 มิ.ย.ได้ ปรับขึ้นมา 7 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขณะที่ราคาตลาดโลกยังไม่มีปัจจัยอะไรที่จะทำให้ราคาปรับลดลงไปมากนักในสัปดาห์นี้ เนื่องจากค่าเงินเหรียญสหรัฐยังคงอ่อนค่าอยู่ และประธานโอเปคได้ส่งสัญญาณล่วงหน้าจะเห็นราคาน้ำมันดิบในไตรมาส 3 ที่ 170 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล.
น้ำมันโลกทำนิวไฮอีกครั้งทะลุ $ 143
สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบไลท์สวีตครูด สำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคมที่ตลาดไนเม็กซ์ในนครนิวยอร์กมีราคาสูงขึ้น 2.44 ดอลลาร์ มาปิดที่ 142.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากในช่วงหนึ่งราคาพุ่งขึ้นทำสถิติสูงสุดระหว่างวันที่ 143.67 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
ขณะที่สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนต์ สำหรับส่งมอบเดือนสิงหาคมที่ตลาดในลอนดอนมีอยู่ช่วงหนึ่งราคาพุ่งทำสถิติที่ 143.91 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ก่อนจะลดลงมาปิดตลาดที่ 143.11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 2.80 ดอลลาร์
"ตลาดน้ำมันยังคงได้รับแรงเอื้อหนุนเป็นอย่างดี จากปัญหาเงินดอลลาร์อ่อนค่า กอปรกับการที่นักลงทุนหันไปกอบโกยกำไรในผลประโยชน์ด้านสินค้าโภคภัณฑ์ ตลอดจนภาวะซัปพลายน้ำมันชะงักงันอย่างต่อเนื่อง และความตึงเครียดด้านภูมิรัฐศาตร์" อังเดร ครูเชนคอฟ นักวิเคราะห์ชี้