“สมัคร” ชี้ ปัญหาการขาดแคลนก๊าซ “แอลพีจี” เกิดจากการกักตุนของผู้ประกอบการ เพราะรัฐบาลเตรียมประกาศลอยตัว 1 ก.ค.นี้ พร้อมประกาศท้าทาย นสพ.กลางรายการ ใครจะแน่กว่ากัน กรณีพาดหัวข่าวการปรับ ครม.กร้าว ไม่ขอยอมให้มาชี้นำการทำงาน ด้านพาณิชย์ ชี้ประเด็น ปชช.ตื่นข่าว-แห่กักตุนจนขาดแคลน ขณะที่กระทรวงพลังงาน ยืนยัน การขาดแคลนเกิดจากระบบขนส่ง-ไม่เกี่ยวกับข่าวลอยตัว
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการสนทนาประสาสมัคร ทางสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT โดยกล่าวถึงปัญหาการขาดแคลนก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) โดยระบุว่า เป็นพฤติกรรมเอาเปรียบของผู้ประกอบการที่กักตุนก๊าซก่อนที่รัฐบาลจะประกาศขึ้นราคาในวันที่ 1 ก.ค.นี้
ส่วนกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) นายสมัคร กล่าวว่า ตนเองไม่ขอพูดถึงการปรับ ครม. เพราะพูดในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้ว โดยระบุด้วยว่า สื่อมีพฤติกรรมไม่เหมาะสมในการพาดหัวข่าวใหญ่โต แต่ตนจะไม่ยอมให้หนังสือพิมพ์มาสั่งหรือชี้นำ โดยท้าทายให้ทำนาย แล้วจะรอดูว่าใครจะแน่กว่ากัน และหากทำนายแล้วผิดหนังสือพิมพ์ก็จะต้องหน้าแตก และต้องอายคนอ่าน
“พวกหนังสือพิมพ์ชอบสาระแน ดูซิว่าใครจะแน่กว่ากัน ทำนายเลย จะปรับจะปรุง ระวังจะหน้าแหก อายคนที่ซื้ออ่านบ้างละกัน”
**พาณิชย์ ชี้ ปชช.ตื่นข่าว-แห่กักตุนจนขาดแคลน
โดยวันนี้ นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ออกตรวจสอบปั๊มก๊าซแอลพีจี หลังได้รับการร้องเรียนจากประชาชนไม่มีแอลพีจีจำหน่าย ขาดตลาด และแอบขึ้นราคา โดยจุดแรก คือ ปั๊มเพียวในเครือสยามแก๊ส ต.บางพูน จ.ปทุมธานี พบว่า แอลพีจีหมดมาตั้งแต่วานนี้ เพราะประชาชนเติมก๊าซจำนวนมาก หลังทราบข่าวว่ากระทรวงพลังงานประกาศลอยตัวแอลพีจีในเดือนกรกฎาคม
หลังจากนั้น ก็ได้เดินทางเข้าตรวจสอบปั๊ม ปตท.จ.นนทบุรี พบมีประชาชนรอคิวเติมก๊าซเป็นแถวยาวเช่นกัน และเป็นเช่นนี้มา 2-3 วันแล้ว ซึ่งทั้ง 2 ปั๊มไม่พบมีการกักตุนก๊าซ
นายยรรยง กล่าวว่า กรมการค้าภายในได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกตรวจสอบปั๊มแอลพีจีทั่วประเทศ หลังพบมีการร้องเรียนเข้ามา โดยเฉพาะช่วง 2-3 วันนี้รอคิวเติมก๊าซมากกว่าปกติ ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ทราบข่าวการลอยตัว โดยจะทำให้ราคาก๊าซปรับขึ้นอยู่ที่ประมาณ 18-20 บาทต่อกิโลกรัม
นายยรรยง ยังกล่าวถึงผลการตรวจสถานีบริการน้ำมันและก๊าซแอลพีจี วันนี้ โดยบอกว่า สาเหตุที่ก๊าซแอลพีจีขาดแคลนในช่วงนี้ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าจะมีการลอยตัวราคาในเดือนกรกฎาคม ประชาชนจึงหันมาเติมก๊าซกันมากขึ้น ทั้งนี้กรมการค้าภายในจะเข้าไปดูในส่วนของการกักตุนและราคา เพื่อไม่ให้ฉวยโอกาสปรับขึ้นก่อนมีการประกาศอย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม หากพบว่ามีการกักตุนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า ปัจจุบันมีสถานีบริการก๊าซแอลพีจีทั่วประเทศ จำนวน 236 แห่ง แบ่งเป็นในกรุงเทพฯ 129 แห่ง และต่างจังหวัด 107 แห่ง
ทั้งนี้ นายยรรยง ได้ฝากเตือนปั๊มจำหน่ายก๊าซแอลพีจี หากพบมีการกักตุนก๊าซจะมีโทษจำคุก 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ พร้อมขอความร่วมมือจากบริษัทส่งก๊าซรายใหญ่ ให้จัดส่งก๊าซมาที่ปั๊มจำหน่ายแอลพีจี เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนจำนวนมาก
อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวอีกว่า ในวันพรุ่งนี้ กรมการค้าภายในจะประชุมหารือกับกรมธุรกิจพลังงาน และผู้ประกอบการส่งก๊าซรายใหญ่ อาทิ ปตท., ปิคนิค, เวิลด์แก๊ส และสยามแก๊ส เกี่ยวกับปัญหาการขาดแคลนแอลพีจีในช่วงนี้ ที่กระทรวงพาณิชย์
**ก.พลังงาน ยันเกิดจากระบบขนส่ง-ไม่เกี่ยวข่าวลอยตัว
ขณะเดียวกัน นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ก็ได้ออกมากล่าวถึงกรณีที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนและโชเฟอร์แท็กซี่ ที่ใช้รถติดก๊าซแอลพีจีขาดตลาด โดยยืนยันว่า ไม่เกี่ยวกับการที่กระทรวงพลังงานประกาศลอยตัวก๊าซแอลพีจีในเดือน ก.ค.นี้ เพราะนโยบายดังกล่าวอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ผู้ประกอบการคงไม่นำสาเหตุนี้มาปิดปั๊ม เพื่อกักตุนก๊าซหรือเก็งกำไร
ทั้งนี้ สาเหตุที่ก๊าซแอลพีจีขาดตลาดขณะนี้ เกิดจากปัญหาระบบขนส่งก๊าซ เช่น เรื่องเรือที่ขนมาจากแหล่งนำเข้าที่ไม่เพียงพอ รวมทั้งยอดการใช้มีมากขึ้น ทำให้ก๊าซเริ่มขาดแคลน เชื่อว่า สถานการณ์จะดีขึ้นภายใน 1-2 วันนี้
