ปตท.แจงสาเหตุปัญหาก๊าซแอลพีจีขาดแคลน เกิดจากระบบขนส่งจากท่าเรือที่ศรีราชา-คลังบางจาก แต่ได้จัดการเรียบร้อยแล้ว คาดสัปดาห์หน้าจะสู่ภาวะปรกติ เพราะมีการนำเข้าเพิ่ม-เริ่มใช้นโยบายลอยตัวราคา และแยก 2 ตลาด ยืนยัน สาเหตุการขาดแคลนพอดีกับช่วงทึ่จะต้องขายราคาใหม่ ไม่ได้เกิดจากการกักตุน
วันนี้ (29 มิ.ย.) นายชัยวัฒน์ ชูฤทธิ์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจน้ำมัน บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ชี้แจงว่า จากปัญหาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ในสถานีบริการเกิดการขาดแคลน และบางสถานีบริการขึ้นป้ายแอลพีจีหมดนั้น ปตท. ขอยืนยันว่า ได้มีการจ่ายแอลพีจีให้แก่ลูกค้าของ ปตท. และผู้ค้ามาตรา 7 ตามที่กรมธุรกิจพลังงานเป็นผู้กำหนดในปริมาณปกติเสมอมา และในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา อาจมีปัญหาการขนส่งแอลพีจีจากคลังก๊าซเขาบ่อยา ที่ศรีราชา มายังคลังก๊าซบางจาก ล่าช้า เนื่องจากความแออัดของท่าเรือ เพราะเป็นท่าเรือขนส่งทั้งภายในและต่างประเทศหลากหลายผลิตภัณฑ์ร่วมกัน
นายชัยวัฒน์ ยืนยันว่า ปัจจุบันปัญหาดังกล่าวได้มีการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว จึงทำให้ปริมาณสำรองและความสามารถในการจ่ายก๊าซอยู่ในระดับปกติ อีกทั้งในสัปดาห์หน้า แอลพีจีที่นำเข้าจากต่างประเทศจะมาเพิ่มเติมอีก 22,000 ตัน และคาดว่าจะมีการทยอยนำเข้าตลอดทั้งปี ซึ่งจะทำให้มีปริมาณแอลพีจีจำหน่ายในประเทศอย่างเพียงพอ
"ปัจจุบันการใช้แอลพีจีในประเทศเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากประมาณ 3 ล้านตัน ในปีที่ผ่านมา เป็น 3.5 ล้านตันในปีนี้ หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.2 โดยส่วนใหญ่เพิ่มขึ้นจากการใช้ในรถยนต์ ถึงร้อยละ 22.7 สาเหตุจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นตามภาวะตลาดโลก และประชาชนหันมาใช้แอลพีจีทดแทนเพิ่มขึ้นสูงเกินกว่าปกติ"
โดยขณะนี้ ราคาในตลาดโลกอยู่ที่ 905 ดอลลาร์ต่อตัน แต่รัฐบาล กำหนดให้โรงกลั่นและโรงแยกก๊าซ ในประเทศขายเพียง 332 ดอลลาร์ต่อตัน ซึ่งเท่ากับผู้ผลิตรับภาระอยู่ประมาณเกือบ 600 ดอลลาร์ต่อตัน
ดังนั้น หากโครงสร้างราคายังคงเป็นเช่นในปัจจุบัน อนาคตอาจทำให้เกิดปัญหาถังเก็บจ่ายรองรับการนำเข้าของ ปตท. ที่มีอยู่ไม่เพียงพอได้ ขณะนี้ ปตท. มีสถานีบริการแอลพีจีเพียง 36 แห่ง จาก 236 แห่ง ขณะที่มีส่วนแบ่งตลาดในภาคขนส่งร้อยละ 7 ที่เหลือเป็นของผู้ค้ามาตรา 7 อื่น และขอยืนยันว่าปัญหาแอลพีจีที่ขาดแคลนนี้ ปตท. ไม่ได้กักตุนแต่อย่างใด
