สงบศึกแอลพีจี “พลังงาน” เป็นเจ้าภาพ-ตั้งคณะทำงานแชร์เค้ก

รมว.พลังงาน เตรียมตั้งคณะทำงานกำหนดปรับขึ้นราคาแอลพีจี ภายในสัปดาห์หน้า ปลัดพรชัย ยืนยันปัญหาก๊าซขาดตลาดเกิดจากเรือขนส่ง 3 ลำ เทียบท่าที่เขาบ่อยาไม่ทัน แนะประชาชนตื่นตระหนก ย้ำมีเพียงพอต่อความต้องการ หลังนำก๊าซสำรองมาจำหน่าย

วันนี้ (1 ก.ค.) พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมแต่งตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาแนวทางการลอยตัวราคาก๊าซหุงต้ม (แอลพีจี) ภายในสัปดาห์หน้า เพื่อกำหนดการปรับขึ้นราคาแอลพีจี โดยคาดว่าจะมีมาตรการช่วยเหลือผู้ใช้ก๊าซในภาคครัวเรือนที่อาจได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาด้วย

คณะทำงานชุดดังกล่าว จะประกอบด้วย ปลัดกระทรวงการคลัง, ปลัดกระทรวงพลังงาน, อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน, อธิบดีกรมการค้าภายใน, อธิบดีกรมขนส่งทางบก, ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน โดยภายหลังจากมีข้อสรุปจะต้องนำเสนอคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจารณาก่อน

อย่างไรก็ตาม รมว.พลังงาน กล่าวว่า ขณะนี้ประชาชนควรจะยึดแนวทางที่กระทรวงพลังงานแนะนำให้หันมาใช้พลังงานทดแทนอื่น อย่างก๊าซเอ็นจีวี

“เราพยายามจะหาแนวทางให้กับประชาชน คือ เอ็นจีวี ในเดือนกรกฎาคมจะเห็นเป็นรูปธรรม และเดือนนี้ก็จะมีการพิจารณาเรื่องราคาแอลพีจี เพราะราคาแอลพีจีที่ใช้อยู่ในประเทศก็ต่างกับราคาตลาดโลกมากไป” พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ กล่าวสรุป

นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่ก๊าซแอลพีจี ขาดตลาดว่า สาเหตุมาจากเรือขนส่งก๊าซทั้ง 4 ลำ มีจำนวนปริมาณก๊าซรวมกันกว่า 2,500 ตัน ไม่สามารถเข้าเทียบท่าเรือที่ศรีราชาได้ เนื่องจากกองทัพเรือทำการซ้อมป้องกันอุบัติภัยฉุกเฉิน เป็นเหตุให้เกิดการชะงักในการจัดจ่ายให้กับสถานีบริการประกอบกับประชาชนตื่นตระหนกกับปัญหาที่เกิดขึ้น ทำให้ก๊าซแอลพีจีขาดตลาด อย่างไรก็ตาม ปัญหาต่างๆ ได้คลี่คลายแล้ว เนื่องจากทางกระทรวงพลังงาน และ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ได้นำก๊าซสำรองจากคลังที่มีอยู่กว่า 4,000 ตัน เข้าช่วยเหลือในช่วงวันเสาร์, อาทิตย์ ที่ผ่านมา ทั้งนี้ กระทรวงพลังงานยืนยันก๊าซแอลพีจีจะมีเพียงพอต่อความต้องการของประชาชน

ปลัดกระทรวงพลังงาน ยังได้กล่าวอีกว่า ทางกระทรวงไม่มีนโยบายสนับสนุนการใช้ก๊าซแอลพีจีในภาคขนส่ง ส่วนการปรับขึ้นราคาหรือไม่นั้นต้องรอการประชุมในรายละเอียดอีกครั้ง

ทั้งนี้ ปัญหาแอลพีจีที่เกิดขึ้น นายพรชัย ระบุว่า เกิดจากมีรถยนต์หันมาใช้แอลพีจีแทนน้ำมันถึง 1.2 ล้านคัน จาก 2 ปีก่อนมีเพียง 2-3 แสนคัน โดยช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา รถยนต์แห่มาติดแอลพีจีถึง 6 แสนคัน เพิ่มขึ้นวันละ 8,000 คัน/วัน ปัญหารถที่มาใช้แอลพีจีมาก ทำให้ปริมาณการจัดสรรแอลพีจีมีปัญหา จากเดิมไทยผลิตแอลพีจี 3 แสนตัน/เดือน มีเหลือพอส่งออก แต่เดือนมิ.ย.ปริมาณความต้องการแอลพีจีสูงถึง 3.2 แสนตัน คาดว่าเดือน ก.ค.จะสูงถึง 3.4 แสนตัน ซึ่งเชื่อว่า ปตท.คงต้องสั่งนำเข้ามาเพิ่มขึ้น เพราะมีโรงกลั่นน้ำมันในไทยปิดซ่อมบำรุงประจำปี ทำให้ปริมาณหายไป 1 หมื่นตัน/เดือน

“ปริมาณรถที่มาใช้แอลพีจีที่มากขึ้น เมื่อมีข่าวออกทางวิทยุว่า มีก๊าซหมดในบางปั๊ม ทำให้รถแท็กซี่และรถบ้านตื่นตระหนกว่าก๊าซจะหมด จึงแห่ไปเติม บางคนมีก๊าซเหลือกว่าครึ่งถัง รู้ข่าวว่าจะหมดก็ไปเติม เพื่อนผมคนหนึ่งยังโทร.มาถามเลย ซึ่งผมยืนยันว่าขณะนี้แอลพีจียังมีเพียงพอ แต่เกิดความตื่นกลัว รถไปเติมมากผิดปกติ ปั๊มก๊าซบางแห่งจึงมีไม่พอขาย จากการตรวจสอบร่วมกับกรมการค้าภายในยังไม่พบปัญ หากักตุน” นายพรชัย กล่าว

นายพรชัย ยังกล่าวอีกว่า ขณะนี้ ปตท.สามารถจัดส่งแอลพีจีตามปกติแล้ว และเพิ่มปริมาณการจัดส่งให้ปั๊มแอลพีจีใน กทม.เกือบเท่าตัว ตามปกติในกทม.ต้องใช้แอลพีจี 1,800 ตัน/วัน เพิ่มเป็น 4,000 ตัน/วัน ในช่วงนี้ ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นเหตุสุดวิสัย ที่เรือไม่สามารถเข้าไปขนในคลังของ ปตท.ที่เขาบ่อยาได้ แต่ขณะนี้ปกติดีแล้ว