เอเอฟพี – ทั้งธนาคารกลางและกระทรวงการคลังของเกาหลีใต้ ออกมาประสานเสียงกันเมื่อวานนี้(7)ว่า พวกเขาจะใช้ “มาตรการอันเข้มแข็ง” เพื่อรักษาอัตราแลกเปลี่ยนของเงินวอนโสมขาวให้มีเสถียรภาพ
เงินวอนเกาหลีใต้ได้ลดค่าลงมากว่า 10% แล้วในปีนี้เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จนทำให้สินค้านำเข้ารวมทั้งน้ำมัน มีราคาแพงขึ้นในแดนโสมขาว อีกทั้งกำลังทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศนี้พุ่งขึ้นมาก
“เราจะเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดในเรื่องอุปทานและอุปสงค์ และการเคลื่อนไหวทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในตลาดแลกเปลี่ยนภายในท้องถิ่น และถ้าหากทำท่าจะเกิดความไม่สมดุลมากจนเกินไปแล้ว เราก็จะดำเนินมาตรการอันเข้มแข็งตามที่จำเป็น” กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศเกาหลีกล่าวในคำแถลงร่วม
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ต้องนำเข้าน้ำมันที่จำเป็นต้องใช้กันแทบจะทั้งหมด และกำลังถูกกระทบหนักหน่วงเป็นพิเศษจากราคาน้ำมันดิบซึ่งพุ่งลิ่ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ทะยานไปอยู่ในระดับเท่ากับปีละ 5.5% ในเดือนมิถุนายน อันใกล้เคียงกับระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีทีเดียว
ชอยจงคู อธิบดีกรมการเงินระหว่างประเทศ ของกระทรวงการคลังโสมขาว ยอมรับว่า รัฐบาลได้นำเอาทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมาใช้ในการรักษาเสถียรภาพเงินวอน พร้อมกับกล่าวสำทับว่า “เรายังจะใช้ทุนสำรองของเราต่อไปถ้าหากมีความจำเป็น”
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ซึ่งมีขนาดมหึมาเป็นอันดับ 6 ของโลก ได้หดถอยลงมาเหลือ 258,100 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน จากที่เคยอยู่ในระดับ 262,200 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปีที่แล้ว
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการรักษาเสถียรภาพของราคา” ชอยกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าไม่ใช่เป็นเรื่องน่าวิตกอะไรที่ทุนสำรองของประเทศจะลดหายลงไปมาก
ทางด้าน อันห์บยุงชาน ผู้อำนวยการฝ่ายของธนาคารกลางโสมขาว ก็บอกว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ไปลงทุนไว้ในต่างแดน มีจำนวนมากที่สามารถ “แปลงไปเป็นสภาพคล่องได้อย่างง่ายดาย” ถ้าหากมีความจำเป็นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การเข้าแทรกแซงของรัฐบาลอาจจะไม่ช่วยบรรเทาความกระหายที่จะขายเงินวอนและถือเงินดอลลาร์เอาไว้
“รัฐบาลของเรายังกำลังพยายามที่จะจำกัดอัตราเงินเฟ้อด้วย ทว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก เมื่อพิจารณาที่ปัจจัยภายนอกอย่างเช่นราคาน้ำมัน “ วอนยองยุก นักวิเคราะห์แห่งเอสเคซีเคียวริตีส์ให้ความเห็น
เขาบอกด้วยว่า พวกนักลงทุนต่างประเทศกำลังถอนการลงทุนต่างๆ ที่ไปลงไว้ในพวกตลาดรุ่งเรืองใหม่ เพราะเห็นกันว่าความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จะยังคงส่งผลกระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึกในตลาดรุ่งเรืองใหม่มากขึ้นทุกที
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการโสมขาวที่ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ได้เทขายเงินดอลลาร์ออกไปจำนวนหนึ่งเพื่ออุ้มชูค่าเงินวอน ทว่าสามารถสร้างผลกระทบได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
เงินวอนมีค่าแข็งขึ้นเป็น 1,036.50 วอนต่อดอลลาร์ ในช่วงต้นๆ ของการซื้อขายวานนี้(7)ที่กรุงโซล ทว่าพอถึงตอนปิดตลาด ก็กลับอ่อนตัวมาอยู่ที่ 1,042.90 วอนต่อดอลลาร์
เงินวอนเกาหลีใต้ได้ลดค่าลงมากว่า 10% แล้วในปีนี้เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐฯ จนทำให้สินค้านำเข้ารวมทั้งน้ำมัน มีราคาแพงขึ้นในแดนโสมขาว อีกทั้งกำลังทำให้อัตราเงินเฟ้อในประเทศนี้พุ่งขึ้นมาก
“เราจะเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดในเรื่องอุปทานและอุปสงค์ และการเคลื่อนไหวทางด้านอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ ในตลาดแลกเปลี่ยนภายในท้องถิ่น และถ้าหากทำท่าจะเกิดความไม่สมดุลมากจนเกินไปแล้ว เราก็จะดำเนินมาตรการอันเข้มแข็งตามที่จำเป็น” กระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศเกาหลีกล่าวในคำแถลงร่วม
เกาหลีใต้ ซึ่งเป็นเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของเอเชีย ต้องนำเข้าน้ำมันที่จำเป็นต้องใช้กันแทบจะทั้งหมด และกำลังถูกกระทบหนักหน่วงเป็นพิเศษจากราคาน้ำมันดิบซึ่งพุ่งลิ่ว ขณะที่อัตราเงินเฟ้อก็ทะยานไปอยู่ในระดับเท่ากับปีละ 5.5% ในเดือนมิถุนายน อันใกล้เคียงกับระดับที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปีทีเดียว
ชอยจงคู อธิบดีกรมการเงินระหว่างประเทศ ของกระทรวงการคลังโสมขาว ยอมรับว่า รัฐบาลได้นำเอาทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศมาใช้ในการรักษาเสถียรภาพเงินวอน พร้อมกับกล่าวสำทับว่า “เรายังจะใช้ทุนสำรองของเราต่อไปถ้าหากมีความจำเป็น”
ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเกาหลีใต้ ซึ่งมีขนาดมหึมาเป็นอันดับ 6 ของโลก ได้หดถอยลงมาเหลือ 258,100 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน จากที่เคยอยู่ในระดับ 262,200 ล้านดอลลาร์ ณ สิ้นปีที่แล้ว
“สิ่งที่สำคัญที่สุดในขณะนี้ก็คือการรักษาเสถียรภาพของราคา” ชอยกล่าว พร้อมกับยืนยันว่าไม่ใช่เป็นเรื่องน่าวิตกอะไรที่ทุนสำรองของประเทศจะลดหายลงไปมาก
ทางด้าน อันห์บยุงชาน ผู้อำนวยการฝ่ายของธนาคารกลางโสมขาว ก็บอกว่าทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ไปลงทุนไว้ในต่างแดน มีจำนวนมากที่สามารถ “แปลงไปเป็นสภาพคล่องได้อย่างง่ายดาย” ถ้าหากมีความจำเป็นขึ้นมา
อย่างไรก็ตาม พวกนักวิเคราะห์หลายรายมองว่า การเข้าแทรกแซงของรัฐบาลอาจจะไม่ช่วยบรรเทาความกระหายที่จะขายเงินวอนและถือเงินดอลลาร์เอาไว้
“รัฐบาลของเรายังกำลังพยายามที่จะจำกัดอัตราเงินเฟ้อด้วย ทว่าพวกเขาทำอะไรไม่ได้มากนักหรอก เมื่อพิจารณาที่ปัจจัยภายนอกอย่างเช่นราคาน้ำมัน “ วอนยองยุก นักวิเคราะห์แห่งเอสเคซีเคียวริตีส์ให้ความเห็น
เขาบอกด้วยว่า พวกนักลงทุนต่างประเทศกำลังถอนการลงทุนต่างๆ ที่ไปลงไว้ในพวกตลาดรุ่งเรืองใหม่ เพราะเห็นกันว่าความเสี่ยงที่อัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จะยังคงส่งผลกระทบกระเทือนอารมณ์ความรู้สึกในตลาดรุ่งเรืองใหม่มากขึ้นทุกที
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา ทางการโสมขาวที่ดูแลเรื่องอัตราแลกเปลี่ยน ได้เทขายเงินดอลลาร์ออกไปจำนวนหนึ่งเพื่ออุ้มชูค่าเงินวอน ทว่าสามารถสร้างผลกระทบได้เพียงระยะสั้นเท่านั้น
เงินวอนมีค่าแข็งขึ้นเป็น 1,036.50 วอนต่อดอลลาร์ ในช่วงต้นๆ ของการซื้อขายวานนี้(7)ที่กรุงโซล ทว่าพอถึงตอนปิดตลาด ก็กลับอ่อนตัวมาอยู่ที่ 1,042.90 วอนต่อดอลลาร์