ผู้จัดการรายวัน - กระทรวงการคลังเร่งแก้ประกาศกระทรวง ชง ครม.อนุมัติซื้อขายทองคำได้ล่วงหน้า คาดมีผลเดือน ส.ค.นี้เพื่อให้ทันการเปิดซื้อขายของบริษัทตลาดอนุพันธ์ที่กำหนดไว้เดือน ก.ย. ด้านสมาคมทองคำ ติงหลักเกณฑ์เอื้อต่างชาติสกัดร้านค้ารายเล็ก
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดช่องให้ตลาดอนุพันธ์สามารถนำทองคำมาเป็นสินค้าซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการสร้างตลาดให้เหมือนในต่างประเทศและลดการเก็งกำไรจากทองคำแห่งที่มีการนำเข้ามาปริมาณมากในแต่ละเดือนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังให้สามารถซื้อขายทองล่วงหน้าได้ จากเดิมที่มีข้อกำหนดห้ามซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อป้องกันการเก็งกำไร โดยคาดว่าจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบได้ในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นสามารถใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในประกาศให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที ซึ่งน่าจะเป็นภายในเดือน ส.ค.นี้เพื่อให้ทันกับการเปิดซื้อขายเดือนก.ย.นี้
“ที่ผ่านมาแม้จะห้ามซื้อขายล่วงหน้าก็มีการเก็งกำไรทองคำแท่งอยู่แล้ว ก็ควรเปิดกว้างให้ซื้อขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ได้เหมือนในต่างประเทศ ส่วนจะช่วยลดการนำเข้าทองคำแท่งได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ความต้องการลงทุน โดยหากผู้ลงทุนเห็นว่าดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นก็อาจหันไปฝากเงินมากกว่า” นางพรรณี กล่าว
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมทองคำ กล่าวว่าจากการหารือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น เห็นว่าการวางระบบการซื้อขายหรือโครงสร้างของตลาดยังไม่เหมาะสม โดยควรจะการเปิดกว้างให้ร้านทองที่มีอยู่ประมาณ 7 พันแห่งเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น เพราะข้อกำหนดการเป็น มาร์เก็ต เมคเกอร์ ในการซื้อขายทองล่วงหน้านั้นกำหนดค่าสมาชิกไว้ถึง 20 ล้านบาท เป็นการกันรายเล็กให้เข้ามาในตลาด
“มองว่าโครงสร้างของระบบที่วางไว้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้ามือ ร้านค้ารายเล็กก็เป็นเพียงผู้เล่นในตลาดแทนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างตลาดแต่ค่าสมาชิกที่กำหนดไว้สูงเกินไปรายเล็กคงเข้าร่วมไม่ได้และหากมีตลาดล่วงหน้าก็จะมีการเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น ระดับล่าวที่ยังไม่มีความรู้เพียงพอก็จะเดืดร้อน จึงจะเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ “นายจิตติกล่าวและว่าอยากให้มีการแยกตลาดซื้อขายทองล่วงหน้าออกไปจากตลาดอนุพันธ์สินค้าอื่นๆ ซึ่งในต่างประเทศก็มีการแยกตลาดกันชัดเจน และควรให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจทองคำเข้ามามีบทบาททั้งการดูแลและร่วมให้ข้อมูล
อย่างไรก็ตามทางสมาคมเห็นด้วยให้มีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำในภูมิภาคได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ต้องมีการปรับระบบและโครงสร้างของตลาดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันไทยยังมีการส่งออกทำมากกว่าการนำเข้าจึงไม่น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ขาดดุการค้า
อนึ่งทาง บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กำลังยื่นรายละเอียดให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) .พิจารณารายละเอียดของสินค้า รวมถึงข้อกำหนดของมาร์เก็ต เมคเกอร์ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก.ล.ต.น่าจะอนุมัติภายในเดือนนี้และเปิดซื้อขายล่วงหน้าได้เดือนก.ย. สำหรับการซื้อขายทองคำล่วงหน้าจะอ้างอิงกับทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% ซึ่เป็นความ บริสุทธ์ของทองคำที่ซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในไทย โดยการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส จะใช้วิธีชำระราคาเป็นเงินสดเท่านั้น.
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวถึงความคืบหน้าในการเปิดช่องให้ตลาดอนุพันธ์สามารถนำทองคำมาเป็นสินค้าซื้อขายล่วงหน้า เพื่อเป็นการสร้างตลาดให้เหมือนในต่างประเทศและลดการเก็งกำไรจากทองคำแห่งที่มีการนำเข้ามาปริมาณมากในแต่ละเดือนว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างแก้ไขประกาศกระทรวงการคลังให้สามารถซื้อขายทองล่วงหน้าได้ จากเดิมที่มีข้อกำหนดห้ามซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อป้องกันการเก็งกำไร โดยคาดว่าจะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) รับทราบได้ในเร็วๆนี้ หลังจากนั้นสามารถใช้อำนาจรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังลงนามในประกาศให้มีผลบังคับใช้ได้ทันที ซึ่งน่าจะเป็นภายในเดือน ส.ค.นี้เพื่อให้ทันกับการเปิดซื้อขายเดือนก.ย.นี้
“ที่ผ่านมาแม้จะห้ามซื้อขายล่วงหน้าก็มีการเก็งกำไรทองคำแท่งอยู่แล้ว ก็ควรเปิดกว้างให้ซื้อขายล่วงหน้าในตลาดอนุพันธ์ได้เหมือนในต่างประเทศ ส่วนจะช่วยลดการนำเข้าทองคำแท่งได้หรือไม่นั้นอยู่ที่ความต้องการลงทุน โดยหากผู้ลงทุนเห็นว่าดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นก็อาจหันไปฝากเงินมากกว่า” นางพรรณี กล่าว
ด้านนายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมทองคำ กล่าวว่าจากการหารือกับกระทรวงการคลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนั้น เห็นว่าการวางระบบการซื้อขายหรือโครงสร้างของตลาดยังไม่เหมาะสม โดยควรจะการเปิดกว้างให้ร้านทองที่มีอยู่ประมาณ 7 พันแห่งเข้ามามีส่วนร่วมได้มากขึ้น เพราะข้อกำหนดการเป็น มาร์เก็ต เมคเกอร์ ในการซื้อขายทองล่วงหน้านั้นกำหนดค่าสมาชิกไว้ถึง 20 ล้านบาท เป็นการกันรายเล็กให้เข้ามาในตลาด
“มองว่าโครงสร้างของระบบที่วางไว้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามาเป็นเจ้ามือ ร้านค้ารายเล็กก็เป็นเพียงผู้เล่นในตลาดแทนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างตลาดแต่ค่าสมาชิกที่กำหนดไว้สูงเกินไปรายเล็กคงเข้าร่วมไม่ได้และหากมีตลาดล่วงหน้าก็จะมีการเข้ามาเก็งกำไรมากขึ้น ระดับล่าวที่ยังไม่มีความรู้เพียงพอก็จะเดืดร้อน จึงจะเสนอให้ปรับหลักเกณฑ์ใหม่ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกันอีกครั้งในเร็วๆนี้ “นายจิตติกล่าวและว่าอยากให้มีการแยกตลาดซื้อขายทองล่วงหน้าออกไปจากตลาดอนุพันธ์สินค้าอื่นๆ ซึ่งในต่างประเทศก็มีการแยกตลาดกันชัดเจน และควรให้ผู้ประกอบการ ธุรกิจทองคำเข้ามามีบทบาททั้งการดูแลและร่วมให้ข้อมูล
อย่างไรก็ตามทางสมาคมเห็นด้วยให้มีตลาดซื้อขายทองคำล่วงหน้าเพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการซื้อขายทองคำในภูมิภาคได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้ แต่ต้องมีการปรับระบบและโครงสร้างของตลาดให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันไทยยังมีการส่งออกทำมากกว่าการนำเข้าจึงไม่น่าจะเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ขาดดุการค้า
อนึ่งทาง บริษัท ตลาดอนุพันธ์ (ประเทศไทย)จำกัด (มหาชน) กำลังยื่นรายละเอียดให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) .พิจารณารายละเอียดของสินค้า รวมถึงข้อกำหนดของมาร์เก็ต เมคเกอร์ หากไม่มีอะไรผิดพลาด ก.ล.ต.น่าจะอนุมัติภายในเดือนนี้และเปิดซื้อขายล่วงหน้าได้เดือนก.ย. สำหรับการซื้อขายทองคำล่วงหน้าจะอ้างอิงกับทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.5% ซึ่เป็นความ บริสุทธ์ของทองคำที่ซื้อขายกันอย่างแพร่หลายในไทย โดยการซื้อขายโกลด์ฟิวเจอร์ส จะใช้วิธีชำระราคาเป็นเงินสดเท่านั้น.