ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวในการประชุมสัมมนาผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ และผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงมหาดไทย ครั้งที่ 2 ที่หอประชุม กองทัพเรือ ตอนหนึ่งเกี่ยวกับกรณีที่ประชาขน จ.กระบี่ รวมตัวชุมนุบประท้วงระหว่าง ออกตรวจราชการเมื่อวันที่ 2 พ.ค.ว่า การอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมาถูกฝ่ายค้าน พาดพิงว่า มีส่วนเกี่ยวข้องกับการเอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิดในการบุกรุกที่ดินใน จ.ภูเก็ต จึงสั่งให้ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทยไปตรวจอบ อีกส่วนหนึ่ง ให้กรมที่ดินไปติดตาม จึงตั้งใจไป จ.ภูเก็ต แต่เมื่อทราบข่าวว่า มีการจัดคนไปชุมนุมประท้วงที่ จ.ภูเก็ต จึงไป จ.กระบี่
“ที่มาเล่าให้ฟัง เพราะไม่อยากให้มองว่าผมขี้กลัว ขี้ขลาด มันเสียฟอร์มรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ผมไม่มีสิทธิที่จะไปเอาชนะประชาชน โดยถ้าประท้วง ร.ต.อ.เฉลิม ผมไม่ว่า แต่ประท้วงรัฐมนตรีมหาดไทยที่กำลังไปปฎิบัติหน้าที่นั้นไม่ได้ ผมจะไปทำงาน ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่”
สั่งผู้ว่าฯภูเก็ตลุยพวกรุกที่ 400 ไร่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิมิชอบอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่ดินที่ อ.เมืองกระบี่ มีการยกภูเขาทั้งภูเขา ส่วนที่ดินในเกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต ที่ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงว่า เอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิดนั้น ยืนยันว่า ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้อง และหากติดใจสงสัย สามารถให้กรมที่ดินรื้อ และตรวจสอบใหม่ได้ ว่าใคร เป็นเจ้าของ และผิดถูกอย่างไร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีปัญหายืดเยื้อมากว่า 10 ปี
ขอบอกกับผู้ว่าฯภูเก็ตว่า ขอให้บันทึกไว้ว่า การออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ บริเวณเขาพันธุรักษ์ บริเวณถนนบายพาส อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 400 ไร่ สอบสวนถึงไหน ให้รีบไปถาม ป.ป.ช.ด้วย โดยผมมีชื่อผู้ต้องหา เแต่ขอไม่พูด ถ้าผู้ว่าฯ อยากได้รายละเอียดให้มาถามได้เป็นการส่วนตัว สำหรับผู้ว่าฯจังหวัดที่ผมบอกว่า มีการรุกที่ดิน ขอให้ไปดูว่าใครมันใหญ่นัก
แฉเฉลิมสั่งผู้ว่าฯล่าผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกระบี่ว่า ภายหลังจากที่เครือข่ายพันธมิตรฯกระบี่ รวมตัวต่อต้านและขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขณะเดินทางลงไปตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2551 หลบออกจาก โรงแรมกระบี่มารีไทม์ ปาร์ค แอน สปา รีสอร์ท ที่พักตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค. เพื่อรอขึ้นเครื่องบินเที่ยวเวลา 10.10 น.กลับกรุงเทพฯนั้น
ล่าสุด ได้รับแจ้งจากพี่น้องพันธมิตรฯกระบี่ รายหนึ่งซึ่งเดินทางไปร่วมขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่หน้าโรงแรมกระบี่มารีไทม์ฯ ว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถาม หาชื่อของตนเองภายในหมู่บ้าน ซึ่งได้พบกับสามีของตนโดยบังเอิญ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว จึงถามถึงสาเหตุการถามหาตนเอง จึงทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีคำสั่ง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่สืบหาตัวบุคคลที่เป็นแกนนำ และผู้ที่เดินทางไปขับไล่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาให้ได้ว่ามีกี่คน มีใครบ้าง โดยให้นำข้อมูลนำเสนอ รมว.มหาดไทย โดยตรง ซึ่งผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้ ผบก.จ.กระบี่ สั่งการให้ตำรวจทุก สภ.ออกสืบหาตัวบุคคล ซึ่งมีการถ่ายภาพไว้ว่า เป็นใคร อยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไร้ซึ่งสัจจะ เพราะจากคำให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิที่บอกว่าไม่ติดใจเอาความผู้ที่เดินทางไปประท้วงขับไล่ตนเอง อโหสิให้ แต่ในความเป็นจริง ลับหลังคนไทยทั้งประเทศ ร.ต.อ.เฉลิม กลับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจตามล่าตัวผู้ที่ไปขับไล่ตนเอง
แหล่งข่าวคนดังกล่าวยืนยันว่าแม้จะถูก รมว.มหาดไทย สั่งล่าตัวก็ไม่รู้สึกหวั่นกล้ว เพราะสิ่งที่กระทำถือว่าถูกต้อง ทำเพื่อประเทศชาติ เพราะบุคคลผู้นี้ทำงาน ตามคำสั่งของระบอบทักษิณ ทำเพื่อพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ประเทศชาติ
ชุมพรติดป้ายต้านรัฐบาลหุ่นเชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.ชุมพร กลุ่มพันธมิตร 4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี ประมาณ 400 คน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ ชุมนุมบริเวณลานจอดรถหน้าศาล พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ริมถนนเพชรเกษม ใกล้วนอุทยานเขาพาง ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปราศรัยโจมตีรัฐบาล จากนั้นได้นำป้ายสีส้มขนาดประมาณ 15 X 1.5 เมตร ข้อความเขตปลอดรัฐบาลหุ่นเชิด ระบอบทักษิณ ขึ้นไปติดบนสะพานลอยข้ามถนน ฝั่งขาล่อง หน้าโรงเรียนบ้านเขาพาง
นายสุนทร กล่าวว่า การติดป้ายดังกล่าว เพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า เครือข่ายพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินแล้ว หากรัฐมนตรีคนใดในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใดเดินทางมาตรวจราชการในจังหวัดภาคใต้ จะถูกต่อต้านจากเครือข่ายพันธมิตรแต่ละจังหวัดอย่างแน่นอน
สาครปัดอยู่เบื้องหลังม็อบ
ด้าน นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่า อยู่ในสนามบินกระบี่จริงเพราะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ลงเครื่องเวลา 20.20 น.ขณะที่ตนก็กำลังจะขึ้นเครื่องบินไป กทม.เวลา 21.10 น. เมื่อไปถึง ก็ไปพบกับหัวหน้าส่วนราชการ รองผู้ว่าฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มารอต้อนรับ ร.ต.อ.เฉลิม ตนได้เข้าไปทักทายคนกลุ่มนี้ ซึ่งได้ทราบมาล่วงหน้าว่า รมว.มหาดไทยจะเดินทาง มาที่นี่เพื่อตรวจราชการและมีความตั้งใจที่จะเจอกับ รมว.มหาดไทย เพื่อบอกปัญหาในพื้นที่ แต่ไม่มีโอกาสได้พบเพราะท่านได้ออกไปอีกทางหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยืนดูคนอยู่บนระเบียง ไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ซึ่งตนก็คุ้นเคยกับทั้งกลุ่มพันธมิตรและหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ก็เข้าไปถามไถ่คนทั้งสองกลุ่ม
ผมมีเอกสารยืนยันจากสนามบินรวมทั้งการลงชื่อเข้าประชุมกรรมาธิการสามัญที่สภาผู้แทนราษฎรทั้งเช้าและเย็น ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นการเมือง นอกสภา การกล่าวหาว่าผมไปปาสิ่งของก็ไม่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ผม 100 %ถ้าจะพูดแบบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ท้าให้ลาออกก็ยินดีรับคำท้า แต่ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
นายสาคร กล่าวว่า เรื่องการโทรศัพท์ก็เป็นการโทรศัพท์หาพรรคพวก ที่อยู่ข้างนอกสนามบิน เพื่อถามว่าจะมีการชุมนุมต่อต้าน รมว.มหาดไทยจริงหรือไม่ แต่ไม่ได้โทรศัพท์สนทนากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในสนามบิน ตนยังห้ามว่าหากจะชุมนุมต้องทำอย่างสันติ ปราศจากอาวุธเพราะท่านรัฐมนตรีมาตรวจเยี่ยม ถ้าสงสัยก็สามารถเชคโทรศัพท์ได้ว่าตนคุยกับใครบ้าง จยพร้อมเคลียร์ตัวเองทุกอย่างเพราะไม่ได้เป็นนักการเมืองประเภทอย่างนั้น
ณัฐวุฒิยอมรับข้อมูลมั่ว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ข้อมูลที่ผิดพลาดที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 1ก.ค.เที่ยวบิน กทม.-กระบี่ และ กระบี่- กทม.ไม่ปรากฎชื่อนายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งพบว่า เมื่อวันที่มีการชุมนุมกดดัน ร.ต.อ.เฉลิมนั้น นายสาคร เดินทางจากกระบี่ มากรุงเทพฯจริงในเวลา 21.00 น. แต่ประเด็นเนื้อหาสาระไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ แต่อยู่ที่ว่า ในวันที่เกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว นายสาคร ได้ยืนอยู่บริเวณริมระเบียงชั้น3 อาคารสนามบิน พร้อมทั้งถ่ายรูปกลุ่มผู้มาชุมนุมทำไม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ได้เปิดวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ที่สนามบิน พร้อมทั้งอ้างว่านายสาครได้ยืนลักษณะซุ่มโป่ง ถ่ายรูปกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยโทรศัพท์มือถือ และขอตั้งข้อสังเกตุว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เหตุใดนายสาครถึงไม่พยายามเข้าไประงับเพื่อให้บรรยากาศการชุมนุมที่กำลังเข้มข้นลดลง
นายณัฐวุฒิยังได้อธิบายต่อในช่วงที่ร.ต.อ.เฉลิม และคณะเดินทางเข้าที่พักใน โรงแรมแห่งหนึ่งที่จ.กระบี่ ซึ่งมีคณะผู้ว่าราชการจังหวัด และส.จ.ที่ใกล้ชิดนายสาคร มารอต้อนรับคณะของร.ต.อ.เฉลิม ขณะเดียวกันบริเวณด้านหน้าโรงแรมมีผู้ชุมนุม อีกกลุ่มกว่า 100 คน ถือป้ายประท้วงร.ต.อ.เฉลิม โดยนายณัฐวุฒิอธิบายขณะฉายภาพให้ผู้สื่อข่าวสังเกตุพฤติกรรมชายคนๆ หนึ่งที่ดูลักษณะไม่ค่อยมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าสถานที่การชุมนุมมีกลุ่มคน ที่เมาสุรามาก่อกวนด้วย
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า พฤติการณ์ชายคนดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่พอใจ ร.ต.อ.เฉลิม อย่างมากโดยการพยายามเดินเข้ามาต่อว่าไม่ได้บ่งชี้ว่ามีการเมาสุรา ตามที่นายณัฐวุฒิพยายามจะกล่าวอ้าง โดยบริเวณด้านหน้าโรงแรมมีตำรวจหลายนาย รวมทั้งคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและส.จ.กระบี่ เข้ามาเจรจาเพื่อระงับเหตุอยู่แล้ว
“ที่มาเล่าให้ฟัง เพราะไม่อยากให้มองว่าผมขี้กลัว ขี้ขลาด มันเสียฟอร์มรัฐมนตรีมหาดไทย แต่ผมไม่มีสิทธิที่จะไปเอาชนะประชาชน โดยถ้าประท้วง ร.ต.อ.เฉลิม ผมไม่ว่า แต่ประท้วงรัฐมนตรีมหาดไทยที่กำลังไปปฎิบัติหน้าที่นั้นไม่ได้ ผมจะไปทำงาน ไม่ได้ใช้อำนาจบาตรใหญ่”
สั่งผู้ว่าฯภูเก็ตลุยพวกรุกที่ 400 ไร่
ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ได้ตรวจสอบพบว่า มีการออกเอกสารสิทธิมิชอบอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะที่ดินที่ อ.เมืองกระบี่ มีการยกภูเขาทั้งภูเขา ส่วนที่ดินในเกาะราชาใหญ่ จ.ภูเก็ต ที่ฝ่ายค้านอภิปรายพาดพิงว่า เอื้อประโยชน์ให้คนใกล้ชิดนั้น ยืนยันว่า ไม่มี ส่วนเกี่ยวข้อง และหากติดใจสงสัย สามารถให้กรมที่ดินรื้อ และตรวจสอบใหม่ได้ ว่าใคร เป็นเจ้าของ และผิดถูกอย่างไร เนื่องจากเรื่องดังกล่าวมีปัญหายืดเยื้อมากว่า 10 ปี
ขอบอกกับผู้ว่าฯภูเก็ตว่า ขอให้บันทึกไว้ว่า การออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบ บริเวณเขาพันธุรักษ์ บริเวณถนนบายพาส อ.เมือง จ.ภูเก็ต เนื้อที่ 400 ไร่ สอบสวนถึงไหน ให้รีบไปถาม ป.ป.ช.ด้วย โดยผมมีชื่อผู้ต้องหา เแต่ขอไม่พูด ถ้าผู้ว่าฯ อยากได้รายละเอียดให้มาถามได้เป็นการส่วนตัว สำหรับผู้ว่าฯจังหวัดที่ผมบอกว่า มีการรุกที่ดิน ขอให้ไปดูว่าใครมันใหญ่นัก
แฉเฉลิมสั่งผู้ว่าฯล่าผู้ชุมนุม
ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดกระบี่ว่า ภายหลังจากที่เครือข่ายพันธมิตรฯกระบี่ รวมตัวต่อต้านและขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ขณะเดินทางลงไปตรวจราชการในพื้นที่ 3 จังหวัดอันดามัน ภูเก็ต พังงา และกระบี่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.2551 หลบออกจาก โรงแรมกระบี่มารีไทม์ ปาร์ค แอน สปา รีสอร์ท ที่พักตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 2 ก.ค. เพื่อรอขึ้นเครื่องบินเที่ยวเวลา 10.10 น.กลับกรุงเทพฯนั้น
ล่าสุด ได้รับแจ้งจากพี่น้องพันธมิตรฯกระบี่ รายหนึ่งซึ่งเดินทางไปร่วมขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ที่หน้าโรงแรมกระบี่มารีไทม์ฯ ว่า ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาสอบถาม หาชื่อของตนเองภายในหมู่บ้าน ซึ่งได้พบกับสามีของตนโดยบังเอิญ ซึ่งรู้จักมักคุ้นกันเป็นส่วนตัว จึงถามถึงสาเหตุการถามหาตนเอง จึงทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิม มีคำสั่ง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่สืบหาตัวบุคคลที่เป็นแกนนำ และผู้ที่เดินทางไปขับไล่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมาให้ได้ว่ามีกี่คน มีใครบ้าง โดยให้นำข้อมูลนำเสนอ รมว.มหาดไทย โดยตรง ซึ่งผู้ว่าฯ ได้สั่งการให้ ผบก.จ.กระบี่ สั่งการให้ตำรวจทุก สภ.ออกสืบหาตัวบุคคล ซึ่งมีการถ่ายภาพไว้ว่า เป็นใคร อยู่ที่ไหนบ้าง เพื่อดำเนินการฟ้องร้อง
ทั้งนี้ คำสั่งดังกล่าวเป็นสิ่งที่ชี้ชัดได้ว่า ร.ต.อ.เฉลิม ไร้ซึ่งสัจจะ เพราะจากคำให้สัมภาษณ์ที่สนามบินสุวรรณภูมิที่บอกว่าไม่ติดใจเอาความผู้ที่เดินทางไปประท้วงขับไล่ตนเอง อโหสิให้ แต่ในความเป็นจริง ลับหลังคนไทยทั้งประเทศ ร.ต.อ.เฉลิม กลับสั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัด และตำรวจตามล่าตัวผู้ที่ไปขับไล่ตนเอง
แหล่งข่าวคนดังกล่าวยืนยันว่าแม้จะถูก รมว.มหาดไทย สั่งล่าตัวก็ไม่รู้สึกหวั่นกล้ว เพราะสิ่งที่กระทำถือว่าถูกต้อง ทำเพื่อประเทศชาติ เพราะบุคคลผู้นี้ทำงาน ตามคำสั่งของระบอบทักษิณ ทำเพื่อพวกพ้อง โดยไม่คำนึงถึงผลเสียที่ประเทศชาติ
ชุมพรติดป้ายต้านรัฐบาลหุ่นเชิด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่จ.ชุมพร กลุ่มพันธมิตร 4 จังหวัด ได้แก่ ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง และสุราษฎร์ธานี ประมาณ 400 คน นำโดยนายสุนทร รักษ์รงค์ ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ ชุมนุมบริเวณลานจอดรถหน้าศาล พล.ร.อ.พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ริมถนนเพชรเกษม ใกล้วนอุทยานเขาพาง ต.ท่าข้าม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร ปราศรัยโจมตีรัฐบาล จากนั้นได้นำป้ายสีส้มขนาดประมาณ 15 X 1.5 เมตร ข้อความเขตปลอดรัฐบาลหุ่นเชิด ระบอบทักษิณ ขึ้นไปติดบนสะพานลอยข้ามถนน ฝั่งขาล่อง หน้าโรงเรียนบ้านเขาพาง
นายสุนทร กล่าวว่า การติดป้ายดังกล่าว เพื่อประกาศเจตนารมณ์ว่า เครือข่ายพันธมิตร 14 จังหวัดภาคใต้ และจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไม่ยอมรับรัฐบาลชุดนี้บริหารราชการแผ่นดินแล้ว หากรัฐมนตรีคนใดในรัฐบาลชุดนี้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรีของพรรคการเมืองใดเดินทางมาตรวจราชการในจังหวัดภาคใต้ จะถูกต่อต้านจากเครือข่ายพันธมิตรแต่ละจังหวัดอย่างแน่นอน
สาครปัดอยู่เบื้องหลังม็อบ
ด้าน นายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวยอมรับว่า อยู่ในสนามบินกระบี่จริงเพราะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ลงเครื่องเวลา 20.20 น.ขณะที่ตนก็กำลังจะขึ้นเครื่องบินไป กทม.เวลา 21.10 น. เมื่อไปถึง ก็ไปพบกับหัวหน้าส่วนราชการ รองผู้ว่าฯ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ที่มารอต้อนรับ ร.ต.อ.เฉลิม ตนได้เข้าไปทักทายคนกลุ่มนี้ ซึ่งได้ทราบมาล่วงหน้าว่า รมว.มหาดไทยจะเดินทาง มาที่นี่เพื่อตรวจราชการและมีความตั้งใจที่จะเจอกับ รมว.มหาดไทย เพื่อบอกปัญหาในพื้นที่ แต่ไม่มีโอกาสได้พบเพราะท่านได้ออกไปอีกทางหนึ่ง หลังจากนั้นก็ยืนดูคนอยู่บนระเบียง ไม่ได้ไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการชุมนุม ซึ่งตนก็คุ้นเคยกับทั้งกลุ่มพันธมิตรและหัวหน้าส่วนราชการต่างๆ ก็เข้าไปถามไถ่คนทั้งสองกลุ่ม
ผมมีเอกสารยืนยันจากสนามบินรวมทั้งการลงชื่อเข้าประชุมกรรมาธิการสามัญที่สภาผู้แทนราษฎรทั้งเช้าและเย็น ผมไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเล่นการเมือง นอกสภา การกล่าวหาว่าผมไปปาสิ่งของก็ไม่เป็นเรื่องจริง ไม่ใช่ผม 100 %ถ้าจะพูดแบบ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ท้าให้ลาออกก็ยินดีรับคำท้า แต่ควรจะตรวจสอบให้ดีก่อนที่จะพูดอะไรออกมา
นายสาคร กล่าวว่า เรื่องการโทรศัพท์ก็เป็นการโทรศัพท์หาพรรคพวก ที่อยู่ข้างนอกสนามบิน เพื่อถามว่าจะมีการชุมนุมต่อต้าน รมว.มหาดไทยจริงหรือไม่ แต่ไม่ได้โทรศัพท์สนทนากับกลุ่มผู้ชุมนุมที่อยู่ในสนามบิน ตนยังห้ามว่าหากจะชุมนุมต้องทำอย่างสันติ ปราศจากอาวุธเพราะท่านรัฐมนตรีมาตรวจเยี่ยม ถ้าสงสัยก็สามารถเชคโทรศัพท์ได้ว่าตนคุยกับใครบ้าง จยพร้อมเคลียร์ตัวเองทุกอย่างเพราะไม่ได้เป็นนักการเมืองประเภทอย่างนั้น
ณัฐวุฒิยอมรับข้อมูลมั่ว
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่าได้ให้สัมภาษณ์ข้อมูลที่ผิดพลาดที่ระบุว่า เมื่อวันที่ 1ก.ค.เที่ยวบิน กทม.-กระบี่ และ กระบี่- กทม.ไม่ปรากฎชื่อนายสาคร เกี่ยวข้อง ส.ส.กระบี่พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาด้วย ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลอีกครั้งพบว่า เมื่อวันที่มีการชุมนุมกดดัน ร.ต.อ.เฉลิมนั้น นายสาคร เดินทางจากกระบี่ มากรุงเทพฯจริงในเวลา 21.00 น. แต่ประเด็นเนื้อหาสาระไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้ แต่อยู่ที่ว่า ในวันที่เกิดเหตุในช่วงเวลาดังกล่าว นายสาคร ได้ยืนอยู่บริเวณริมระเบียงชั้น3 อาคารสนามบิน พร้อมทั้งถ่ายรูปกลุ่มผู้มาชุมนุมทำไม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายณัฐวุฒิ ได้เปิดวีซีดีบันทึกเหตุการณ์ที่สนามบิน พร้อมทั้งอ้างว่านายสาครได้ยืนลักษณะซุ่มโป่ง ถ่ายรูปกลุ่มผู้ชุมนุมด้วยโทรศัพท์มือถือ และขอตั้งข้อสังเกตุว่าเมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เหตุใดนายสาครถึงไม่พยายามเข้าไประงับเพื่อให้บรรยากาศการชุมนุมที่กำลังเข้มข้นลดลง
นายณัฐวุฒิยังได้อธิบายต่อในช่วงที่ร.ต.อ.เฉลิม และคณะเดินทางเข้าที่พักใน โรงแรมแห่งหนึ่งที่จ.กระบี่ ซึ่งมีคณะผู้ว่าราชการจังหวัด และส.จ.ที่ใกล้ชิดนายสาคร มารอต้อนรับคณะของร.ต.อ.เฉลิม ขณะเดียวกันบริเวณด้านหน้าโรงแรมมีผู้ชุมนุม อีกกลุ่มกว่า 100 คน ถือป้ายประท้วงร.ต.อ.เฉลิม โดยนายณัฐวุฒิอธิบายขณะฉายภาพให้ผู้สื่อข่าวสังเกตุพฤติกรรมชายคนๆ หนึ่งที่ดูลักษณะไม่ค่อยมีสติสัมปชัญญะ ซึ่งตรงกับข้อมูลที่ร.ต.อ.เฉลิมให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าสถานที่การชุมนุมมีกลุ่มคน ที่เมาสุรามาก่อกวนด้วย
ทั้งนี้เป็นที่น่าสังเกตุว่า พฤติการณ์ชายคนดังกล่าวมีลักษณะที่ไม่พอใจ ร.ต.อ.เฉลิม อย่างมากโดยการพยายามเดินเข้ามาต่อว่าไม่ได้บ่งชี้ว่ามีการเมาสุรา ตามที่นายณัฐวุฒิพยายามจะกล่าวอ้าง โดยบริเวณด้านหน้าโรงแรมมีตำรวจหลายนาย รวมทั้งคณะผู้ว่าราชการจังหวัดและส.จ.กระบี่ เข้ามาเจรจาเพื่อระงับเหตุอยู่แล้ว