xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรฟันธง"ตุลาการภิวัฒน์"เปลี่ยนการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พันธมิตรฯ เผยภายในเดือนนี้ จะมีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหญ่ ด้วยตุลาการภิวัตน์ เตือนตำรวจอย่าตีความคำสั่งศาลกรณีเปิดจราจร เพื่อหวังผลประโยชน์ทางการเมือง ย้ำ 5 แกนนำจะยื่นอุทธรณ์ หลังการไต่สวน 7 ก.ค.จะได้ข้อยุติ ยืนยันกำหนดการดาวกระจายที่ สตช.จันทร์นี้ ไม่เปลี่ยนแปลง พร้อมให้รอฟังคำประกาศการเมืองใหม่วันนี้ ขณะที่ปรากฏการณ์ไล่หุ่นเชิดขยายวง "อนงค์วรรณ" ล้มหมายงานขอนแก่น ส่วนพ่อไอ้ปื๊ดส่อซวย อ.รามฯ รับลูก สว.ถอด ดร.เหลิม

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวว่า การประมวลการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯ มีความก้าวหน้าทางการเมือง 18 เรื่อง ที่มีนัยสำคัญ ทั้งที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯโดยตรง และจากยุทธศาสตร์การกระตุ้นระบบตุลาการภิวัตน์ จนอาจทำให้ภายในเดือนนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยขบวนการตุลาภิวัตน์ได้

ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชาชน กล่าวหาว่ากลุ่มพันธมิตรฯขัดขืนคำสั่งศาลนั้น ยืนยันว่า ทันทีที่เราทราบคำสั่งศาล เราได้ปรับปรุงเวทีและรูปแบบการชุมนุมทันที โดยการลดขนาดเวที่ลง เพื่อเปิดเส้นทางการจราจร ซึ่งคำสั่งศาลเองก็ไม่ได้มีบรรทัดไหนให้รื้อเวที แถมมีการแนบท้าย ว่า คำสั่งนี้ไม่ใช่การสลายการชุมนุม พรรค พปช.และสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังบิดเบือนคำสั่งศาล อยากเตือนว่า อย่าตีความคำสั่งศาลโดยหวังผลทางการเมือง เพราะอาจเข้าข่ายละเมิดอำนาจศาลได้

สำหรับการยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 4 ก.ค.และการขอไต่สวนของผู้ฟ้องในวันที่ 7 ก.ค.น่าจะได้ข้อยุติทั้งหมด โดยตนและแกนนำทั้ง 5 จะเดินทางไปศาลพร้อมกัน แต่ปัญหา คือ ตัวแทนของโรงเรียนราชวินิตนั้นคือใคร ไม่ใช่ว่าวันศุกร์ตกลงกันได้แล้ว วันจันทร์มีผู้ฟ้องคนใหม่ขึ้นมา

อย่างไรก็ตาม แกนนำทุกคนพร้อมไปพิสูจน์ในศาล และจะไม่มีการแทรกแซงกระบวนการศาล เหมือนที่อีกฝ่ายทำ สำหรับกรณีที่ นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.พัฒนาสังคมฯ งดเดินทางไปตรวจราชการ ที่ จ.ขอนแก่น โดยอ้างว่า มีกลุ่มพันธมิตรฯ ประท้วงนั้น ตรงนี้ถือเป็นมาตรการกดดันทางสังคม ซึ่งเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ โดยการชี้นำของคุณธรรม และความเหมาะสม และเชื่อว่า จะขยายตัวไปในภาคต่างๆ อีกด้วย ยืนยันว่า ทั้ง 5 แกนนำไม่ได้สั่งการและหากมีการหารือมาก็จะแนะนำไป ว่า ให้ดำเนินการอย่างสันติวิธี ปราศจากอาวุธ

สำหรับพิมพ์เขียวการเมืองใหม่ ที่ 5 แกนนำจะปราศรัยในวันนี้(4 ก.ค.) นั้น นายสนธิ ได้นั่งทำเปเปอร์ด้วยตนเอง ถือเป็นกรอบคิดหลัก ซึ่งมีลักษณะพิเศษ 5 ประการ คือ 1.ต้องก้าวให้พ้นระบบสภาที่มาจากการเลือกตั้ง 2.ต้องเพิ่มระดับการมีส่วนร่วม ทางการเมืองของประชาชน 3. ต้องมีหลักประกันว่าการใช้อำนาจรัฐนั้น ต้องเป็นไปเพื่อคนส่วนใหญ่อย่างแท้จริง 4.ต้องเอาประชาชนทุกอาชีพ เป็นศูนย์กลางทางการเมือง และ 5.ต้องเพิ่มบทบาทของระบบคุณธรรมและจริยธรรมทางการเมือง

ส่วนการลงนามระหว่าง นายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ กับตัวแทนกัมพูชา ที่ประเทศฝรั่งเสศ เมื่อวันที่ 22 พ.ค.นั้น ถือเป็นใบเสร็จที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลนี้ไม่สุจริต เพราะกัมพูชาเอง ก็อ้างการลงนามในฉบันนี้ ว่า มีผลเพียงพอที่จะยกปราสาทเขาพระวิหารไปจดทะเบียนเป็นมรดกโลกได้ ทั้งนี้ ไม่มีบรรทัดไหนเลย ที่ระบุว่า ต้องรอการหารือจาก ครม.หรือรัฐสภาอีกครั้งก่อน มติ ครม.เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.และการลงนามในแถลงการณ์ร่วมในวันที่ 18 มิ.ย. นั้น นายนพดลไม่เคยอธิบายรายละเอียดของการลงนาม เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. เลย มีแต่พยายามโน้มนำ ให้ ครม.ออกมติรองรับ อย่างลุกลี้ลุกลน ตรงนี้ทำให้นายนพดล หมดความชอบธรรม และรัฐบาลต้องรับผิดชอบ

ทั้งนี้ วันที่ 7 ก.ค.นั้น ยืนยันว่า กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติในเวลา 10.00 น.จากนั้นในเวลา 13.00 น.แกนนำทั้ง 5 รวมทั้งตน ที่ถูกร้องกรณีโรงเรียนราชวินิตนั้น จะไปแสดงความมบริสุทธิใจให้ศาลเห็นว่าเราพร้อมน้อมรับคำสั่งศาล

ผู้สื่อข่าวถามว่า สภานการณ์ปัจจุบันจะส่งผลให้ จำเป็นต้องเป่านกหวีดเร็วขึ้นหรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า คงต้องชั่งน้ำหนักพอสมควร ระหว่างยุทธการเป่านกหวีด กับขบวนการตุลาการภิวัฒน์ที่มีความตคืบหน้าไปมาก ซึ่งเราต้องพิจารณาให้ดี เพื่อไม่ให้ถูกมองว่า เรานำมาใช้เพื่อกดดันศาล สำหรับเงื่อนไขในการเป่านกหวีดนั้น นายสุริยะใส กล่าวว่า ความไม่รับผิดชอบของรัฐบาล เช่น กรณีที่หุ้นร่วง 17 จุดในวันนี้ รัฐบาลจะอธิบายอย่างไร ทั้งๆ ที่มักจะอ้างว่า กลุ่มผู้ชุมนุมเหลือจำนวนน้อยลงทุกวัน จนไม่สามารถกดดันตลาดหุ้นได้ ตรงนี้เแสดงให้เห็นถึงความไม่สามารถแก้ปัญหาได้ของรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม การจะลงหรือไม่ลงของกลุ่มพันธมิตรฯ นั้น อย่าเอาไปผูกกับศาล ถ้าเราจะลง ก็ลงได้ตั้งแต่ทั้นทีที่มีคำสั่งของศาล เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาแล้ว จะลงหรือไม่ลงนั้นขึ้นอยู่ที่ปัจจัยอื่น โดยเฉพาะความรับผิดชอบทางการเมือง ที่วันนี้รัฐบาลไม่ได้แสดงความรับผิดชอบอะไรเลย

ส่วนกรณีที่ศาลมีคำสั่งห้ามไม่ให้ นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ พูดพาดพิงถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เท่าที่ทราบจนถึงเมื่อคืน นายสนธิ ยังไม่ได้รับคำสั่งศาล ซึ่งคำสั่งแนบท้ายของศาลนั้น มีการระบุด้วยว่า ต้องส่งให้ถึงมือ นายสนธิ ซึ่งหากนายสนธิ ได้รับ ก็จะไปขอให้ศาลเพิกถอน

ตำรวจยังจ้องจับผิดไม่เลิก

พล.ต.ต.สุรพล ทวนทอง รอง ผบช.ก.ในฐานะรองโฆษก ตร. กล่าวถึงกรณีที่ศาลแพ่งมีคำสั่งให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเส้นทางจราจรถนนพระราม 5 และถนนพิษณุโลกว่า ต้องรอผลการไต่สวนโจทก์และพยานเพื่อแต่งตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี กรณีที่กลุ่มพันธมิตรไม่ทำตามคำสั่งศาลและทำผิดซ้ำโดยการปิดถนน ในวันจันทร์ที่ 7 ก.ค.นี้ เวลา 13.00 น.อีกครั้ง เพื่อดูรายละเอียดว่าศาลจะมีคำสั่งบังคับคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ อย่างไร

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นายสุริยะใสจะนำกลุ่มผู้ชุมนุมมาที่ ตร.เพื่อทวงถามความคืบหน้าในการดำเนินคดีต่อกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) รองโฆษก ตร.กล่าวว่า หากกลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางมา ตร.ด้วยความสงบก็สามารถทำได้ตามสิทธิ ตำรวจก็พร้อมจะอำนวยความสะดวกด้านความปลอดภัยและการจราจร ส่วนคดีนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) โดยพนักงานสอบสวนได้มีความเห็นสั่งฟ้อง และได้ส่งเรื่องให้กับสำนักงานอัยการสูงสุด เพื่อมีความเห็นในคดี ตนก็เพิ่งได้ไปที่สำนักงานอัยการสูงสุดเพื่อติดตามคดีก็พบว่าคณะทำงานได้พิจารณาคืบหน้าไปมากใกล้ที่จะเสร็จสิ้นแล้ว คาดว่าจะสามารถสั่งคดีได้ในไม่ช้า

พล.ต.ต.ภาณุ เกิดลาภผล รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล รับผิดชอบงานจราจร เปิดเผยว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยต้องเปิดเส้นทางการจราจรบนถนนพิษณุโลกตลอด 24 ชั่วโมง ตามคำสั่งศาลแพ่ง แต่จากการตรวจสอบพบว่ายังมีเวทีตั้งอยู่บนสะพานชมัยมรุเชฐ ปิดกั้นช่องจราจรบนถนนพิษณุโลก 3 ช่องทาง ทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรจากแยกสวนมิสกวัน มายังแยกพาณิชยการได้

ไล่หุ่นเชิดขยายวงกว้าง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากมีข่าวว่า บ่ายวานนี้ (3 ก.ค.) นางอนงค์วรรณ เทพสุทิน รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะเดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดขอนแก่น บริเวณบึงแก่นนคร เนื่องจากหลายสัปดาห์ที่ผ่านมามีปลาตายในบึงแก่นนครจำนวนมาก โดยไม่ทราบสาเหตุ พร้อมกับมีกำหนดการจะแถลงข่าวโครงการปรับปรุงฟื้นฟูพัฒนาแหล่งน้ำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โครงการผันน้ำงึมผ่านน้ำโขงเข้ามายังอ่างห้วยหลวง จ.อุดรธานี ที่บริเวณบึงแก่นนครด้วย

ปรากฏว่าได้มีประชาชนชาวขอนแก่น ส่ง SMS ไปที่สถานีโทรทัศน์ ASTV NEWS1 ในช่วงสายๆ ของวันนี้ว่า ขอให้ชาวขอนแก่นไปร่วมกันต้อนรับ นางอนงค์วรรณ ในแบบอารยะขัดขืน หรือโซเซียล แซงชั่น ในเวลา 13.00 น. ที่บึงแก่นนครกันมากๆ เพื่อปฏิเสธการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐมนตรีในคณะรัฐบาลหุ่นเชิด ซึ่งได้ผลมาแล้วที่จังหวัดกระบี่ ที่เครือข่ายพันธมิตรฯกระบี่ออกมาชุมนุมขับไล่ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง

ต่อมาเมื่อถึงเวลาตามกำหนดการปฏิบัติงานได้รับแจ้งว่า นางอนงค์วรรณได้เปลี่ยนแปลงแผนการทำงาน โดยไม่เดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดขอนแก่นแล้ว โดยเดินทางด้วยรถยนต์มุ่งไปยังจังหวัดกาฬสินธุ์ทันที

แหล่งข่าวที่เดินทางไปร่วมประชุมกับนางอนงค์วรรณที่จังหวัดกาฬสินธุ์แจ้งว่า สาเหตุที่นางอนงค์วรรณไม่แวะปฏิบัติราชการตามกำหนดการที่จังหวัดขอนแก่น เพราะหวั่นว่าจะถูกเครือข่ายพี่น้องพันธมิตรฯ ขอนแก่นออกมาชุมนุมขับไล่โดยสงบเหมือนรัฐมนตรีกระทรวงมหาดไทยประสบด้วยตัวเองที่จังหวัดกระบี่เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ที่ผ่านมา

วานนี้ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุน หลังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยกระบี่ ชุมนุมขับไล่หน้าโรงแรมที่พัก กล่าวปฎิเสธคำท้าของนายอภิสิทธิ์ เวชชชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ให้นำหลักฐานมาเปิดเผยว่าพรรคประชาธิปัตย์อยู่เบื้องหลัง โดยกล่าวว่า ไม่เคยบอกว่า ผู้มาชุมนุมเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ แต่ส่วนตัวกำลังรวบรวมข้อมูล เพื่อให้รู้ว่า ใครเกี่ยวข้องบ้าง เนื่องจากมีคนเห็นว่ามีสมาชิกสภาจังหวัด หรือ ส.จ. ที่เป็นญาติของนักการเมือง และคนส่วนใหญ่ในจ.กระบี่ก็รู้ว่าเป็นใครร่วมอยู่ด้วย ทั้งนี้ มั่นใจว่า นายพิเชษฐ์ พันวิชาติกุล ส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย และได้มีการพุดคุยเรื่องดังกล่าวแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า จะไม่ดำเนินการตามกฎหมาย กับผู้ชุมนุมและผู้ที่อยู่เบื้องหลัง และไม่คิดตำหนิผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่และเจ้าหน้าที่ตำรวจ หรือ ใครทั้งสิ้น เนื่องจากเป็นเรื่องของผู้ที่เสียผลประโยชน์ จากการตรวจสอบที่ดินที่จ.กระบี่ และภูเก็ต และในวันที่ 4 กรกฎาคม ในการประชุมร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด จะเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติม

อาคมแฉนาทีเหลิมหัวซุกหัวซุน

นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จ.กระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางมาตรวจราชการที่ จ.กระบี่ เมื่อวันที่ 1 ก.ค.และถูกกลุ่มพันธมิตรฯ ขับไล่ว่า ไม่มีนักการเมืองคนใดอยู่เบื้องหลัง การต่อต้านเกิดจากประชาชนไม่พอใจ ร.ต.อ.เฉลิม กลุ่มพันธมิตรฯ จึงได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์นัดหมายกัน โดยจำนวนหนึ่งมารอรับที่สนามบินกระบี่ ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ต้องหลบกลุ่มต่อต้านออกทางด้านข้างสนามบิน พอทราบข่าวว่าจะเข้าพักที่โรงแรมมารีไทม์ ปาร์คแอนสปา รีสอร์ท พันธมิตรจังหวัดใกล้เคียงก็ตามมาสมทบประชาชนก็มากขึ้น 200-300 คน

“ถึงแม้ว่าจำนวนจะไม่มากมายแต่ทราบว่าทุกคนที่มาร่วมขับไล่ล้วนเคยไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรกรุงเทพฯ แล้วทั้งสิ้น เขาจึงมีวิธีการที่จะอยู่ได้ตลอดทั้งคืน เช่น มีการฉายโปรเจกเตอร์มีการร้องเพลง กล่าวตะโกนจนในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม ก็ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดว่าสงสัยจะไม่สามารถประชุมได้ เนื่องจากจำนวนกลุ่มคนประท้วงคงจะเกิน 300 คน อาจจะเป็นหลายพันคน เพราะ ASTV ก็ได้ออกข่าวไปทั่วว่าให้ช่วยกันไปต้อนรับ จนในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม ก็ได้ตัดสินใจใช้แผนลับลวงพราง ออกทางด้านข้างของโรงแรมทั้งแต่ตี 5 เช้ามืดของวันที่ 2 ก.ค.และได้ไปนอนรอขึ้นเครื่องบิน ที่ห้องวีไอพี สนามบินกระบี่ เพื่อขึ้นเครื่องในเวลา 10.10 น.ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯยังเข้าใจผิดคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังอยู่ในโรงแรม เพราะผู้ว่าฯยังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงแรม ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีนักการเมืองเข้าไปอยู่เบื้องหลัง ซึ่งผมขอพูดในฐานะนักการเมืองในพื้นที่และเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน เคยไม่มีความแค้นส่วนตัวกับ ร.ต.อ.เฉลิมใดๆ ” นายอาคมกล่าวและว่า ทุกประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดให้สัมภาษณ์ทางทีวีไปทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยก และหากว่าที่ผมพูดไปเป็นข่าวก็อย่ามาว่าผมแก้ตัวกินปูนร้อนท้อง เพราะทุกคนก็ทราบดี และถ้าหากผมไม่ชี้แจงเมื่อพรรค ปชป.ไปที่อื่นก็จะมีคนเอามาเป็นประเด็นทางการเมืองทำให้เกิดการต่อต้านอีกได้ ซึ่งมันจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงไม่รู้จบ

รามฯ อ้าแขนรับ สว.ถอด ดร. เฉลิม

รศ.ดร.ปิยะนุช เงินคล้าย รองคณบดีฝ่ายนโยบาย แผนและพัฒนา คณะรัฐศาสตร์ ม.รามคำแหง กล่าวว่า หาก ส.ว.ต้องการตรวจสอบคุณธรรมจริยธรรม โดยมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจนได้ว่าวิทยานิพนธ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ลอกวิทยานิพนธ์มาจากวิทยานิพนธ์ของบุคคลอื่นๆ โดยมีเนื้อหาผิดหลักเชิงวิชาการ และ หลักการองค์ความรู้ ย่อมต้องถูกถอดวิทยานิพนธ์ และ ตำแหน่ง ดร. ที่ผ่านมามีนิสิต และนักศึกษาหลายคนกระทำลอกวิทยานิพนธ์บุคคลอื่นๆ ทางมหาวิทยาลัยได้ลงโทษไปหลายราย เพราะเป็นการทำวิทยานิพนธ์ผิดหลักการเชิงวิชาการย่อมต้องถูกถอดวิทยานิพนธ์ และ ตำแหน่งดร.ด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น