กระบี่ - “ตูมตาม” ยันพันธมิตรฯ ไล่ “เหลิม” ที่กระบี่ไม่มีนักการเมืองหนุนหลัง สอนมวย “เหลิม” ให้พูดความจริง อย่าดูถูกประชาชน พร้อมย้ำ ปชป.ไม่ขัดขวางรัฐบาลลงพื้นที่แก้ปัญหาภาคใต้
นายอาคม เอ่งฉ้วน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดกระบี่ กล่าวถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ได้เดินทางมาตรวจราชการที่จังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 และถูกประชาชนพันธมิตรขับไล่จนเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้ว่า ซึ่งตนขอเรียนว่าการชุมนุมของพันธมิตรฯไม่มีนักการเมืองคนใดอยู่เบื้องหลัง เหตุผลที่ต้องเรียนอย่างนี้เนื่องจากว่า ที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้เดินทางมาตรวจราชการก็ได้แจ้งล่วงหน้ามาทั้ง 3 จังหวัดแล้วให้ผู้ว่าฯทั้ง 3 จังหวัดรอต้อนรับจัดที่พักแล้วก็มีกำหนดการตรวจราชการชัดเจน
นายอาคม กล่าวอีกว่า ในส่วนของจังหวัดกระบี่ได้นัดหมายให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้านแต่งเครื่องแบบมารอรับในวันที่ 2 เวลา 09.00 น. ซึ่งเป็นที่ทราบกันทั่วว่า ร.ต.อ.เฉลิม จะมากระบี่ นี่คือเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมต้องมีคนออกมาต่อต้าน และประเด็นที่ 2 คือ พันธมิตรภูเก็ต ไม่ต้อนรับ ร.ต.อ.เฉลิม และมีสถานีเอเอสทีวีได้ออกอากาศไปทั่วเป็นที่รับทราบ แล้วต่อมา ร.ต.อ.เฉลิม เห็นว่ามีประชาชนที่ไม่พอใจมารอรับที่ภูเก็ตมากเกรงว่าไม่ปลอดภัย ก็ได้เปลี่ยนกำหนดการมาลงที่กระบี่ และจะเข้าพักที่โรงแรมกระบี่มารีไทม์ ปาร์คแอนสปารีสอร์ท
เพราะฉะนั้น กลุ่มพันธมิตรฯ ก็ได้ติดต่อกันทางโทรศัพท์นัดหมายกันได้จำนวนหนึ่งมารอรับที่สนามบินกระบี่ เพื่อไม่ต้อนรับ ร.ต.อ.เฉลิม ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิมต้องหลีกกลุ่มต่อต้านออกทางด้านข้างสนามบินและเมื่อพันธมิตรทราบว่า ร.ต.อ.เฉลิมเดินทางเข้าที่พักแล้วก็ตามมาที่โรงแรม เพื่อขับไล่ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็นสิทธิของพันธมิตรฯ และเมื่อแน่ใจว่า ร.ต.อ.เฉลิมจะพักค้างคืนที่โรงแรมมารีไทม์แล้ว พันธมิตรฯ จังหวัดใกล้คียงก็ตามมาสมทบประชาชนก็มากขึ้น 200-300 คน
ถึงแม้ว่าจำนวนจะไม่มากมายแต่ทราบว่าทุกคนที่มาร่วมขับไล่ล้วนเคยไปร่วมชุมนุมกับพันธมิตรกรุงเทพฯแล้วทั้งสิ้น เขาจึงมีวิธีการที่จะอยู่ได้ตลอดทั้งคืน เช่น มีการฉายโปรเจกเตอร์มีการร้องเพลง กล่าวตะโกนจนในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม ก็ได้หารือกับผู้ว่าราชการจังหวัด ว่าสงสัยจะไม่สามารถประชุมได้ เนื่องจากจำนวนกลุ่มคนประท้วงคงจะเกิน 300 คน อาจจะเป็นหลายพันคน เพราะเอเอสทีวีก็ได้ออกข่าวไปทั่วว่าให้ช่วยกันไปต้อนรับ
จนในที่สุด ร.ต.อ.เฉลิม ได้ตัดสินใจใช้แผนลับลวงพราง ออกทางด้านข้างของโรงแรมทั้งแต่ตี 5 เช้ามืดของวันที่ 2 และได้ไปนอนรอขึ้นเครื่องบินที่ห้องวีไอพี สนามบินกระบี่ เพื่อขึ้นเครื่องในเวลา 10.10 น. ทั้งที่กลุ่มพันธมิตรฯ ยังเข้าใจผิดคิดว่า ร.ต.อ.เฉลิม ยังอยู่ในโรงแรม เพราะว่าผู้ว่าราชการก็ยังเดินป้วนเปี้ยนอยู่ในโรงแรม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีนักการเมืองเข้าไปอยู่เบื้องหลัง ซึ่งตนขอพูดในฐานะนักการเมืองในพื้นที่ และเป็นนักการเมืองฝ่ายค้าน เคยไม่มีความเคียจแค้นส่วนตัวกับ ร.ต.อ.เฉลิมใดๆ
สำหรับการอภิปรายไม่ไว้วางใจในสภาฯก็ดี จบสิ้นไปแล้วไม่มีความแค้นที่ต้องชำระ ทำไปตามหน้าที่ ร.ต.อ.เฉลิม ทำไปตามหน้าที่ฝ่ายบริหาร ส่วนผมก็ทำไปตามหน้าที่ฝ่ายตรวจสอบ ไม่มีความแค้นใดๆ ที่จะต้องแก้แค้นกันและไม่มีความคิดที่จะสกัดไม่ให้ ครม.ลงมาตรวจราชการในพื้นที่ภาคใต้ และยังเรียกร้องให้ลงมาตรวจราชการได้ตลอด โดยเฉพาะ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งเป็น รมว.มหาดไทย และพรรคประชาธิปัตย์เองก็ไม่ได้มีความคิดเหมือนกับบางพรรคในอดีต ตามที่ประธานที่ปรึกษาพรรค ได้ไปปราศัยในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และถูกประชาชนต่อต้านโยนเก้าอี้ไส่ ซึ่งทุกคนก็ทราบดี
ยืนยันว่าพรรคประชาธิปัตย์และตนที่เป็น ส.ส.ในพื้นที่ไม่ความคิดเช่นนั้น จึงขอให้รัฐมนตรีฯคนอื่นและรวมถึง ร.ต.อ.เฉลิม ได้รับทราบว่าพวกท่านยังมีสิทธิเต็มที่ในการที่จะมาตรวจราชการในพื้นที่จังหวัดกระบี่หรือในภาคใต้ และตนขอเสนอแนะกับรัฐมนตรีฯหรือใครก็ตามในรัฐบาลเมื่อลงไปแล้วต้องหวังแก้ไขปัญหาไม่ใช่ลงไปสร้างภาพและหาเสียง และควรจะทำตัวให้เหมือนกับคนธรรมดา ไม่ใช่สั่งการหรือแอบสั่งการ เกณฑ์ข้าราชการชั้นผู้น้อยมาต้อนรับและในวันที่ ร.ต.อ.เฉลิม เดินทางมาทุกคนก็จะมารอรับอยู่แล้วเพื่อให้ ร.ต.อ.เฉลิม ได้สร้างภาพ แต่น่าเสียดายที่กลุ่มพันธมิตรไม่ยอมให้มีการประชุมก็เกิดเหตุการณ์อย่างที่เป็นข่าวไปแล้ว และขอให้ รมต.ทุกคน พูดความจริงอย่าดูถูกประชาชน อย่าหยาบคาย กล่าวหาคนอื่นลอยๆ
โดยเฉพาะกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ออกมาขับไล่ หาว่ากลุ่มพันธมิตรฯ หรือคนที่มาคัดค้านเมาเหล้า ไม่รู้ใครจ้างมา มีนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง นอนหลับ เดินข้ามไปสบายๆมันพูดอย่างนี้ จะมาไม่ได้อีก ซึ่งไม่ใช่เป็นข้อเท็จจริง และถ้าตนหรือนักการเมืองอยู่เบื้องหลัง อย่าว่าแต่ 200-300 คน หลายพันคน ก็สามารถจัดหาได้สบายๆโดยใช้เวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมง แต่นี้พวกตนไม่ได้กระทำ และการพูดจาของพันธมิตรก็ถอดแบบมาจากพันธมิตรกรุงเทพฯไม่ใช่นักการเมือง ซึ่งข้อมูลทั้งหมดที่ตนพูดมาเป็นข้อเท็จจริงไม่ใช่ของ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ออกมาพูดว่าเป็นม๊อบรับจ้าง เหมือนที่เคยด่าเขาว่าเป็นม๊อบพม่า
โดยทุกประเด็นที่ ร.ต.อ.เฉลิม พูดให้สัมภาษทีวีไปทั้งหมดล้วนเป็นประเด็นที่สร้างความแตกแยก และหากว่าที่ตนพูดไปเป็นข่าวก็อย่ามาว่าตนแก้ตัวกินปูนร้อนท้อง เพราะทุกคนก็ทราบดี และว่าหากตนไม่ชี้แจงเมื่อพรรค ปชป.ไปที่อื่น ก็จะมีคนเอามาเป็นประเด็นทางการเมืองทำให้เกิดการต่อต้านอีกได้ ซึ่งมันจะทำให้เกิดความยุ่งเหยิงไม่รู้จบ