การเดินทัพทางไกลในสงครามกลางเมืองของประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก มีอารยธรรมยาวนาน และผืนแผ่นดินอันกว้างใหญ่ไพศาล เมื่อปลายศตวรรษก่อน เคยนำพาชีวิตผู้คนนับแสนนับล้าน ไล่ฆ่าประหัตประหาร กันไปตลอดทาง ตลอดคืนวันอันเลวร้าย ยาวนานนับปี สังเวยชีวิตทหารนักรบทั้งสองฝ่าย ครอบครัว ลูกเด็กเล็กแดง ศพกองก่าย วิญญาณชุมนุมกันทั่วทางเดินที่ชุ่มเลือดของคนจีนนับแสนนับล้านทอดยาวไปสู่เมืองใหม่ ดินแดนใหม่ โลกใหม่ ก่อนสร้างสรรค์ชีวิตใหม่ สังคมใหม่ ประเทศจีนใหม่ ที่รุ่งเรืองเป็นมหาอำนาจของโลกในทุกวันนี้...
หากนับวันแรกที่การชุมนุมใหญ่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นัดหมายรวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ถนนราชดำเนิน เมื่อย่างเข้าวสันตฤดู เพื่อประกาศเจตนารมณ์ต่อต้านระบอบทักษิณ พลันที่ลิ่วล้อขอยื่นแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อปลดปล่อยพันธนาการทางกฎหมายที่จองจำ “นายใหญ่” เจ้าชีวิตคนใหม่ของผู้คนในระบอบทักษิณ....
เป็นวันแรกของสงครามการเมืองที่ฝ่ายธรรมะ ปะทะกับเศษอิฐ ขวดเปล่า ที่นักรบกักขฬะ ฝ่ายนปก. ผู้เมามายและลุ่มหลงในระบบอุบาทว์ได้ระดมขว้าง ปาเข้าใส่ ผู้คนที่ร้อยใจเข้าไว้ด้วยกัน อย่างแน่นเหนียว เกี่ยวรัดคล้องแขน เดินผ่านม่านก้อนหิน เศษไม้ ขวด แก้วแตก ด้วยความคิดและจิตใจเพ่งอยู่ที่คำนิยมซึ่งปากพร่ำพูดตลอดทางเดินไปตามถนนราชดำเนิน คือ “สันติ อหิงสา” ขณะที่ดวงตามีประกายสุกใสในคืนเดือนดับ บ้านเมืองมืดมน...
เป็นภาพที่งดงามยิ่ง ของขบวนมวลมหาประชาชนที่เลือกก้าวเดินบนหนทางแห่งธรรม...
จิตใหญ่ ใจนำ เทียนธรรมถูกส่งต่อจากมือหนึ่งสู่อีกมือหนึ่ง....
หนักแน่น ลึกซึ้งถึงจิตวิญญาณ....
...............
บ่ายที่แดด แผดเผา ปานจะหลอมโลกและสรรพสิ่งให้สิ้นละลาย.....
ชายชราเชื้อสายจีนก้าวเดินโขยกเขยก ไปตามทางเยื้องบาทวิถี...หญิงกลางคน ดูสูงศักดิ์พร้อมคนใช้แบกเก้าอี้พับพร้อมร่มและอุปกรณ์การโต้แดดฝนบนทางเถื่อน เดินเคียงไปในทางเส้นเดียวกับชายหนุ่มที่สอดประสานจูงมือหญิงคู่ชีวิตวัยทำงานผู้ผ่านชีวิตมาไม่น้อยกว่าครึ่งคน ปนไปกับผู้คนในชั้นชนเคียงปนกันไป ด้วยหัวใจมุ่งมั่น มุ่งสู่ทางฝันสร้างสังคมสวยงามปานวาดหวัง....ทั้งหมดในสีเสื้อเหลืองกลาดเกลื่อนยุรยาทเยื้อง ณ ราชดำเนินสถาน มัฆวานรังสรรค์สะพานเชื่อม.....
คนเหล่านี้ คือคนที่คงทระนง ในสิทธิและศักดิ์แห่ง พลเมืองผู้ตื่นรู้(Active Citizen) ผู้เข้าถึง รับรู้ และตระหนักในเหตุและผลบนพื้นฐานข่าวสารข้อมูลแห่งทุรยุคแห่งทรราชย์ยุคดิจิตอล คือ ระบอบทักษิณผู้ฉ้อฉล....
คนเหล่านี้ คือ คนที่มีขีดสมรรถนะในวิชาชีพ พื้นฐานเศรษฐกิจพึ่งตนเองได้ สถานภาพแห่งชั้นชนโดดเด่นในสังคมที่ตนดำรงอยู่ ... คือ คุณภาพใหม่แห่งพลังขับเคลื่อนขบวนการทางสังคมยุคใหม่ (New Social Movement) ที่ตระหนักในประเด็นปัญหาสาธารณะ จิตสำนึกทางสังคมสูง และมีความมุ่งมั่นในการต่อสู้เพื่อบรรลุเป้าหมายอย่างเต็มเปี่ยม...
นั่นคือ ภาพร่างใหม่ของขบวนการต่อสู้ครั้งใหม่ของภาคประชาชน ที่คนชั้นกลาง ถึง กลางสูงในเมืองศูนย์กลางของอำนาจรัฐทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ระดับพื้นที่ทั่วประเทศ ได้ตื่นตัวเป็นคลื่นการเมืองใหม่ภาคพลเมืองจากเมืองใหญ่เข้าโถมซัดอำนาจรัฐฉ้อฉลระบอบทักษิณอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน จนนักวิชาการหลายคนพลิกตำราไม่ทัน ไม่อาจนิยามขบวนการพันธมิตร ยุค 2 ที่พร้อมขับเคลื่อนทางสังคมสู่การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองในคุณภาพใหม่ ว่าคือปรากฏการณ์ใดกันแน่ อาทิ การอภิวัฒน์ประชาธิปไตยประชาชน หรือ การปฏิวัติประชาธิปไตยพลเมืองไทย หรือการเปลี่ยนผ่านสู่การเมืองใหม่ภาคพลเมือง เป็นต้น
ไม่นับปรากฏการณ์ที่เป็นนวัตรกรรมการต่อสู้ของภาคประชาชนที่เรียกได้ว่า “ม็อบออนไลน์” ซึ่งสะท้อนลักษณะพิเศษที่มีเวทีมัฆวานเป็นศูนย์กลางขับเคลื่อนเนื้อหาทางการเมือง และมีการถ่ายทอดสื่อ ASTV ทางช่องทางโทรทัศน์ดาวเทียมที่เชื่อมโยงกับสถานีเคเบิลทีวีท้องถิ่นกว่า 300 แห่ง พร้อมถ่ายทอดสดทั้งภาพและเสียง ผ่านสื่ออิเล็กโทรนิกส์ เว็บไซต์ ผู้จัดการออนไลน์ซึ่งทำให้คนในที่ต่างๆ ติดตามการชุมนุมที่มัฆวานได้จากทุกที่ทุกแห่งทั่วโลก อันนำมาซึ่งปรากฏการณ์ ม็อบออนไลน์ คือผู้อยู่ต่างประเทศ ต่างจังหวัดจัดการชุมนุมย่อยตามลักษณะทางธรรมชาติตามครอบครัว ญาติมิตร กลุ่มเพื่อนบ้านและเปิด ASTV รับรู้ข่าวสารข้อมูล จังหวะก้าวทางการเมืองของฝ่ายพันธมิตร รวมทั้งมีอารมณ์ความรู้สึกร่วมกับผู้ชุมนุมเสมือนหนึ่งร่วมชุมนุมอยู่ด้วย รวมทั้งผู้ที่ทำงานไปด้วยติดตามการชุมนุมออนไลน์ทางอินเทอร์เน็ตจากจอคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะทำงานได้ตลอดเวลา....ซึ่งหมายความว่า หากมองเห็นคนชุมนุมที่กรุงเทพฯ สัก หมื่นคนที่เห็นได้ด้วยตา นั่นหมายความว่ามีขบวนการม็อบพันธมิตรที่ออนไลน์อยู่ทั่วทุกหนแห่งทั่วประเทศ ทั่วโลก อีกอย่างน้อยหนึ่งล้านคนขึ้นไป....
นี่คือปรากฏการณ์ที่ฝ่ายอำนาจรัฐฉ้อฉลต้องฉุกคิดทุกครั้งที่มุ่งหวังจะสลายการชุมนุมช่วงที่มีคนอยู่หน้าเวทีน้อย...
ภาพที่คนจำนวนมากกรากกรำทนแดดทนฝน ทนร้อนทนหนาว นั่งกลางดินกินนอนกลางถนน ข้ามวันข้ามคืน หามรุ่งหามค่ำ นับคืนวันได้ล่วง 38 เพลา ท้าทายอำนาจรัฐฉ้อฉลที่มุ่งคุกคามหวังกวาดล้างปราบปรามประชาชน หาโอกาสในการสลายการชุมนุม ใช้อันธพาลการเมืองเข้าก่อกวนการชุมนุมตลอดเวลา ต้องซ้อมเตรียมรับมือกับแก๊สน้ำตา กระบอง โล่ ของตำรวจปราบจลาจลที่เคลื่อนกำลังเข้าประชิดกดดันครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้มวลชนผ่านทดสอบจิตใจกล้าต่อสู้ กล้าเอาชนะอย่างเป็นรูปธรรม นำว่าซึ่งนิยามของสิ่งที่เรียกว่า มวลมหาประชาชนผู้วีระอาจหาญอย่างแท้จริง....
มิเพียงลบล้างคำปรามาสจากผู้สังเกตการณ์ทั้งปวง ว่าคนชั้นกลางในเมืองมิอาจยืนหยัดอดทนในขบวนการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้น แหลมคม กรากกรำลำบาก และยืดเยื้อยาวนานได้...
แต่ยังพิสูจน์ได้ด้วยผลการขับเคลื่อนขบวนพันธมิตร ยุคที่ 2 ที่สามารถสามัคคีขบวนการภาคประชาชนอันหลากหลาย ไม่ว่ามวลชนคนจนเมือง ขบวนกองทัพธรรม ขบวนพนักงานรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาสังคมอย่างกว้างขวาง เพื่อรุกรบเอาชนะ พิชิตข้อเรียกร้องทางการเมืองครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่ว่า จะเป็นการหยุดกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อปลดปล่อยทักษิณและพลพรรคจากกระบวนการยุติธรรม การโจมตีที่มั่นแถวหน้าสุดของขบวนการทำลาย “เจ้า” คือ จักรภพ จนต้องแตกพ่าย การเข้าขย่มรัฐบาลนอมินีสมัคร การคัดง้างความพยายามในการคุกคามสื่อภาคประชาชน โดยคำสั่งปิด ASTV ที่ทำให้เฉลิมต้องถอยล่า และล่าสุดคือการ “หยุด” ขบวนการขายชาติ ขายแผ่นดินแม่ กรณีเขาพระวิหาร จนมีคำพิพากษาของศาลคัดง้างมติ ค.ร.ม. อัปยศในที่สุด....
แม้ว่าเวลาล่วงเข้าวันที่ 38 ของการชุมนุม ที่พลเมืองผู้ตื่นรู้เกื้อหนุนเนื่องกันเป็นระลอกคลื่น จากทุกแถวแนวถนน ทุกตรอกซอกซอย ซอกหลืบของเมืองหลวง ปริมณฑล เมืองใหญ่จากภูมิภาค จากทุกเมืองทั่วประเทศ และบินตรงมาจากต่างประเทศเพื่อมาร่วมชุมนุมก็ยังมี ...
เหล่านี้ คือพลังการขับเคลื่อนทางสังคมในคุณภาพใหม่ ที่มิเพียงนับความสำเร็จจากรูปธรรมที่ปรากฏชัดอยู่เบื้องหน้า ประเด็นแล้ว ประเด็นเล่า เรื่องแล้ว เรื่องเล่า...เท่านั้น...
แต่สิ่งสำคัญที่สุด ก็คือ การเริ่มต้นของขบวนการใหม่ในคุณภาพใหม่ที่พร้อมก้าวยืนตื่นตระหนักด้วยจิตสำนึกรักชาติ รักถิ่น รักสิทธิ์ และศักดิ์ศรีแห่งความเป็นพลเมืองผู้พร้อมลิขิตชีวิตตนเองอย่างหาญกล้า...
38 วัน อันยิ่งใหญ่ของขบวนการใหม่ของภาคประชาชนใหม่ ในมิติการเมืองภาคพลเมืองระลอกใหม่ สั่งสมประสบการณ์ใหม่ องค์ความรู้ใหม่ เพื่อการก่อการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองครั้งใหม่...
ในวันพรุ่งนี้.....