xs
xsm
sm
md
lg

ยื่นตีความมติ ครม.ขายชาติ ขวางขึ้นทะเบียนเขาพระวิหาร

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปชป.ลั่นเดินหน้าขวางขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารโลก พร้อมตั้งทีมงานยื่นศาล รธน.ตีความมติ ครม.ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ “หมัก”เริ่มขยาด ประกาศถอยระบุ "หากคนไทยทั้งประเทศไม่เอา รัฐบาลก็ไม่เอาด้วย" ขณะที่นักวิชาการ-ปชช.ดาวกระจายบุกสถานทูตเขมร-ทำเนียบฯ-ยูเนสโก ยื่นค้านขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร "คกก.มรดกโลก" มีมติจุดยืนไทยต้องการให้การขึ้นทะเบียนร่วมไทย-กัมพูชา เพื่อสมบูรณ์ครบองค์ประกอบ "ปองพล" เผยจะเจรจานอกรอบ 21 ประเทศ เชื่อรายชื่อคัดค้านของคนไทยไม่เปล่าประโยชน์แน่ ชี้ประชุม 2-12 ก.ค.ที่แคนาดา ยูเนสโก น่าจะตัดสินใจด้วยความเป็นกลาง "คนอีสานกู้ชาติ" แจ้งความจับชาวกัมพูชาฐานบุกรุกเขตแดนไทย ที่เชิงเขาพระวิหารแล้ว ส่วน"บัวแก้ว"ยอมรับออกปกขาวป้อง"นพดล"พร้อมจัดสัมมนาฟอกตัว 30 มิ.ย.นี้

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวภายหลังการโหวต ไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีอีก 7 คนวานนี้ (27 มิ.ย.) ว่า เชื่อว่าข้อมูลที่พรรคนำมาอภิปราย เป็นประโยชน์ รัฐบาลควรเปิดใจกว้าง นำไปพิจารณาเดินหน้าต่อไป และยังมีน้ำหนักต่อการเปลี่ยนแปลงบุคลากร วิธีการบริหาร รวมถึงการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อให้การทำงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมทั้งการสร้างความเชื่อมั่น ในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน

"เราจะเดินหน้าระงับยับยั้งความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับเขาพระวิหารต่อไป ไม่หยุดแค่การอภิปรายเท่านั้น โดยจะทำให้คณะกรรมการมรดกโลกได้รับทราบข้อเท็จจริง พรรคพอใจในการทำงานครั้งนี้ ส่วนผู้ฟังจะมีความเห็นอย่างไรต้องตัดสินใจเอง เชื่อว่าการดำเนินการในเรื่องนี้ ไม่กระทบต่อความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศ ความขัดแย้งจะไม่เกิดขึ้น แต่กระบวนการตั้งแต่ต้นไม่โปร่งใส จนถึงวันนี้คนไทยก็ยังไม่สามารถทราบมติ ครม.17 มิ.ย. และ 24 มิ.ย. ที่มีการลงนาม และการแก้ไขถ้อยคำว่าเป็นอย่างไร แต่ได้ทราบเพียงการแถลงร่วม ได้เห็นแผนที่ และแผนผัง เท่านั้น และเท่าที่ทราบในประเด็นนี้ พรรคฝ่ายค้านของกัมพูชา ก็เรียกร้องเรื่องความโปร่งใส ดังนั้น สาเหตุทั้งหมด มาจากการดำเนินนโยบายของรัฐบาล อย่าไปโทษเรื่องอื่น เราต้องทำให้คนทั้ง 2 ประเทศรู้สึกเป็นเจ้าของมรดกโลกร่วมกัน โดยไม่คิดถึงเรื่องผลกระทบด้านเขตแดน"

เตรียมยื่นศาล รธน.ตีความมติ ครม.

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลังจากนี้พรรคจะดำเนินการยื่นศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยมติ ครม.ที่ไปลงนามในแถลงการณ์ร่วม ว่าขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ โดยขณะนี้ได้มอบหมายให้ คณะทำงานด้านกฎหมาย ของพรรค ไปยกร่างคำร้อง และทำหนังสือถึงคณะกรรมการมรดกโลก โดยได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร์ ไปดำเนินการ

มั่นใจศาล ปค.สั่งเพิกถอนมติ ครม.

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความคืบหน้าการไต่สวนของศาลปกครองในคดีมติของ ครม.เรื่องเขาพระวิหารว่า ขณะนี้ทางศาลปกครองยังไม่มีการแจ้งคำสั่งมายังตน เข้าใจว่าคงจะส่งผลคำสั่งมาในวันจันทร์หน้า เพราะศาลต้องพิจารณาสำนวนการไต่สวนจำนวนมาก

ด้าน นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดเผยในช่วงเช้าวานนี้ (27 มิ.ย.) ว่า ศาลปกครองจะมีคำสั่งว่าจะคุ้มครองชั่วคราวหรือไม่กรณีกลุ่มพันธมิตรฯยื่นให้ศาลไต่สวนฉุกเฉินถอดถอนมติคณะรัฐมนตรีที่เห็นชอบให้ทำข้อตกลงเรื่องการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่เสี่ยงต่อการสูญเสียดินแดนของประเทศไทย อย่างเร็วภายในเวลาประมาณ 18.00 น.วันนี้ (27 มิ.ย.) หรืออย่างช้าเป็นวันจันทร์ที่ 30 มิ.ย.ที่จะถึงนี้

ขณะที่โดยส่วนตัวเชื่อว่าศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว เนื่องจากเมื่อวาน (26 มิ.ย.) ที่ผ่านมาศาลปกครองได้ดำเนินการไต่สวนฉุกเฉินจนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. และไม่มีการเรียกหลักฐานเพิ่มเติมแต่อย่างใด ทำให้ตนมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นโดยศาลจะส่งโทรสารคำสั่งให้กับทางพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงเวลาดังกล่าว

"หมัก”เริ่มขยาดถอยเขาพระวิหาร

ขณะที่นายสมัคร สุนทรเวช ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที ในเวลา 01.00 น.ของวานนี้ (27 มิ.ย.) หลังเสร็จสิ้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า เรื่องเขาพระวิหารนั้นยังสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากคนไทยทั้งประเทศไม่เอาด้วย รัฐบาลก็ไม่เอาด้วย รัฐบาลไม่ต้องการเห็นใครเอาเรื่องนี้มาปลุกระดมสร้างความวุ่นวาย แต่เรื่องนี้ได้ผ่านการตัดสินใจจากทั้งสายทหาร และกระทรวงการต่างประเทศมาแล้ว เหตุที่เปลี่ยนแปลงได้เพราะรัฐบาลยังไม่ได้ไปทำอะไรผูกพันเอาไว้

ดาวกระจายยื่นค้าน"เขาพระวิหาร"

วันเดียวกัน เวลา 10.20 น.หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้พบ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณด้านข้างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อรับรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร เป็นมรดกโลกของกัมพูชากว่า 30,000 รายชื่อ เพื่อนำไปยื่นต่อคณะกรรมการมรดกโลก โดยส่งผ่านสำนักงานองค์การยูเนสโก พร้อมกับยื่นหนังสือคัดค้านผ่านไปยังสถานเอกอัครราชทูตกัมพูชา และนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีด้วย

เวลา 11.00 น. หม่อมหลวงวัลย์วิภา ในกลุ่มประชาชนในนามของประชาชนชาวไทยผู้เป็นตัวแทนประเทศไทย ได้ไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือและรายชื่อประชาชนที่ร่วมลงนามคัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร 33,000 รายชื่อ โดยมอบให้แก่นายสมัคร โดยมีนายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกฯ ออกมารับรายชื่อและหนังสือขอคัดค้าน

บุกยื่นยูเนสโก-สถานทูตกัมพูชา

จากนั้นตัวแทนประชาชนที่ร่วมลงชื่อคัดค้านฯ นำโดย นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ จากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายชีวิน ฉายาชวลิต อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยปทุมธานี และสถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ ได้ร่วมกับนักวิจัยสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นำรายชื่อประชาชนส่งมอบให้คณะกรรมการมรดกโลก ผ่านองค์การศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติหรือยูเนสโก ประจำประเทศไทย โดยมีตัวแทนผู้อำนวยการยูเนสโก สำนักงานประเทศไทยรับไว้และรับปากว่าจะนำรายชื่อผู้คัดค้านส่งไปยังสำนักงานใหญ่ยูเนสโก ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสในวันที่ 27 มิ.ย.
 
ต่อจากนั้นตัวแทนกลุ่มผู้คัดค้านฯได้เดินทางไปยังสถานทูตกัมพูชา ประจำประเทศไทย เพื่อยื่นหนังสือต่อเจ้าหน้าที่สถานทูต แต่หลังจากเจ้าหน้าที่สถานทูตได้ออกมาพูดคุยกับกลุ่มผู้คัดค้านแล้วก็กลับเข้าไป โดยไม่ได้รับหนังสือเรียกร้อง โดยยืนยันว่าทางการกัมพูชาดำเนินการอย่างถูกต้องแล้ว

ขณะที่กลุ่มผู้คัดค้านเห็นว่าการขึ้นทะเบียนตัวปราสาทเขาพระวิหารเพียงอย่างเดียวนั้น ไม่สามารถเป็นมรดกโลกได้ ต้องมีสระตราว สถูปคู่ ภาพสลักนูนต่ำด้วย และปราสาทเขาพระวิหาร ก็ควรเป็นมรดกของมนุษยชาติ ประเทศกัมพูชา ไม่ควรจะอ้างสิทธิ์เพียงประเทศเดียว

ม.รังสิตยื่นกว่า 4 พันรายชื่อยูเนสโก

เช่นเดียวกับชาวมหาวิทยาลัยรังสิต นำโดยนายอนันต์ หาญพาณิชย์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษา ได้เดินทางไปยื่นแถลงการณ์คัดค้านการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก พร้อมด้วยลายเซ็นคนร่วมคัดค้านกว่า 4,000 คน ณ สำนักงานยูเนสโกประจำประเทศไทยเช่นกัน

ทั้งนี้ ในคำแถลงการณ์ระบุว่า สืบเนื่องจากการประชุมสามฝ่ายระหว่าง รมว.ต่างประเทศของไทย ผู้ช่วยผู้อำนวยการทั่วไปทางด้านวัฒนธรรมขององค์กรยูเนสโก และฝ่ายกัมพูชา เมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่กรุงปรารีส และนำไปสู่การออกแถลงการณ์ร่วม 3 ฝ่าย มีผลทำให้ราชอาณาจักรไทยถูกปิดปากในการพิจารณาเกี่ยวกับข้อพิพาทเรื่องเขตแดนในอนาคต และเป็นการยอมรับอาญาบริเวณรอบปราสาทพระวิหารว่าเป็นของกัมพูชา

ดังนั้น มหาวิทยาลัยรังสิต จึงขอแสดงความจำนงต่อผู้อำนวยการใหญ่ยูเนสโก เพื่อคัดค้านการพิจารณาขององค์การยูเนสโก ที่จะขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร เป็นมรดกโลก และให้ชะลอการขึ้นทะเบียนไว้ก่อน

จุดยืนไทยเสนอร่วมมรดกโลก 2 ปท.

ช่วงเวลาเดียวกันระหว่างการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก หรือคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ซึ่งเป็นการประชุมนัดแรกที่มีนายปองพล อดิเรกสาร อดีตรัฐมนตรีหลายสมัย ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งเป็นครั้งแรก เป็นประธานการประชุม โดยมีคณะกรรมการอีก 23 คน เข้าร่วมประชุม

ระหว่างประชุมกลุ่มประชาชนชาวไทยผู้รักชาติและประชาธิปไตยนำโดย ผศ.ดุษฎี ทายตะคุ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นำรายชื่อประชาชน 25,000 รายชื่อ ที่คัดค้านการขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลก มารอมอบให้นายปองพล เพื่อให้ส่งผ่านไปให้ยูเนสโก เรียกร้องให้คณะกรรมการมรดกโลกที่จะประชุมที่แคนาดาเดือน ก.ค.นี้เลื่อนการพิจารณาขึ้นทะเบียนเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกออกไปก่อนจนกว่าคณะกรรมการปักปันเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชาจะดำเนินการปักปันเขตแดนบริเวณรอบที่ตั้งปราสาทเขาพระวิหารให้เสร็จก่อน

ภายหลังประชุมกว่า 3 ชั่วโมงนายปองพล แถลงว่า คณะกรรมการได้เชิญนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ และผู้แทนจากกรมแผนที่ทหาร มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับเขตแดน และให้มายืนยันต่อคณะกรรมการฯว่า เราจะไม่เสียเสียดินแดนในแผนผังที่มีการทำขึ้นครั้งหลังสุดระหว่างไทย-กัมพูชาจะระบุเฉพาะปราสาทพระวิหารเท่านั้นตามมติของศาลโลก 2505 และเราก็รับทราบและไม่ได้โต้แย้ง เพราะถือว่าเขาทำหน้าที่ชัดเจนในส่วนนี้ ซึ่งคณะกรรมการฯอยากให้กรณีปราสาทพระวิหารเป็นจุดสร้างความ สมานฉันท์ของ 2 ประเทศมากกว่าการสร้างความขัดแย้ง

นายปองพล กล่าวว่า ส่วนความเห็นของคณะกรรมการมรดกโลกมีมติ 3 ข้อคือ 1.ความสมบูรณ์ของปราสาทเขาพระวิหารในฐานะมรดกโลกจะต้องพิจารณาสภาพทางสถาปัตยกรรมและทางภูมิศาสตร์ ประกอบกันเป็นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรม ซึ่งถือว่ามีความสำคัญตามมาตรฐานของการเป็นมรดกโลก

2.คณะกรรมการฯสนับสนุนการดำเนินการร่วมกันระหว่างระหว่างรัฐบาลไทย รัฐบาลกัมพูชา คณะกรรมการมรดกโลก ศูนย์มรดกโลก และยูเนสโก ในการดำเนินการต่างๆเพื่อความสมบูรณ์ของสถานะมรดกโลกของปราสาทเขาพระวิหารในอนาคต

3.มอบให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กรมศิลปากร กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงการต่างประเทศเตรียมข้อมูลเกี่ยวกับการรายงานสถานภาพแหล่งมรดกโลกที่ขึ้นทะเบียนแล้วและแหล่งที่กำลังจะขึ้นทะ เบียนเป็นมรดกโลก รวมทั้งข้อมูลอื่นๆ ที่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย เพื่อนำไปหารือในการเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการมรดกโลก ที่แคนาดา โดยเฉพาะประเด็นแหล่งมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่ได้รับการขึ้นทะเบียนไว้แล้วเตรียมจะผนวกเมืองประวัติศาสตร์ หรือสถานที่สำคัญเข้าเป็นพื้นที่มรดกโลกด้วย

เมื่อถามว่าจุดยืนของคณะกรรมการชุดนี้ต่อการขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหาร นายปองพล กล่าวว่า จุดยืนคือความสมบูรณ์ของความเป็นมรดกโลก และเน้นภูมิทัศน์ทางวัฒนธรรมทั้งหมด

เผย“นพดล”เป็นผู้แทนรัฐบาลไทย

นายปองพล กล่าวต่อว่า เนื่องจากในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกครั้งถือนี้เป็นกรณีพิเศษระหว่างไทยกับกัมพูชา ถ้าเป็นมรดกโลกในเขตไทยคงไม่มีปัญหา คณะกรรมการฯคงดำเนินการได้เลย ดังนั้น คณะที่จะไปมี 2 คณะ คือคณะกระทรวงการต่างประเทศที่มีนายนพดล ปัทมะ รมว.ต่างประเทศ และข้าราชการ และผู้แทนในส่วนของคณะกรรมการฯอีก 7 คน ได้แก่ตนในฐานะประธานกรรมการชุดนี้ นางสาวิตรี สุวรรณสถิตย์, นายชนินทร์ ทองธรรมชาติ รองเลขาธิการ สผ., นางรัชวดี ศรีประพัทธ์ ผอ.กองอนุ รักษ์สิ่งแวดล้อมธรรมชาติและศิลปกรรม นายธราพงศ์ ศรีสุชาติ ผอ.สำนักโบราณคดี กรมศิลปากร, นายทรงธรรม สุขสว่าง ผอ.ส่วนศึกษาวิจัยและวิจัย กรมอุทยานแห่งชาติฯและ น.ส.ดุริยา อมตวิวัฒน์ หัวหน้ากลุ่มความร่วมมือระหว่างประเทศ กระทรวงศึกษาธิการ

“โดยสถานะความเป็น รมว.ต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็นตัวแทนของรัฐบาลไทย ถือว่าเป็นหัวหน้าคณะหรือว่ามีบทบาทในเรื่องกรณีปราสาทพระวิหาร เพราะได้รับมอบหมายจากคณะรัฐมนตรีให้ดำเนินการ ท่านจะมีบทบาทในส่วนนี้ ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่เป็นเรื่องภายในก็เป็นเรื่องของคณะกรรมการมรดกโลก ที่ผมเป็นหัวหน้าคณะไป และยืนยันว่ามุมมองและจุดยืนของคณะกรรมการฯ ไม่ได้ขัดแย้งกันแน่นอน”

เมื่อถามอีกว่า กรณีปราสาทเขาพระวิหาร กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันเรื่องเขตแดนว่าอย่างไร นายปองพล กล่าวว่า กระทรวงการต่างประเทศ ยืนยันว่าแผนที่ที่แนบท้ายแถลงการณ์ร่วมไม่ได้รุกล้ำเข้ามาในดินแดนไทยจะมีเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหารเท่านั้น เขามายืนยันต่อคณะกรรมการของเรา ส่วนเรื่องแถลงการณ์ร่วมนั้นกระทรวงการต่างประเทศพูดไว้ว่าเฉพาะตัวปราสาทสนับสนุน ยังยืนยันข้อนั้นอยู่

เมื่อถามอีกว่า เวลาเข้าไปในที่ประชุมที่แคนนาดาแล้วโดยหลักการอำนาจความเห็นของกระทรวงการต่างประเทศ หรือคณะกรรมการมรดกโลกของไทย ฝ่ายไหนจะมีมากกว่ากัน นายปองพล กล่าวว่า ถ้าเป็นเรื่องต่างประเทศ ยืนยันว่ากระทรวงการต่างประเทศ มีอำนาจในส่วนนี้ เพราะว่าได้รับมอบหมายจาก ครม.แต่ถ้าเป็นเรื่องในประเทศจะเป็นเรื่องของกรรมการโลก แต่เราไปทำงานร่วมกันในฐานะประเทศไทย เวลาเราไปหารือหรือเจรจาต่อรองก็ต้องพยายามเจรจาให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

เตรียมพบ“อดุล”แนะนำเทคนิค

เมื่อถามว่าจะเข้าพบ ศ.ดร.อดุล วิเชียรเจริญ อดีตประธานคณะกรรมการฯหรือไม่ นายปองพล กล่าวว่า จะเดินทางเข้าพบ ศ.ดร.อดุล ภายใน 2-3 วันนี้เพื่อขอคำแนะนำอย่างแน่นอน และค่อนข้างมั่นใจว่าทีมประชุมและทำหน้าที่เจรจาในครั้งนี้จะไม่ทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบ แต่ยังไม่ยืนยันว่าจะประสบความสำเร็จมากน้อยแค่ไหน ซึ่งเชื่อว่าการคัดค้านของชาวไทยที่เกิดขึ้นจะไม่สูญเปล่าแน่นอน โดยคณะกรรมการมรดกโลกที่มีผู้แทนจากทั้ง 21 ประเทศขณะนี้ได้รับทราบข่าวดังกล่าวแล้วและข้อเป็นห่วงนี้น่าจะมีน้ำหนักเพียงพอที่อาจทำให้คณะกรรมการมรดกโลกตัดสินใจอย่างเป็นกลาง

“เรื่องนี้ค่อนข้างมีความละเอียดอ่อนมาก ผมก็เหมือนกับหนังหน้าไฟ การหารือนอกรอบเป็นเรื่องสำคัญที่คณะกระทรวงต่างประเทศและคณะมรดกโลกจะทำหน้าที่ร่วมกันเป็นอย่างดี ถ้าหารือร่วมกันในฐานะทีมไทยผมโต้แย้งได้ หารือจนจบ แต่เมื่อจบแล้ว เมื่อเข้าสู่เป็นทางการผมต้องให้กระทรวงการต่างประเทศมีบทบาท ผมจะไปค้านต่อหน้าประชาคมโลกมันเสียมารยาท ทำไม่ได้ อันนี้ต้องยอมรับ แต่ถ้าหารือนอกรอบ ผมไม่ยอมยังไงก็ได้ แต่เมื่อจบก็ต้องอย่างนั้น เพราะเราต้องรักษาเกียรติภูมิของประเทศไทยไว้เหมือนกัน เราจะไปทะเลาะกันต่อหน้าชาวโลกมันทำไม่ได้หรอก กระทรวงต่างประเทศกับเราแนวคิดไม่ได้ขัดแย้งกัน ผมยืนยันของกระทรวงการต่างประเทศเอาเรื่องเขตแดนเป็นหลัก ของเราเอาเรื่องความสมบูรณ์ของมรดกโลกเป็นหลัก เราไปอีกขั้นหนึ่ง เราไปด้วยกัน”

“บัวแก้ว”รับออกปกขาวป้อง“นพดล”

วันเดียวที่กระทรวงการต่างประเทศ นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารสนเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ไม่มีการแก้ไขในแถลงการณ์ร่วมระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมาแต่อย่างใด เพราะแถลงการณ์เดิมที่ รมว.ต่างประเทศลงนามไปนั้นในเนื้อหาแถลงการณ์ระบุชัดว่า ทางกัมพูชาได้ส่งแผนผังแนบท้าย แต่เพื่อความสอดคล้องจึงได้มีการปรับถ้อยคำให้สอดคล้องและตรงกันตามที่ ครม.มีมติให้มีการปรับแก้ถ้อยคำให้เป็นไปตามที่กัมพูชาเสนอแผนผังแนบท้ายมาเท่านั้น ซึ่งทั้งหมดยังคงหลักการเดิมทุกประการ

“ไม่ได้มีการปรับแก้แถลงการณ์ร่วมใดๆ เพราะแถลงการณ์เดิมทางกัมพูชาได้ใช้คำว่าแผนผัง ดังนั้นเป็นแค่การปรับคำในมติ ครม.ให้ตรงกันกับคำว่าแผนผังที่ทางกัมพูชาใช้ จึงมีมติให้ปรับแก้ถ้อยคำจากแผนที่แนบท้ายเป็นแผนผังแนบท้ายเท่านั้น เหมือนกับการปรับแว่นของคนสองคนให้ชัดเจนตรงกันเท่านั้นเอง”

นายธฤต ยอมรับว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อนและซับซ้อนเป็นอย่างมากในการอธิบายทำความเข้าใจแก่ประชาชน ดังนั้นทางกระทรวงการต่างประเทศจึงได้ออกสมุดปกขาว 40 หน้า ที่สรุปความเป็นมาของคำตัดสินของศาลโลก และคำชี้แจงโดยสรุปของ รมว.กระทรวงการต่างประเทศโดยย่อๆ พร้อมกับจะเปิดสัมมนาสำหรับนักวิชาการและสื่อมวลชนทุกแขนงในวันที่ 30 มิ.ย.นี้เวลา 14.00 -16.00 น.เพื่อเปิดให้มีการซักถามข้อสงสัยได้อย่างเต็มที่

ด้าน นายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กล่าวว่า จะแถลงประเด็นที่ตกหล่นจากการอภิปรายในสภาที่ยังต้องสร้างความชัดเจน คือ การขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารของกัมพูชาไม่เข้าข่ายมาตรา 190 ตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ในขณะที่ประเด็นที่มีการถกเถียงกันมากว่า แท้จริงแล้วคำตัดสินของศาลโลกระบุว่ากัมพูชามีสิทธิเฉพาะตัวปราสาทเขาพระวิหาร หรือรวมไปถึงอธิปไตยที่เป็นแผ่นดินใต้ตัวปราสาทด้วยหรือไม่ ซึ่งแท้จริงแล้ว คำตัดสินศาลโลกระบุชัดเจนว่า พื้นที่ดินใต้ตัวปราสาทเขาพระวิหารเป็นอธิปไตยของกัมพูชา

ทั้งนี้ ประเด็นที่ถกเถียงกันมาก ว่าหากไทยสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทเขาพระวิหารเป็นมรดกโลกเพียงลำพังจะทำให้ไทยเสียหรือสละสิทธิในการต่อสู้ทางกฎหมายทวงคืนสิทธิ หากมีการเปลี่ยนแปลงกฎหมายระหว่างประเทศใหม่ในอนาคต ที่จะทำให้ไทยสามารถนำไปต่อสู้คดีได้นั้น ยืนยันว่า คำสั่งศาลโลกที่ตัดสินนั้นระบุชัดเจนว่า คำสั่งศาลโลกมีอันที่สิ้นสุดและเกินเวลา 10 ปีที่ทางฝ่ายไทยจะขอทวงสิทธิ ได้หากพบว่ามีหลักฐานใหม่ที่จะชี้ชัดได้ว่า ปราสาทเขาพระวิหารอยู่ในดินแดนไทย

อีสานกู้ชาติแจ้งจับ“ชาวกัมพูชา”แล้ว

ส่วนความเคลื่อนไหวของประชาชนทางภาคอีสานวันเดียวกันที่ สภ.บึงมะลู ต.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายเศวต ทินกูล ผู้ประสานงานเครือข่ายอีสานกู้ชาติ(กู้แผ่นดิน)และคณะ ได้เข้าพบ พ.ต.ท.ทิพย์พงศ์ ทิพย์เกสร สวญ.สภ.บึงมะลู เพื่อแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินคดีกับกลุ่มชาวกัมพูชา ที่บุกรุกเขตแดนไทยเข้ามาตั้งชุมนุมสร้างบ้านเรือน ร้านค้า วัดและถนน อยู่ที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ในข้อหาเป็นชาวต่างชาติลักลอบเข้ามาในเขตราชอาณาจักรโดยไม่ได้รับอนุญาตและแผ้วถางป่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ทั้งนี้ เนื่องจากตามแผนที่ประเทศไทยระบุว่า บริเวณดังกล่าวเป็นเขตแดนของประเทศไทยอย่างชัดเจน

นายเศวต กล่าวว่า ตนในฐานะประชาชนชาวไทยคนหนึ่งได้รับทราบความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการที่ชาวกัมพูชาบุกรุกเข้ามาอยู่ในเขตแดนไทยที่บริเวณเชิงเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จากสื่อมวลชนทุกแขนง ดังนั้น ในวันนี้จึงได้เข้าไปตรวจสอบข้อเท็จจริงที่บริเวณเชิงเขาพระวิหารแล้ว พบว่าชาวกัมพูชาบุกรุกเขตแดนไทยอย่างชัดเจน เนื่องจากบริเวณเชิงเขาพระวิหารเป็นเขตอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ ตามประกาศอุทยานแห่งชาติ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช

“ปัญหานี้ยืดเยื้อมานานแล้วและไม่มีส่วนราชการใดที่เกี่ยวข้องเข้ามาดำเนินการแก้ไขในเรื่องนี้ ดังนั้น ในฐานะประชาชนไทยจึงได้มาแจ้งความกับพนักงานสอบสวน ให้เข้าจับกุมชาวกัมพูชาที่บุกรุกเขตแดนไทยเพื่อนำตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายและผลักดันออกจากราชอาณาจักรไทยตามขั้นตอนต่อไป”

ด้าน พ.ต.ท.ทิพย์พงศ์ กล่าวว่า ได้รับแจ้งความในเรื่องนี้ไว้แล้วและจะได้ทำการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป โดยในเรื่องนี้ได้รายงานให้ พล.ต.ต.พินิจ แฝงยงค์ ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษทราบแล้ว ซึ่ง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ ได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.วัฒนา เงินหมื่น รอง ผบก.ภ.จว.ศรีสะเกษ เป็นผู้ควบคุมุดูแลคดีนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งจะได้ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเร่งดำเนินการสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

จี้ทหารอย่าเพิกเฉยกรณีเขาพระวิหาร

ขณะที่ประชาชนชาวขอนแก่นส่วนหนึ่งได้ร่วมกับสมัชชาประชาชนจังหวัดขอนแก่น เข้ายื่นหนังสือจดหมายเปิดผนึกถึงผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ค่ายศรีพัชรินทร์ จ.ขอนแก่น โดยมี พ.อ.จตุรพงศ์ บกบน หัวหน้านายทหารฝ่ายการข่าว มทบ.23 เป็นผู้แทนรับหนังสือ โดยเนื้อหาในจดหมายเปิดผนึกฉบับดังกล่าว ได้เรียกร้องผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 23 ซึ่งเป็นทหารของพระเจ้าแผ่นดิน เป็นผู้มีหน้าที่เสมือนรั้วของชาติ ที่ต้องปกป้องแผ่นดินไทย ได้แสดงท่าทีและให้คำตอบกับประชาชน ต่อปัญหาเขาพระวิหาร และให้เปิดเผยข้อเท็จจริงว่าไทยต้องเสียดินแดนบางส่วน 4.6 ตารางกิโลเมตรให้กับกัมพูชาจริงหรือไม่ หลังจากที่นายนพดล ได้พยายามพูดโยงการเจรจาเข้ากับการสัมปทานแก๊ส และน้ำมันรอบเกาะกง ของประเทศกัมพูชา เพื่อแลกกับประโยชน์ของกลุ่มทุนใหญ่บางกลุ่ม ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญที่กระทบจิตใจคนไทยทั้งประเทศ

หากไทยสูญเสียพื้นที่ดังกล่าวจริง รมว.ต่างประเทศ และรัฐบาลต้องออกมาแสดงความรับผิดชอบ และนายทหารที่ถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พร้อมพลีชีพเพื่อรักษาชาติ และอธิปไตยของประเทศ ต้องพร้อมออกมาปกป้องแผ่นดิน ด้วยชีวิต แทนการนิ่งเฉยดูดายอย่างเช่นในขณะนี้เพื่อแสดงให้ประชาชนเห็นว่า “กองทัพ คือเสาหลักที่มั่นคงและแข็งแกร่งในการปกป้องชาติ และแผ่นดิน ไม่เช่นนั้นประชาชนจะเข้าใจได้ว่า ทหารของชาติ ไม่ตั้งใจปกป้องแผ่นดิน แต่ไปเป็นทหารรับใช้นายทุน นักธุรกิจที่ไม่มีความรักชาติ ด้วยพฤติกรรมขายชาติอีกด้วย

ยื่น ผบ.จทบ.บุรีรัมย์ป้องพื้นที่พระวิหาร

ด้าน นางสำเนียง สุภัณพจน์ ประธานสมัชชาประชาชนภาคอีสานจังหวัดบุรีรัมย์ พร้อมตัวแทนสมาชิกสมัชชาฯทั้ง 23 อำเภอกว่า 30 คนได้ร่วมกันยื่นหนังสือต่อ พล.ต.เอกศักดิ์ ไสยสุข ผู้บังคับการทหารบกจังหวัดบุรีรัมย์ ที่กองบังคับการจังหวัดทหารบก ให้ออกมาแสดงท่าทีปกป้องชัดเจนต่อปัญหาเขาพระวิหาร พร้อมขอรับทราบข้อเท็จจริงว่า ไทยต้องเสียดินแดนบางส่วน 4.6 ตารางกิโลเมตร ให้กับกัมพูชาจริงหรือไม่ หลังจากที่นายพนดล ได้พยายามพูดโยงการเจรจาเข้ากับการสัมปทานแก๊สและน้ำมันรอบเกาะกงของกัมพูชา เพื่อแลกกับประโยชน์ของกลุ่มทุนใหญ่บางกลุ่ม

พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ผู้ประสานงานเครือข่ายพันธมิตรฯบุรีรัมย์ กล่าวว่า ปัญหาเขาพระวิหารดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับประชาชนที่มีสำนึกรักหวงแหนผืนแผ่นดินไทยทั้งประเทศเป็นอย่างมาก หากประเทศไทยสูญเสียดินแดนและอธิปไตยบนพื้นที่ดังกล่าวจริง นายนพดล และรัฐบาลนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ต้องรับผิดชอบ โดยกลุ่มสมัชชาฯบุรีรัมย์ และเครือข่ายพันธมิตรฯ ทั้งหมดพร้อมจะเคลื่อนไหวต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งผืนแผ่นดินไทยที่สูญเสียไปกลับคืนมาจนถึงที่สุด

พล.ต.เอกศักดิ์ ระบุหลังได้รับหนังสือว่า ทหารย่อมรักผืนแผ่นดิน หน่วยทหารทุกหน่วยมีหน้าที่ร่วมดูแลปกป้องผืนแผ่นดินและอธิปไตยของไทย เพื่อไม่ให้ใครมารุกรานอยู่แล้ว หากมีผู้รุกรานก็จะลุกขึ้นมาต่อสู้จนถึงที่สุด และพร้อมที่จะนำหนังสือแสดงเจตจำนงของกลุ่มสมัชชาส่งให้กับแม่ทัพภาคที่ 2 ผู้บังคับบัญชา ได้พิจารณาต่อไปอย่างเร่งด่วนด้วย

แฉ!!อธิบดีกรมสนธิสัญญา กต.หลุดปากรับ'เขมรรุกไทย'

วันเดียวกัน ศาลปกครองกลางใช้เวลามากกว่า 10 ชั่วโมง ไต่สวนฉุกเฉินคดีแถลงการณ์ไทยสนับสนุนกัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร โดยยังไม่มีคำสั่งว่าจะคุ้มครองชั่วคราวตามที่มีผู้ร้องหรือไม่

ระหว่างการไต่สวนนายกฤต ไกรจิตติ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย กระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ได้ยอมรับอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกแผนที่แนบท้ายที่กัมพูชาจะใช้ขึ้นทะเบียนมรดกโลก ซึ่งอยู่ในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบไปเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.นั้น มีส่วนรุกล้ำพื้นที่เขตแดนของไทยในเขตพื้นที่อนุรักษ์ ซึ่งเป็นเขตทับซ้อนระหว่าง 2 ประเทศ

นายกฤต ระบุด้วยว่า เมื่อกระทรวงการต่างประเทศเห็นว่ามีการรุกล้ำพื้นที่จึงได้เปลี่ยนคำแปลจากแผนที่เป็นแผนผัง โดยที่ประชุม ครม.เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.มีมติให้เปลี่ยนแปลงคำแปลคำว่า MAP ในภาษาไทยใหม่ว่า แผนผังแนบท้าย ส่วนคำแถลงการณ์ร่วม ซึ่งเป็นภาษาอังกฤษยังใช้คำว่า MAP มิได้เปลี่ยนเป็นคำว่า LAY OUT อย่างใด

การไต่สวนครั้งนี้ นายกฤต ถูกศาลและฝ่ายผู้ฟ้องซักถาม ประเด็นรายละเอียดเกี่ยวกับข้อตกลงและแผนผังแนบเป็นเวลานานเกือบ 5 ชั่วโมง ทำให้นายกฤต มึนงง สุดท้ายได้แต่ตอบคำถามวนไปวนมาซ้ำๆ ด้วยประโยคเดิมๆ ว่า กัมพูชาขอขึ้นทะเบียนมรดกโลกเพียงเฉพาะตัวปราสาทพระวิหารเท่านั้น ไม่เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อน ยืนยันว่าไทยไม่เสียดินแดน

"สนธิ"ซ้อมเป่านกหวีดระดมพล

เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.วานนี้(27 มิ.ย.) นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ขึ้นเวที พร้อมกับซักซ้อมการส่งสัญญาณเป่านกหวีดระดมพลครั้งใหญ่ เพื่อขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด ขายชาติ โดยนายสนธิ ได้ฝากข้อคิดว่า ตั้งแต่ปี 2544 ระบอบทักษิณ ได้ซื้อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อให้หลุดพ้นจากคดีซุกหุ้น จากนั้นก็ได้ซื้อองค์กรอิสระอื่นๆ เริ่มจากกว้านซื้อ ส.ว.มาเป็นพวก โดยแลกกับผลประโยชน์ทั้งเงิน และตำแหน่ง จากนั้นก็มีการแต่งตั้ง กกต. , ป.ป.ช.

กระทั่งถึงปี 2548 ระบอบทักษิณ ได้เหิมเกริม กระทำปู้ยี่ปู้ยำ โดยไม่เห็นกฎหมายอยู่ในสายตา จนกระทั่งเกิดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ต่อเนื่องจนถึงพันธมิตรฯ และมีการประท้วงที่ท้องสนามหลวงจนแทบจะหมดมุกอยู่แล้ว แต่ด้วยความโลภของทักษิณ ที่ขายหุ้นชินคอร์ปโดยไม่เสียภาษี ทำให้คนทนไม่ไหวต้องลุกฮือขึ้นมาต่อต้าน ขับไล่ ทำให้ ทักษิณ ต้องใช้วิธีการยุบสภา เพื่อหาความชอบธรรมจากการเลือกตั้ง แล้วกลับมาใหม่ ซึ่งในครั้งนี้ก็คาดว่าจะใช้วิธีการแบบเดียวกัน หลังจากมีการผ่านร่างงบประมาณเสร็จสิ้นแล้ว และมีการทำมาหากินเสร็จสิ้นแล้ว

นายสนธิ กล่าวอีกว่า สาเหตุที่แท้จริงของการยึดอำนาจเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ก็เพื่อป้องกันถูกปลดพ้นจากตำแหน่งเท่านั้น จากนั้นก็ปู้ยี่ปู้ยำบ้านเมือง จนระบอบทักษิณกลับมาอีกรอบ ผ่านทางพรรคพลังประชาชน ซึ่งในตอนแรกก็พอทำใจได้ แต่กลับมีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม สร้างรัฐตำรวจขึ้นมาอีกครั้ง

นายสนธิยังได้นำหลักฐานคำสั่ง ส่งตัวตำรวจไม่น้อยกว่า 39 รายพร้อมอาวุธครบมือไปอารักขา ทักษิณ ซึ่งเป็นจำเลยคดีทุจริตของแผ่นดิน แต่ในขณะที่ นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนันตำบลแม่จัน ที่เป็นพยานให้กับ กกต.ในคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช กลับถูกตำรวจตามฆ่า

นอกจากนี้ ในคำสั่งดังกล่าวยังระบุชื่อ พ.ต.ท.วทัญญู วิทยภโลทัย นายตำรวจติดตาม ทักษิณ ซึ่งในคำตัดสินขององค์คณะผู้พิพากษาศาลฎีกา ในคดีสินบน 2 ล้านบาท สั่งจำคุกทีมทนายความของทักษิณ ระบุว่า เป็นหนึ่งในบุคคลที่หิ้วถุงเงินมามอบให้เจ้าหน้าที่ศาลด้วย และที่น่าเจ็บปวดก็คือ เวลานี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ ล้อมหน้าล้อมหลัง นายเนวิน ชิดชอบ เกือบ 20 คน

นายสนธิ ยังตั้งคำถามข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ และทหาร ที่บอกว่าเป็นทหารของพระเจ้าอยู่หัว และทหารของพระราชินี เพื่อให้จารึกในประวัติศาสตร์ว่า ข้าราชการที่มีเกียรติมีศักดิ์ศรีเหล่านี้ กับกรณีปราสาทพระวิหาร ทำไมยอมให้นักการเมืองชั่วมาสั่งการได้

"นายทหารทุกวันนี้ไม่เหมือนทหารที่เคยรู้จัก แค่นายจักรภพ พูดจาจาบจ้วง พวกคุณต้องเดินไปตบปากแล้ว ทำไมทหารไม่แสดงออกในฐานะทหารของพระราชา พระราชินี" นายสนธิ กล่าว และว่า ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทหารจะตกต่ำเท่าครั้งนี้ และไม่มีครั้งไหนที่ประชาชนจะสูงส่งเท่าครั้งนี้ ที่ค้ำจุนประเทศชาติ ไม่ใช่คนอื่นเลย " นายสนธิระบุ และย้ำในตอนท้ายว่า ให้รอฟังสัญญาณนกหวีด ระดมพลขับไล่รัฐบาลขายชาติให้ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น