เมื่อเวลา 14.00 น.วานนี้ (25 มิ.ย.) ได้มีการประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 นัดแรก และมีมติตั้งชื่อ คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาปัญหาการบังคับใช้เพื่อแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2550 มีจำนวน 45 คน โดยมีมติเลือก นายกระมล ทองธรรมชาติ จากโควต้าคนนอก ของพรรคพลังประชาชน เป็นประธานฯ นายสุขุมพงศ์ โง่นคำ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน เป็นรองประธานฯ คนที่ 1 นายนิพนธ์ วิสิษฐยุทธศาสตร์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรองประธานฯคนที่ 2 นายนิกร จำนง พรรคชาติไทย เป็นรองประธานฯคนที่ 3 และนาย ไชยยศ จิรเมธากร ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อแผ่นดิน เป็นรองประธานฯคนที่ 4
ทั้งนี้ มีโฆษกฯ 4 คนคือ นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พลังประชาชน นายอรรคพล สรสุชาติ พรรคชาติไทย และนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พร้อมได้ตั้งนายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน เป็นเลขานุการ
ทั้งนี้จะมีการประชุมทุกวันอังคาร เวลา10.00 น.ที่ห้อง 220 อาคารรัฐสภา 2 เป็นเวลา 60 วัน โดยจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งให้ผู้เสนอญัตติทั้ง 7 ญัตติ เข้ามาสรุปว่าต้องการจะแก้ไขในประเด็นใด รวมทั้งจะได้พิจารณาวางกรอบการทำงานของคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวด้วย
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ว่า การแก้รธน. โดยเฉพาะมาตรา 309 คนในพรรคพลังประชาชน ก็รับชัดเจนว่า เพื่อประโยชน์ของคนที่ต่อสู้คดีเป็นคนที่ถูกกล่าวหา แสดงว่าเป็นการแก้เพื่อตอบแทนบุญคุณของคนบางคนเท่านั้น แต่คนที่เรียนกฎหมายย่อมรู้ดีว่า ถ้ามีการแก้ไขจะนำไปสู่การต่อสู้เรื่องกระบวนการรวบรวมพยาน หลักฐานเป็นไปโดยไม่ชอบ แล้วผลทางคดีจะเป็นอย่างไร ทุกคนรู้ เพราะในอดีตก็เคยเกิดขึ้นแล้วสมัย รสช. รวมถึงสิ่งที่ คตส.ทำมาตลอด 1 ปี 9 เดือน 13 คดี อายัดทรัพย์มากกว่า 6 หมื่นล้านบาท และ มีตัวเลขที่สร้างความเสียหายแก่รัฐอีกกว่า 1.8 แสนล้านบาท ถ้ามีการแก้ไขตรงนี้ สิ่งเหล่านี้จะมลายหายไปหมด แต่พอโดนต่อต้านก็ถอย และมาในรูปแบบใหม่ คือตั้งกมธ.ขึ้นมาศึกษาก่อนแก้ไขรธน.
"พยากรณ์ได้เลยว่า มารูปแบบเดิมอีกคือ ศึกษาแล้วแก้ไข รวมถึงอาจจะมีการทำประชามติอีกครั้ง ซึ่งการที่เขาให้ยาแรง ทุกคนไม่มีสิทธิ์โอดครวญ เพราะรู้อยู่ล่วงหน้ากันแล้วทุกคน ดังนั้นถ้าเราเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลว่าเชื่อถือได้ ก็ไม่ต้องมาโอดครวญและสามารถพิสูจน์ว่า อันไหนทรัพย์สินเดิม หรือในส่วนที่ได้มาโดยสุจริต สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุม ทำไมนายกฯ ถึงปักใจเชื่อว่าเป็นการปลุกระดม มองแบบนี้คิดว่าคนไทยโง่กันหมด ท่านต้องมองให้ลึกว่า ทำไมเขาถึงปลุกคนไทยหลายหมื่นคนมาชุมนุมได้" นายบัญญัติกล่าว
ทั้งนี้ มีโฆษกฯ 4 คนคือ นายทิวา เงินยวง ส.ส.กทม. ประชาธิปัตย์ นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พลังประชาชน นายอรรคพล สรสุชาติ พรรคชาติไทย และนายปุระพัฒน์ วิเศษจินดาวัฒนา ส.ส.นครราชสีมา พรรครวมใจไทยชาติพัฒนา พร้อมได้ตั้งนายพีระพันธ์ พาลุสุข ส.ส.ยโสธร พรรคพลังประชาชน เป็นเลขานุการ
ทั้งนี้จะมีการประชุมทุกวันอังคาร เวลา10.00 น.ที่ห้อง 220 อาคารรัฐสภา 2 เป็นเวลา 60 วัน โดยจะเริ่มวันที่ 1 ก.ค.นี้ ซึ่งให้ผู้เสนอญัตติทั้ง 7 ญัตติ เข้ามาสรุปว่าต้องการจะแก้ไขในประเด็นใด รวมทั้งจะได้พิจารณาวางกรอบการทำงานของคณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวด้วย
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.ส.สัดส่วนพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ในเรื่องนี้ว่า การแก้รธน. โดยเฉพาะมาตรา 309 คนในพรรคพลังประชาชน ก็รับชัดเจนว่า เพื่อประโยชน์ของคนที่ต่อสู้คดีเป็นคนที่ถูกกล่าวหา แสดงว่าเป็นการแก้เพื่อตอบแทนบุญคุณของคนบางคนเท่านั้น แต่คนที่เรียนกฎหมายย่อมรู้ดีว่า ถ้ามีการแก้ไขจะนำไปสู่การต่อสู้เรื่องกระบวนการรวบรวมพยาน หลักฐานเป็นไปโดยไม่ชอบ แล้วผลทางคดีจะเป็นอย่างไร ทุกคนรู้ เพราะในอดีตก็เคยเกิดขึ้นแล้วสมัย รสช. รวมถึงสิ่งที่ คตส.ทำมาตลอด 1 ปี 9 เดือน 13 คดี อายัดทรัพย์มากกว่า 6 หมื่นล้านบาท และ มีตัวเลขที่สร้างความเสียหายแก่รัฐอีกกว่า 1.8 แสนล้านบาท ถ้ามีการแก้ไขตรงนี้ สิ่งเหล่านี้จะมลายหายไปหมด แต่พอโดนต่อต้านก็ถอย และมาในรูปแบบใหม่ คือตั้งกมธ.ขึ้นมาศึกษาก่อนแก้ไขรธน.
"พยากรณ์ได้เลยว่า มารูปแบบเดิมอีกคือ ศึกษาแล้วแก้ไข รวมถึงอาจจะมีการทำประชามติอีกครั้ง ซึ่งการที่เขาให้ยาแรง ทุกคนไม่มีสิทธิ์โอดครวญ เพราะรู้อยู่ล่วงหน้ากันแล้วทุกคน ดังนั้นถ้าเราเชื่อมั่นในกระบวนการของศาลว่าเชื่อถือได้ ก็ไม่ต้องมาโอดครวญและสามารถพิสูจน์ว่า อันไหนทรัพย์สินเดิม หรือในส่วนที่ได้มาโดยสุจริต สิ่งที่กลุ่มพันธมิตรฯชุมนุม ทำไมนายกฯ ถึงปักใจเชื่อว่าเป็นการปลุกระดม มองแบบนี้คิดว่าคนไทยโง่กันหมด ท่านต้องมองให้ลึกว่า ทำไมเขาถึงปลุกคนไทยหลายหมื่นคนมาชุมนุมได้" นายบัญญัติกล่าว
