ผู้จัดการรายวัน - รมว.คลังปลื้มที่ชุมคณะกรรมการจัดงานมหกรรมขายสินค้าราคาประหยัดปิ๊งไอเดียตั้งชื่องาน "มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย" เผยตั้งงบไว้ที่ 65 ล้าน ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรี 22 ล้าน ที่เหลือ 43 ล้าน วอนหน่วยงานภาครัฐ-เอกชนช่วยสนับสนุน คาดมีร้านค้าเข้าร่วมถึง 1,378 ร้าน เผยไฮไลท์เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับพลังงาน อาทิ ปตท.นำถังก๊าซมาขายพร้อมติดตั้งถังละ 3 หมื่นบาท จำนวนพันถัง
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการจัดงานมหกรรมขายสินค้าราคาประหยัด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคมนี้ ที่เมืองทองธานีว่า ที่ประชุมได้ชื่อของงานมหกรรมแล้วคือ มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย โดยใช้งบประมาณ 65 ล้านบาท ซึ่งจะของบประมาณจากคณะรัฐมนตรีจำนวน 22 ล้านบาท และอีก 43 ล้านบาทนั้นจะให้หน่วยงานภาครัฐที่ร่วมจัดงาน พร้อมทั้งภาคเอกชนร่วมกันสนับสนุน
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีร้านค้ามาเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าราคาถูก 1,378 ร้านค้า ซึ่งยังไม่รวมร้านค้าจากหน่วยงานราชการต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน สินค้าโอท็อป และมีร้านค้าต้นแบบ 30 บาทช็อป รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน เช่น ถังก๊าซเอ็นจีวีราคาถูก แม้ว่าบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) จะนำมาจำหน่ายพร้อมติดตั้งถังละ 30,000 บาท จำนวน 1,000 ถังเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ผลิตจากจีน อินเดีย และอิตาลี นำเข้าถังก๊าซราคาถูกมาขายแบบไม่จำกัดจำนวน จึงมั่นใจว่าจะมีถังก๊าซเพียงพอกับความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังมีบริการสินเชื่อสำหรับการติดตั้งเอ็นจีวีด้วย และจะแจกหลอดประหยัดพลังงานให้ผู้ที่เข้าร่วมงานด้วย
“ผมได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการเรื่องหาบริษัทผู้ผลิตถังก๊าซและผู้ติดตั้งถังก๊าซในรถยนต์ ดังนั้นต้องรอให้กระทรวงคมนาคมแถลงข่าวเรื่องนี้ว่าจะมีผู้ให้บริการอีกกี่รายที่จะเข้ามาร่วมงานด้วย”นพ.สุรพงษ์กล่าว
สำหรับพื้นที่ในงานมีทั้งสิ้น 40,000 ตารางเมตร ซึ่งจะคิดค่าเช่าในราคาถูกที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยมีราคาตั้งแต่ร้านค้าละ 8,000 – 20,000 บาท ตามขนาดพื้นที่ เชื่อว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานรวม 4 วัน กว่า 3,000 ล้านบาท
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดของการแจกคูปองให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น หรือคูปองคนจนนั้น คาดว่าภายใน 1 เดือนนี้จะได้ข้อสรุปดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันยังต้องการข้อสรุปเกี่ยวกับเส้นความยากจนว่าคนจนจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่เท่าใด และต้องแยกระหว่างคนจนในเมือง กับคนจนในชนบทด้วย เพราะว่าได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่างกัน ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าเส้นความยากจนอยู่ที่ 1,386 บาท และการแจกคูปองจะอยู่ที่เดือนละ 300-500 บาทสำหรับ 1 ล้านครอบครัวนั้น เป็นเพียงความเห็นของสศช. ยังไม่ถือว่าเป็นข้อสรุปแต่อย่างใด และนิยามตนเองคือ ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น
นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เปิดเผยภายหลังประชุมคณะกรรมการจัดงานมหกรรมขายสินค้าราคาประหยัด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-20 กรกฎาคมนี้ ที่เมืองทองธานีว่า ที่ประชุมได้ชื่อของงานมหกรรมแล้วคือ มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย โดยใช้งบประมาณ 65 ล้านบาท ซึ่งจะของบประมาณจากคณะรัฐมนตรีจำนวน 22 ล้านบาท และอีก 43 ล้านบาทนั้นจะให้หน่วยงานภาครัฐที่ร่วมจัดงาน พร้อมทั้งภาคเอกชนร่วมกันสนับสนุน
ทั้งนี้ ภายในงานจะมีร้านค้ามาเข้าร่วมจำหน่ายสินค้าราคาถูก 1,378 ร้านค้า ซึ่งยังไม่รวมร้านค้าจากหน่วยงานราชการต่างๆ โดยส่วนใหญ่เป็นสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการดำรงชีวิตประจำวัน สินค้าโอท็อป และมีร้านค้าต้นแบบ 30 บาทช็อป รวมถึงสินค้าที่เกี่ยวข้องกับการประหยัดพลังงาน เช่น ถังก๊าซเอ็นจีวีราคาถูก แม้ว่าบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) (PTT) จะนำมาจำหน่ายพร้อมติดตั้งถังละ 30,000 บาท จำนวน 1,000 ถังเท่านั้น นอกจากนี้ ยังมีบริษัทผู้ผลิตจากจีน อินเดีย และอิตาลี นำเข้าถังก๊าซราคาถูกมาขายแบบไม่จำกัดจำนวน จึงมั่นใจว่าจะมีถังก๊าซเพียงพอกับความต้องการของประชาชน อีกทั้งยังมีบริการสินเชื่อสำหรับการติดตั้งเอ็นจีวีด้วย และจะแจกหลอดประหยัดพลังงานให้ผู้ที่เข้าร่วมงานด้วย
“ผมได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมไปดำเนินการเรื่องหาบริษัทผู้ผลิตถังก๊าซและผู้ติดตั้งถังก๊าซในรถยนต์ ดังนั้นต้องรอให้กระทรวงคมนาคมแถลงข่าวเรื่องนี้ว่าจะมีผู้ให้บริการอีกกี่รายที่จะเข้ามาร่วมงานด้วย”นพ.สุรพงษ์กล่าว
สำหรับพื้นที่ในงานมีทั้งสิ้น 40,000 ตารางเมตร ซึ่งจะคิดค่าเช่าในราคาถูกที่สุด เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการโดยมีราคาตั้งแต่ร้านค้าละ 8,000 – 20,000 บาท ตามขนาดพื้นที่ เชื่อว่าจะมีเงินสะพัดภายในงานรวม 4 วัน กว่า 3,000 ล้านบาท
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องรายละเอียดของการแจกคูปองให้ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น หรือคูปองคนจนนั้น คาดว่าภายใน 1 เดือนนี้จะได้ข้อสรุปดังกล่าว เนื่องจากปัจจุบันยังต้องการข้อสรุปเกี่ยวกับเส้นความยากจนว่าคนจนจะมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่เท่าใด และต้องแยกระหว่างคนจนในเมือง กับคนจนในชนบทด้วย เพราะว่าได้รับผลกระทบจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นต่างกัน ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ระบุว่าเส้นความยากจนอยู่ที่ 1,386 บาท และการแจกคูปองจะอยู่ที่เดือนละ 300-500 บาทสำหรับ 1 ล้านครอบครัวนั้น เป็นเพียงความเห็นของสศช. ยังไม่ถือว่าเป็นข้อสรุปแต่อย่างใด และนิยามตนเองคือ ต้องการที่จะช่วยเหลือผู้ที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้น