"ขุนคลังมือสมัครเล่น" ชิงออกข่าวยกหางตัวเอง ก่อนโดนอภิปรายพรุ่งนี้ พร้อมคุยโวทำให้ศก.โต 6% ได้จริง หากไม่มีการชุมนุมของประชาชนกับกลุ่มพันธมิตรฯ พร้อมใช้ตำแหน่ง รมต.พ่นน้ำลายฟอด อ้างเหตุที่แก้ไขปัญหาไม่ได้ เพราะถูกพันธมิตรข่มขู่ พร้อมโยนบาปให้เป็นผู้ที่สร้างสถานการณ์ตามที่ไอ้ปื้ดรายงาน ส่งสัญญาณแก๊งหูดำจัดการขั้นเด็ดขาด
วันนี้ (23 มิ.ย.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ โดยยังยืนยันที่จะผลักดันให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 6% พร้อมกับโยนปัญหาการเมือง และราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น กำลังเป็นตัวแปรที่ส่งผลกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจในขณะนี้
โดยปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นขณะนี้ นพ.สุรพงษ์ เชื่อว่าเป็นต้นเหตุสำคัญที่ทำให้การท่องเที่ยวลดลงอย่างมาก และเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ดัชนีตลาดหุ้นไทยลดลงไปแล้วกว่า 100 จุด
"ตอนนี้ยังคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะได้ร้อยละ 6 แต่การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยนั้น ส่งผลกระทบทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง รวมถึงกระทบดัชนีตลาดหุ้นไทย ที่มีการปรับตัวลดลงถึงประมาณ 100 จุดในช่วงที่ผ่านมา เพราะจะมีคำขู่ตลอดเวลาว่าจะเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ ดังนั้นรัฐบาลต้องวางแนวทางเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ให้เร็วที่สุด"
สถานการณ์ทางเศรษฐกิจมีความน่าเป็นห่วงกรณีที่อาจจะเกิดภาวะเงินเฟ้อและเศรษฐกิจชะลอตัวไปพร้อมๆ กัน และยังไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้อย่างรวดเร็วหรือไม่ ขณะที่รัฐบาลก็จะสามารถเร่งเดินหน้าแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้ ซึ่งหากไม่มีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯมากระทบความเชื่อมั่น ก็จะเป็นผลดีต่อการทำงานของรัฐบาล
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มั่นใจว่าจะสามารถชี้แจงการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจในการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน เพราะการที่เศรษฐกิจไทยยังประคองตัวอยู่ได้มาจากการมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลนำออกมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นมาตรการทางด้านภาษีเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ การเพิ่มงบประมาณให้ประชาชนรากหญ้า การยกเลิกมาตรการกันสำรอง 30% เป็นต้น
รวมถึงกรณีแนวคิดการฟื้นหวยบนดินที่กำหนดออกงวดแรกอีกครั้งในวันที่ 1 ก.ย.หรือ 16 ก.ย.นี้ ก็สามารถชี้แจงได้ เนื่องจากขณะนี้ยังไม่มีการดำเนินการ แต่รัฐบาลมีหลักการในเรื่องนี้ คือ ต้องการแก้ไขปัญหาหวยใต้ดิน ซึ่งความกังวลเรื่องผลกระทบนั้น รัฐบาลยืนยันจะดำเนินการอย่างรอบคอบที่สุด
สำหรับโครงการการแจกคูปองคนจนนั้น นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้เสนอแนวทางการกำหนดเส้นแบ่งความยากจนที่ 1,386 บาท และกำหนดการแจกคูปองเงินสด ครอบครัวละ 300-500 บาท จำนวน 1 ล้านครัวเรือน ยังต้องนำมาหารือร่วมกันกับสำนักงบประมาณและสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) คาดว่าจะสรุปแนวทางทั้งหมดได้ทันภายใน 1 เดือนตามกำหนด
นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงการจัดงานมหกรรมขายสินค้าราคาประหยัด เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายใต้ชื่อ "มหกรรมมั่นใจไทยแลนด์ ดีแน่ ถูกแน่ เพื่อคนไทย" ซึ่งจะใช้งบประมาณ 65 ล้านบาท แบ่งเป็นการขอเงินงบประมาณ 22 ล้านบาท และขอความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนสนับสนุน 43 ล้านบาท มีการนำสินค้าราคาถูกมาขาย พร้อม สินค้าประหยัดพลังงานและบริการสินเชื่อดอกเบี้ยพิเศษ จัดงานระหว่างวันที่ 17-20 ก.ค. คาดมีเงินสะพัดกว่า 3,000 ล้านบาท