xs
xsm
sm
md
lg

ฟ้ามีตา!

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

วันที่ 30 มิถุนายนนี้ก็เป็นวันสิ้นสุดการทำงานของคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ หรือ คตส.แล้ว แม้ว่าภารกิจที่เหลืออยู่จะสามารถส่งต่อให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อได้ ก็ยังเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ เสียดายว่าการณ์ข้างหน้าจะเป็นประการใด

การทำงานของ คตส.ที่เริ่มตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 ได้ตรวจสอบหลายคดีที่สามารถนำคดีขึ้นสู่ศาลได้ในขณะนี้ก็เห็นมีเรื่องที่ดินรัชดาฯ ที่เหลือก็ค้างเติ่งอยู่ในแฟ้ม หรืออยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ เป็นต้นว่า กรณีเครื่องตรวจวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ 9000 ก็มีปัญหาการแปลเอกสาร ซึ่ง คตส.ต้องอาศัยกระทรวงการต่างประเทศ แต่กระทรวงการต่างประเทศก็มีบุคลากรจำกัด ซ้ำข้าราชการบางส่วน (ตรงนี้ไม่เฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ เป็นทุกหน่วยงาน) ก็มีความเชื่อว่า วันหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมามีอำนาจได้อีก ซึ่งก็เป็นจริงอย่างที่พวกเขาเชื่อ เพราะนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ได้รับตำแหน่งเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้อนุมัติให้เป็นทั้งสิ้น

ไม่เว้นแม้กระทั่งตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรของ นายชัย ชิดชอบ พ่อของนายเนวิน ชิดชอบ มือตีนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

กรณีอื่นๆ ก็เช่นเดียวกัน หน่วยงานของรัฐที่ควรจะกระตือรือร้นแจ้งความในฐานะที่เป็นผู้เสียหายก็เพิกเฉยละเลย เช่น กระทรวงการคลังไม่สนใจกรณีหวยบนดินที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เอาเงินไปใช้อย่างสนุกมือ ไม่มีบัญชี ไม่ส่งรายได้เข้ากระทรวงการคลัง กระทรวงการคลังก็ไม่สนใจ ไม่เดือดร้อน

นอกจากจะสิ้นสุดอายุการทำงานของ คตส.แล้ว ยังมีเรื่องที่จะต้องลุ้นระทึกกันอีกว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาสถานะของ คตส.เป็นประการใด หากศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า ประกาศคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินฯ ฉบับที่ 30 และการมีองค์กร คตส.ขัดกับรัฐธรรมนูญทั้งหลายทั้งปวงที่ คตส.ทำมาตั้งแต่เดือนตุลาคม 2549 ก็หายวับไปทันที

การตรวจสอบที่พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีเกี่ยวข้องกับการทุจริต 13 เรื่อง ค่าเสียหายมากกว่า 1.8 แสนล้านบาท จบลงทันที

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัวก็ไม่ต้องขึ้นศาลอีก เงินที่ถูกอายัดไว้ 6 หมื่นล้านบาท ก็จะได้รับคืน

อาจจะเหนื่อยกับ ป.ป.ช.ต่อไป แต่ก็ต้องถือว่าเป็นเรื่องที่เบาแรง ตราบที่ยังมีพรรคพลังประชาชนเป็นแกนในการจัดตั้งรัฐบาล มีนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรีหุ่น มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มีนายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่ทำตัวเป็นสุนัขรับใช้ที่ซื่อสัตย์ จงรักภักดีไม่เสื่อมคลาย

นั่นอาจจะเป็นการมองโลกในแง่ร้ายไปหน่อย

ศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้น่าจะแตกต่างไปจากศาลรัฐธรรมนูญชุดที่เคยพิจารณาการซุกหุ้นภาคแรกของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

นอกจากนี้ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งยังจะพิจารณาคดีนายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนที่ กกต.มีมติด้วยเสียงข้างมากว่าทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ถ้าหากศาลเห็นด้วยกับ กกต.นายยงยุทธ ติยะไพรัช รองหัวหน้าพรรคพลังประชาชนก็จะต้องถูกลงโทษ

กรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน ก็จะต้องถูกลงโทษด้วย

อำนาจรัฐที่อยู่ในมือของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผ่านหุ่นหรือนอมินีของเขาก็จะถูกเปลี่ยนมือที่เคยคิดและฝันเอาไว้ว่าทุกอย่างช่างง่ายดายเสียเต็มประดา เพียงหาผู้สมัครรับเลือกตั้งทุ่มเทแรงกายแรงเงินเอาชนะการเลือกตั้ง แล้วก็จะได้อำนาจรัฐ ก็เห็นจะไม่ง่ายอย่างนั้น

นี่นับว่าฟ้ามีตา!

อย่าว่าแต่การชุมนุมของประชาชนโดยที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เป็นฝ่ายนำอยู่ในขณะนี้ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล

แต่ละวัน แต่ละคืนเป็นการอภิปรายไม่ไว้วางใจไม่แต่รัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช และบรรดาคณะรัฐมนตรีหุ่นเท่านั้น หาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็เป็นเป้า และเป้าอันสำคัญของการอภิปรายอีกด้วย

เป็นการอภิปรายข้ามวันข้ามคืน ข้ามสัปดาห์ และอาจจะข้ามเดือนของประชาชนที่สะพานมัฆวานฯ และข้างหน้าทำเนียบรัฐบาลขณะนี้ ส่งผลให้ประชาชนทั่วทั้งประเทศได้เห็นความพิกลพิการของรัฐบาลหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช อย่างล่อนจ้อน

ไม่ว่าจะมีการทุ่มเทเงินสักกี่พันกี่หมื่นล้านเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง ก็อย่าหวังว่าจะกลับสู่อำนาจได้อีก

ถ้าหากนายสมัคร สุนทรเวช ถอดใจลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ก็อย่าได้คาดหวังว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ผู้เป็นน้องเขยจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ง่ายๆ นอกจากขวากหนามอันสำคัญคือ คำพิพากษาคดีนายยงยุทธ์ ติยะไพรัช แล้ว ความรู้สึกของประชาชนที่ได้รับรู้พฤติกรรมพฤติการณ์ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็จะรับไม่ได้อีกด้วย

คตส.จะสิ้นสุดการทำงานในวันที่ 30 มิถุนายนนี้แล้ว เป็นการสิ้นสุดภารกิจที่หนักหน่วย เหนื่อยยาก และน่าเห็นอกเห็นใจ

พวกเขายังมีคดีความที่ถูกฟ้องร้องอยู่ 16 คดี

คดีความทั้ง 16 คดีนั้นเรียกค่าเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท

พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หัวหน้าคณะปฏิรูปฯ และคณะปฏิรูปฯ ต่างก็สบายไปแล้ว พ้นหน้าที่ พ้นความรับผิดชอบไปแล้ว

จะมีอยู่ก็แต่ประชาชนที่รักชาติ รักบ้าน รักเมือง รักความเป็นธรรม ห่วงใย คตส.

หวังว่าธรรมจะรักษาผู้ประพฤติธรรม

กำลังโหลดความคิดเห็น