ผู้จัดการรายวัน-โรงสีแห่เข้าโครงการเพิ่มหลังปรับหลักเกณฑ์ใหม่ แจงเหตุเปิดรับจำนำน้อยสัปดาห์แรกแค่ 76 จุด เพราะรอแบงก์การันตีและต้องให้ผู้ว่าฯเข้าตรวจสอบก่อน ส่งผลมีข้าวจำนำแค่ 1.5 หมื่นตันอ้างส่งผลดีทำให้ราคาข้าวในตลาดปรับขึ้นมาตันละพันบาท
นายประกิต เชวงนิรันดร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนโยบายรัฐ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากธ.ก.ส.มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ในการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะการปรับเพิ่มค่าสีข้าวจาก 400 บาทเป็น 550 บาทต่อตัน ส่งผลให้ล่าสุดมีโรงสีสมัครเข้าโครงการและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วเพิ่มจาก 223 โรงเป็น 286 โรง แบ่งเป็นโรงสีที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การคลังสินค้า(อคส.) 177 โรงและโรงสีที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)อีก 109 โรง โดยระหว่างนี้ยังเปิดให้ขึ้นทะเบียนไปเรื่อยๆเพราะยังมีโรงสีให้ความสนใจอีกหลายแห่ง
“การที่โรงสีเข้ามาร่วมมากขึ้นยิ่งเพิ่มความสะดวกให้เกษตรกรเพราะการอยู่ใกล้จุดจำนำทำให้เสียค่าขนส่งน้อยลง จึงยังเปิดรับเข้าโครงการเรื่อยๆ แต่สุดท้ายน่าจะมีไม่เกิน 300 แห่งซึ่งน่าจะเพียงพอใน 26 จังหวัด แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูข้าวที่จะออกมาในช่วงเดือนก.ค.และส.ค.ก่อน ซึ่งหากพื้นที่ใดมีข้าวจำนวนมากก็อาจเพิ่มจำนวนโรงสี เช่นที่ จังหวัด อยุธยา พิจิตร อ่างทอง สุพรรณ ที่น่าจะมีปริมาณข้าวมาก และอาจขยายไปในจังหวัดอื่นเพิ่มเติมด้วย”นายประกิต กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดรับจำนำในช่วงสัปดาห์แรกที่ผ่านมา จากข้อมูลวันที่ 20 มิ.ย.นั้นมีปริมาณข้าวที่รับจำนำทั้งสิ้น 15,253 ตัน จำนวนเกษตรกร 1,337 ราย วงเงิน 194 ล้านบาท จากการเปิดจุดรับจำนำล่าสุด 76 แห่ง ใน 25 จังหวัด โดยคาดว่าน่าจะเปิดได้ครบทุกจุดเดือนก.ค.นี้เพราะโรงสีส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการขอแบงก์การันตีเพื่อวางหลักประกัน และต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าไปตรวจสอบข้าวเดิมในโรงสีก่อนเพื่อจะได้แยกจากข้าวใหม่ให้ชัดเจนและต้องดำเนินการติดกล้องซีซีทีวีให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งจะประจวบเหมาะกับข้าวนาปรังที่จะออกมาช่วงเดือนก.ค.และส.ค.พอดี
“ที่เคยประเมินว่าภายใน 1 สัปดาห์จะเปิดรับจำนำได้ครบทุกจุดนั้นคงไม่สามารถทำได้เพราะหลายแห่งยังติดปัญหาเรื่องแบงก์การันตี ซึ่งเท่าที่ทราบมาขณะนี้แบงก์ยอมปล่อยให้แล้วต่อไปคงทยอยเปิดดำเนินการได้มากขึ้น แต่ถึงแม้จะเปิดได้ช้าก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะหลังจากเปิดโครงการมาประมาณ 1 สัปดาห์พบว่าราคาข้าวปรับขึ้นไปแล้วพันบาทต่อตัน ซึ่งเป็นผลทางจิตวิทยา โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในตลาดอยู่ที่ตันละ 1.3 หมื่นบาทแล้วเทียบกับราคาที่รับจำนำ 1.4 หมื่นบาทแต่ส่วนใหญ่ความชื้นเกิน15% ก็จะได้รับเงินอยู่ที่ 1.1-1.2 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก” นายประกิต กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังปิดรับจำนำข้าวนาปรังเดือนก.ย.นี้ หากรัฐบาลจะให้ธ.ก.ส.เข้าไปรับโครงการจำนำข้าวนาปีที่จะออกมาอีกมากช่วงปลายปีด้วยธนาคารก็มีความพร้อม แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายและราคาข้าวในตลาดด้วยหากราคาไม่ได้ปรับลดลงไปมากรัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงราคา
นายประกิต เชวงนิรันดร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการนโยบายรัฐ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า หลังจากธ.ก.ส.มีการปรับเปลี่ยนหลักเกณฑ์ใหม่ในการรับจำนำข้าวโดยเฉพาะการปรับเพิ่มค่าสีข้าวจาก 400 บาทเป็น 550 บาทต่อตัน ส่งผลให้ล่าสุดมีโรงสีสมัครเข้าโครงการและผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติแล้วเพิ่มจาก 223 โรงเป็น 286 โรง แบ่งเป็นโรงสีที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การคลังสินค้า(อคส.) 177 โรงและโรงสีที่ขึ้นทะเบียนกับองค์การตลาดเพื่อเกษตรกร(อ.ต.ก.)อีก 109 โรง โดยระหว่างนี้ยังเปิดให้ขึ้นทะเบียนไปเรื่อยๆเพราะยังมีโรงสีให้ความสนใจอีกหลายแห่ง
“การที่โรงสีเข้ามาร่วมมากขึ้นยิ่งเพิ่มความสะดวกให้เกษตรกรเพราะการอยู่ใกล้จุดจำนำทำให้เสียค่าขนส่งน้อยลง จึงยังเปิดรับเข้าโครงการเรื่อยๆ แต่สุดท้ายน่าจะมีไม่เกิน 300 แห่งซึ่งน่าจะเพียงพอใน 26 จังหวัด แต่ทั้งนี้คงต้องรอดูข้าวที่จะออกมาในช่วงเดือนก.ค.และส.ค.ก่อน ซึ่งหากพื้นที่ใดมีข้าวจำนวนมากก็อาจเพิ่มจำนวนโรงสี เช่นที่ จังหวัด อยุธยา พิจิตร อ่างทอง สุพรรณ ที่น่าจะมีปริมาณข้าวมาก และอาจขยายไปในจังหวัดอื่นเพิ่มเติมด้วย”นายประกิต กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังจากเปิดรับจำนำในช่วงสัปดาห์แรกที่ผ่านมา จากข้อมูลวันที่ 20 มิ.ย.นั้นมีปริมาณข้าวที่รับจำนำทั้งสิ้น 15,253 ตัน จำนวนเกษตรกร 1,337 ราย วงเงิน 194 ล้านบาท จากการเปิดจุดรับจำนำล่าสุด 76 แห่ง ใน 25 จังหวัด โดยคาดว่าน่าจะเปิดได้ครบทุกจุดเดือนก.ค.นี้เพราะโรงสีส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างการขอแบงก์การันตีเพื่อวางหลักประกัน และต้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเข้าไปตรวจสอบข้าวเดิมในโรงสีก่อนเพื่อจะได้แยกจากข้าวใหม่ให้ชัดเจนและต้องดำเนินการติดกล้องซีซีทีวีให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งจะประจวบเหมาะกับข้าวนาปรังที่จะออกมาช่วงเดือนก.ค.และส.ค.พอดี
“ที่เคยประเมินว่าภายใน 1 สัปดาห์จะเปิดรับจำนำได้ครบทุกจุดนั้นคงไม่สามารถทำได้เพราะหลายแห่งยังติดปัญหาเรื่องแบงก์การันตี ซึ่งเท่าที่ทราบมาขณะนี้แบงก์ยอมปล่อยให้แล้วต่อไปคงทยอยเปิดดำเนินการได้มากขึ้น แต่ถึงแม้จะเปิดได้ช้าก็ยังไม่ใช่ปัญหาใหญ่เพราะหลังจากเปิดโครงการมาประมาณ 1 สัปดาห์พบว่าราคาข้าวปรับขึ้นไปแล้วพันบาทต่อตัน ซึ่งเป็นผลทางจิตวิทยา โดยราคาข้าวเปลือกหอมมะลิในตลาดอยู่ที่ตันละ 1.3 หมื่นบาทแล้วเทียบกับราคาที่รับจำนำ 1.4 หมื่นบาทแต่ส่วนใหญ่ความชื้นเกิน15% ก็จะได้รับเงินอยู่ที่ 1.1-1.2 หมื่นบาท ซึ่งถือว่าไม่แตกต่างกันมากนัก” นายประกิต กล่าว
อย่างไรก็ตามหลังปิดรับจำนำข้าวนาปรังเดือนก.ย.นี้ หากรัฐบาลจะให้ธ.ก.ส.เข้าไปรับโครงการจำนำข้าวนาปีที่จะออกมาอีกมากช่วงปลายปีด้วยธนาคารก็มีความพร้อม แต่ขึ้นอยู่กับนโยบายและราคาข้าวในตลาดด้วยหากราคาไม่ได้ปรับลดลงไปมากรัฐบาลก็ไม่ควรเข้าไปแทรกแซงราคา
