8 สถานีโทรทัศน์เครือข่าย NBT ทั่วประเทศโวยผู้บริหาร "กรมกร๊วก" ยังทำตัวเป็นทาสผู้ซื่อสัตย์ต่อ "พ่อแม้ว" ประกาศเดินหน้าประเคนผลประโยชน์ให้ "ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง" ที่ร่วมผลิตรายการข่าวอีกระลอก ชี้เป็นไปตามแผนที่ "เพ็ญ" วางไว้ให้เดินสู่เฟสที่ 2 ดีเดย์ 1 ก.ค.นี้เปลี่ยนผังรายการยึดเวลาจากทุกสถานีภูมิภาคเพิ่มขึ้น ด้านคนข่าวต่างจังหวัดโอดอีกไม่นาน "สทท.11" เดิมจะกลายเป็นทีวีจอเดียวทั่วประเทศ สูญซึ่งมนต์เสน่ห์ความเป็นท้องถิ่นต่างๆ
แหล่งข่าวระดับบริหารระดับสูงในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ในภูมิภาค 1 ใน 8 สถานีเครือข่ายทั่วประเทศ เปิดเผย "ผู้จัดการออนไลน์" ว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้บริหารของกรมประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหาร NBT และมีมติให้เดินหน้าแผนปรับเปลี่ยนสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (สทท.11) สู่ภาพลักษณ์ใหม่ NBT ในเฟสที่ 2 ตามที่ได้มีการวางแผนไว้ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีการจัดผังรายการเกี่ยวกับช่วงเวลาการนำเสนอข้อมูลข่าวสารใหม่ ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลานำเสนอข่าวสารของทั้งในส่วนของ NBT ส่วนกลางและสถานีเครือข่ายทุกภูมิภาค
สำหรับแผนการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก สทท.11 สู่ความเป็น NBT เกิดขึ้นจากฝีมือของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสื่อในเครือข่ายของรัฐ โดยในเฟสแรกได้ดำเนินการไปอย่างเป็นที่ฮือฮาแล้ว พร้อมๆ กับการดึงเอาบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาร่วมผลิตรายการข่าวประจำในสถานีเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าบริษัทแห่งนี้ที่มีนายอดิศักดิ์ ชื่นชม นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เกิดจากการรวมตัวของทีมข่าวทีไอทีวีที่แนบสนิทกับระบอบทักษิณมาตั้งแต่สมัยเป็นไอทีวี แถมขั้นตอนการคัดเลือกก็เป็นไปแบบไม่โปร่งใส
ผู้บริหาร NBT ในภูมิภาคคนเดิม กล่าวด้วยว่า ตามแผนของนายจักรภพในเฟสแรกได้มีการลดทอนช่วงเวลาการนำเสนอข่าวท้องถิ่นของทั้ง 8 สถานี NBT ในภูมิภาค ประกอบด้วยจัหวัดขอนแก่น ,อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ ,พิษณุโลก ,สุราษฏร์ธานี ,สงขลา ,จันทบุรี และกาญจนบุรี มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยบังคับให้นำเวลาที่หายไปถ่ายทอดข่าวจากส่วนกลาง ซึ่งเวลานำเสนอข่าวเฉพาะท้องถิ่นที่หายไปส่งผลกระทบรายได้ของแต่ละสถานีด้วย แต่กลับไปเพิ่มเวลาให้บริษัท ดิจิตอล มีเดีย ผู้ร่วมผลิตข่าวในส่วนกลางนำไปขายเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
"การปรับเปลี่ยนในเฟส 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้นวันที่ 1 ก.ค.นี้ก็เช่นกัน NBT ส่วนกลางจะยึดเวลาจากทุก NBT เครือข่ายในภูมิภาคไปเพิ่มขึ้นอีกและความจริงไม่ใช่กระทบเฉพาะ 8 สถานีในภูมิภาคเท่านั้น เรื่องนี้ประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งก็อยู่ในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้รับผลกระทบด้วย เพราะช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของจังหวัดที่เป็นหน้าที่ โดยตรงจะลดน้อยลงได้ด้วย ในอนาคตเชื่อว่าเขาคงจะฮุบเอาเวลานำเสนอข่าวท้องถิ่นของศูนย์ภูมิภาคไปจนหมด ต่อไปช่อง NBT จะเป็นจอเดียวกันทั้งประเทศ" แหล่งข่าวกล่าว และเสริมว่า
เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสถานี NBT ทั้ง 8 สถานีและประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ นั้น เครือข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ในภูมิภาคต่างๆ ได้เคยมีการหารือถึงทางออกกันแล้ว เพราะหากปล่อยให้แผนฮุบ NBT ของฝ่ายการเมืองดำเนินต่อไปก็จะผลัก NBT ลงเหวสู่วิกฤตได้ ทั้งนี้ ทางออกทางหนึ่งที่อาจจะถูกหยิบยกมาใช้ตอบโต้คือ การเกิดขึ้นของ สทท.11 ทั้ง 8 สถานีมี พ.ร.บ.รับรอง วันหนึ่งหากถูกยึดเวลาไปทั้งหมดก็อาจจะประกาศปลดแอกเป็นสถานีทีวีเอกเทศจากกรมประชาสัมพันธ์เลยก็ได้
ปัจจุบัน NBT มีการจัดสรรเวลาให้แก่สถานี NBT ทั้ง 8 สถานีในภูมิภาคไปดำเนินรายการที่เกี่ยวกับข่าวเอง ประกอบด้วยวันจันทร์-ศุกร์ ได้รับจัดสรรเวลาให้ 2 ช่วง รวม 4 ชั่วโมง/วันคือ เวลา 08.00-09.00 น. และเวลา 15.00-18.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ได้รับจัดสรรเวลาช่วงเดียวครึ่งชั่วโมง/วันคือ เวลา 17.30-18.00 น.แต่นับจากวันที่ 1 ก.ค.นี้จะลดลงเป็นวันจันทร์-ศุกร์ เหลือเพียง 2 ชั่วโมง/วันคือ เวลา 15.00-17.00 น. สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีการจัดสรรให้อีกต่อไป
" ในส่วนของข่าวภูมิภาคจากจังหวัดต่างๆ ที่หายไปเขาก็มีแผนสร้างภาพลวงตาให้ประชาชนผู้ชมไม่รู้สึกกระทบ ด้วยการการกำหนดให้ระหว่างเวลา 17.00-17.30 น. ของทุกวันเป็นรายการจากสนามข่าวภูมิภาค โดย 15 นาทีแรกเป็นข่าวที่ส่งจาก NBT ของ 8 สถานีภูมิภาค ที่เหลือ 15 นาทีหลังเป็นสกู๊ปข่าวจาก 8 สถานีอีกเช่นกัน แต่ถามว่าช่วงเวลาเท่านี้จะรายงานข่าวจากภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน แล้ววันหนึ่งจะได้ครบทั้ง 8 สถานีภูมิภาคหรือไม่ เอาแค่วันละ 3 สถานีก็แทบจะไม่มีเวลาพอแล้ว นี่คือภาพลวงตา"
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในภาพที่เขาสร้างไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าข่าวภูมิภาคหายไปนั้น ในส่วนของผลประโยชน์กลับแฝงเร้นยิ่งกว่าเสียอีก เพราะในช่วงเวลาที่ถูก NBT ส่วนกลางดึงไปและบังคับให้รับภาพส่วนกลางมาเผยแพร่นั้น ถือว่าได้เพิ่มรายได้ให้กับการขายโฆษณาในส่วนกลางมหาศาล ทั้งในส่วนของเวลาที่ยึดไปขายได้เพิ่มขึ้น และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวจากการขาย เนื่องจากขอบเขตการแพร่ภาพจากที่เคยจำกัดอยู่เพียงจุดเดียว ได้ขยายขอบข่ายเป็นทั่วประเทศ
"อยากชี้ให้เห็นเป็นรูปธรรมดังนี้ อย่างรายการจากสนามข่าวภูมิภาค แต่ก่อนสถานี NBT ทั้ง 8 สถานีในภูมิภาครับไปดำเนินการเอง ต่างฝ่ายต่างก็ไปขายเวลากันเอง ส่วนกลางก็ขายเวลาได้เฉพาะที่แพร่ภาพในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น แต่ภายหลังดึงให้ NBT ส่วนกลางจัดการทั้งหมด 8 สถานีภูมิภาคไม่สามารถนำเวลาไปขายได้ ขณะที่ NBT ส่วนกลางขายได้และขอบขายแพร่ภาพเป็นทั่วประเทศ เช่น 1 นาทีเคยขายได้ 1 หมื่นบาท แต่พอยึดเวลาจากภูมิภาคไปดำเนินการเองกลับขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 นาทีราคากว่า 5 หมื่นบาท เป็นต้น นี่คืดตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นชัดเจน"
ด้านผู้สื่อข่าว NBT ในภูมิภาครายหนึ่งกล่าวเสริมว่า ตนทราบมาว่าทีแรกผู้บริหารในส่วนกลางมีแผนจะยึดเวลาจาก 8 สถานีภูมิภาคทั้งหมด แต่กรากฏว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในกรุงเทพฯเวลานี้ ได้มีการนำเรื่องนักการเมืองวางแผนยึดและกอบโกยผลประโยชน์จาก NBT ไปกล่าวถึง จึงเกิดความกลัวว่าจะถูกนำไปขยายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและกระทบรัฐบาล จึงยังยั้งการดำเนินตามแผนไว้ ในเฟส 2 แทนที่จะฮุบทั้งหมดก็ใช้วิธีค่อยๆ ตีกินไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าว NBT คนเดียวกันนี้ยังกล่าวอีกว่า เชื้อว่าในอีกไม่นานนี้จะมีปฏิกิริยาตอบโต้จากคนใน NBT เองที่รักความเป็นธรรม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จะสถานี NBT ทั้ง 8 แห่งในภูมิภาค เพราะถ้าปล่อยให้ยึดเวลาทั้งหมดไปประเคนให้กับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง แล้วต่อไปสถานี NBT ในภูมิภาคทั้ง 8 แห่งจะมีอยู่ได้อย่างไร โดยเฉพาะศักดิ์ในความเป็นสื่อมวลชนตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ
แหล่งข่าวระดับบริหารระดับสูงในสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ในภูมิภาค 1 ใน 8 สถานีเครือข่ายทั่วประเทศ เปิดเผย "ผู้จัดการออนไลน์" ว่า เมื่อไม่กี่วันมานี้ผู้บริหารของกรมประชาสัมพันธ์ ได้ร่วมประชุมกับผู้บริหาร NBT และมีมติให้เดินหน้าแผนปรับเปลี่ยนสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย ช่อง 11 (สทท.11) สู่ภาพลักษณ์ใหม่ NBT ในเฟสที่ 2 ตามที่ได้มีการวางแผนไว้ โดยนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไปจะมีการจัดผังรายการเกี่ยวกับช่วงเวลาการนำเสนอข้อมูลข่าวสารใหม่ ซึ่งต้องมีการปรับเปลี่ยนเวลานำเสนอข่าวสารของทั้งในส่วนของ NBT ส่วนกลางและสถานีเครือข่ายทุกภูมิภาค
สำหรับแผนการปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์จาก สทท.11 สู่ความเป็น NBT เกิดขึ้นจากฝีมือของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลสื่อในเครือข่ายของรัฐ โดยในเฟสแรกได้ดำเนินการไปอย่างเป็นที่ฮือฮาแล้ว พร้อมๆ กับการดึงเอาบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง จำกัด เข้ามาร่วมผลิตรายการข่าวประจำในสถานีเป็นเวลา 2 ปี ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่ทราบกันว่าบริษัทแห่งนี้ที่มีนายอดิศักดิ์ ชื่นชม นั่งเป็นกรรมการผู้จัดการ เกิดจากการรวมตัวของทีมข่าวทีไอทีวีที่แนบสนิทกับระบอบทักษิณมาตั้งแต่สมัยเป็นไอทีวี แถมขั้นตอนการคัดเลือกก็เป็นไปแบบไม่โปร่งใส
ผู้บริหาร NBT ในภูมิภาคคนเดิม กล่าวด้วยว่า ตามแผนของนายจักรภพในเฟสแรกได้มีการลดทอนช่วงเวลาการนำเสนอข่าวท้องถิ่นของทั้ง 8 สถานี NBT ในภูมิภาค ประกอบด้วยจัหวัดขอนแก่น ,อุบลราชธานี ,เชียงใหม่ ,พิษณุโลก ,สุราษฏร์ธานี ,สงขลา ,จันทบุรี และกาญจนบุรี มาแล้วครั้งหนึ่ง โดยบังคับให้นำเวลาที่หายไปถ่ายทอดข่าวจากส่วนกลาง ซึ่งเวลานำเสนอข่าวเฉพาะท้องถิ่นที่หายไปส่งผลกระทบรายได้ของแต่ละสถานีด้วย แต่กลับไปเพิ่มเวลาให้บริษัท ดิจิตอล มีเดีย ผู้ร่วมผลิตข่าวในส่วนกลางนำไปขายเพื่อหารายได้เพิ่มขึ้น
"การปรับเปลี่ยนในเฟส 2 ที่กำลังจะเกิดขึ้นวันที่ 1 ก.ค.นี้ก็เช่นกัน NBT ส่วนกลางจะยึดเวลาจากทุก NBT เครือข่ายในภูมิภาคไปเพิ่มขึ้นอีกและความจริงไม่ใช่กระทบเฉพาะ 8 สถานีในภูมิภาคเท่านั้น เรื่องนี้ประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ ซึ่งก็อยู่ในสังกัดกรมประชาสัมพันธ์ก็ได้รับผลกระทบด้วย เพราะช่องทางในการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารของจังหวัดที่เป็นหน้าที่ โดยตรงจะลดน้อยลงได้ด้วย ในอนาคตเชื่อว่าเขาคงจะฮุบเอาเวลานำเสนอข่าวท้องถิ่นของศูนย์ภูมิภาคไปจนหมด ต่อไปช่อง NBT จะเป็นจอเดียวกันทั้งประเทศ" แหล่งข่าวกล่าว และเสริมว่า
เกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นกับสถานี NBT ทั้ง 8 สถานีและประชาสัมพันธ์จังหวัดต่างๆ นั้น เครือข่าวของกรมประชาสัมพันธ์ในภูมิภาคต่างๆ ได้เคยมีการหารือถึงทางออกกันแล้ว เพราะหากปล่อยให้แผนฮุบ NBT ของฝ่ายการเมืองดำเนินต่อไปก็จะผลัก NBT ลงเหวสู่วิกฤตได้ ทั้งนี้ ทางออกทางหนึ่งที่อาจจะถูกหยิบยกมาใช้ตอบโต้คือ การเกิดขึ้นของ สทท.11 ทั้ง 8 สถานีมี พ.ร.บ.รับรอง วันหนึ่งหากถูกยึดเวลาไปทั้งหมดก็อาจจะประกาศปลดแอกเป็นสถานีทีวีเอกเทศจากกรมประชาสัมพันธ์เลยก็ได้
ปัจจุบัน NBT มีการจัดสรรเวลาให้แก่สถานี NBT ทั้ง 8 สถานีในภูมิภาคไปดำเนินรายการที่เกี่ยวกับข่าวเอง ประกอบด้วยวันจันทร์-ศุกร์ ได้รับจัดสรรเวลาให้ 2 ช่วง รวม 4 ชั่วโมง/วันคือ เวลา 08.00-09.00 น. และเวลา 15.00-18.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ ได้รับจัดสรรเวลาช่วงเดียวครึ่งชั่วโมง/วันคือ เวลา 17.30-18.00 น.แต่นับจากวันที่ 1 ก.ค.นี้จะลดลงเป็นวันจันทร์-ศุกร์ เหลือเพียง 2 ชั่วโมง/วันคือ เวลา 15.00-17.00 น. สำหรับวันเสาร์-อาทิตย์ไม่มีการจัดสรรให้อีกต่อไป
" ในส่วนของข่าวภูมิภาคจากจังหวัดต่างๆ ที่หายไปเขาก็มีแผนสร้างภาพลวงตาให้ประชาชนผู้ชมไม่รู้สึกกระทบ ด้วยการการกำหนดให้ระหว่างเวลา 17.00-17.30 น. ของทุกวันเป็นรายการจากสนามข่าวภูมิภาค โดย 15 นาทีแรกเป็นข่าวที่ส่งจาก NBT ของ 8 สถานีภูมิภาค ที่เหลือ 15 นาทีหลังเป็นสกู๊ปข่าวจาก 8 สถานีอีกเช่นกัน แต่ถามว่าช่วงเวลาเท่านี้จะรายงานข่าวจากภูมิภาคหรือจังหวัดต่างๆ ได้มากน้อยแค่ไหน แล้ววันหนึ่งจะได้ครบทั้ง 8 สถานีภูมิภาคหรือไม่ เอาแค่วันละ 3 สถานีก็แทบจะไม่มีเวลาพอแล้ว นี่คือภาพลวงตา"
แหล่งข่าวคนเดิมกล่าวเพิ่มเติมด้วยว่า ในภาพที่เขาสร้างไม่ให้ประชาชนรู้สึกว่าข่าวภูมิภาคหายไปนั้น ในส่วนของผลประโยชน์กลับแฝงเร้นยิ่งกว่าเสียอีก เพราะในช่วงเวลาที่ถูก NBT ส่วนกลางดึงไปและบังคับให้รับภาพส่วนกลางมาเผยแพร่นั้น ถือว่าได้เพิ่มรายได้ให้กับการขายโฆษณาในส่วนกลางมหาศาล ทั้งในส่วนของเวลาที่ยึดไปขายได้เพิ่มขึ้น และมูลค่าที่เพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าตัวจากการขาย เนื่องจากขอบเขตการแพร่ภาพจากที่เคยจำกัดอยู่เพียงจุดเดียว ได้ขยายขอบข่ายเป็นทั่วประเทศ
"อยากชี้ให้เห็นเป็นรูปธรรมดังนี้ อย่างรายการจากสนามข่าวภูมิภาค แต่ก่อนสถานี NBT ทั้ง 8 สถานีในภูมิภาครับไปดำเนินการเอง ต่างฝ่ายต่างก็ไปขายเวลากันเอง ส่วนกลางก็ขายเวลาได้เฉพาะที่แพร่ภาพในกรุงเทพฯและปริมณฑลเท่านั้น แต่ภายหลังดึงให้ NBT ส่วนกลางจัดการทั้งหมด 8 สถานีภูมิภาคไม่สามารถนำเวลาไปขายได้ ขณะที่ NBT ส่วนกลางขายได้และขอบขายแพร่ภาพเป็นทั่วประเทศ เช่น 1 นาทีเคยขายได้ 1 หมื่นบาท แต่พอยึดเวลาจากภูมิภาคไปดำเนินการเองกลับขายได้เพิ่มขึ้นเป็น 1 นาทีราคากว่า 5 หมื่นบาท เป็นต้น นี่คืดตัวอย่างที่ชี้ให้เห็นชัดเจน"
ด้านผู้สื่อข่าว NBT ในภูมิภาครายหนึ่งกล่าวเสริมว่า ตนทราบมาว่าทีแรกผู้บริหารในส่วนกลางมีแผนจะยึดเวลาจาก 8 สถานีภูมิภาคทั้งหมด แต่กรากฏว่ากลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่กำลังชุมนุมกันอยู่ที่สะพานมัฆวานรังสรรค์ ในกรุงเทพฯเวลานี้ ได้มีการนำเรื่องนักการเมืองวางแผนยึดและกอบโกยผลประโยชน์จาก NBT ไปกล่าวถึง จึงเกิดความกลัวว่าจะถูกนำไปขยายเป็นเรื่องราวใหญ่โตและกระทบรัฐบาล จึงยังยั้งการดำเนินตามแผนไว้ ในเฟส 2 แทนที่จะฮุบทั้งหมดก็ใช้วิธีค่อยๆ ตีกินไปเรื่อยๆ
ผู้สื่อข่าว NBT คนเดียวกันนี้ยังกล่าวอีกว่า เชื้อว่าในอีกไม่นานนี้จะมีปฏิกิริยาตอบโต้จากคนใน NBT เองที่รักความเป็นธรรม โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่จะสถานี NBT ทั้ง 8 แห่งในภูมิภาค เพราะถ้าปล่อยให้ยึดเวลาทั้งหมดไปประเคนให้กับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย โฮลดิ้ง แล้วต่อไปสถานี NBT ในภูมิภาคทั้ง 8 แห่งจะมีอยู่ได้อย่างไร โดยเฉพาะศักดิ์ในความเป็นสื่อมวลชนตามที่บัญญัติในรัฐธรรมนูญ