กาฬสินธุ์ - ผู้ว่าฯกาฬสินธุ์เผยโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำเขื่อนลำปาว เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและแก้ปัญหาอุทกภัยคืบหน้าไปแล้ว 17% มั่นใจหากโครงการแล้วเสร็จสามารถแก้ปัญหาอุทกภัยซ้ำซากท้ายเขื่อนได้ 46,900 ไร่ ขยายพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้งได้อีก 56,500 ไร่
นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ได้รับการรายงานจากคณะผู้ดำเนินการโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำเขื่อนลำปาวว่า ขณะนี้การดำเนินงานของโครงการฯเร็วกว่ากำหนดเป็นอย่างมาก โดยคืบหน้าไปแล้วกว่า 17% อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามกำหนดภายในปี 2553 ก็จะสามารถลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยช่วงฤดูฝนในด้านพืชผลการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ทรัพย์สินปลูกสร้างของประชาชนที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ รวมไปถึงพื้นที่ลุ่มน้ำชีในเขต จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากได้รวมประมาณ 46,900 ไร่ต่อปี ซึ่งจะลดความเสียหายไปได้ประมาณ 140 ล้านบาท
นอกจากนี้ โครงการปรับปรุงดังกล่าวนอกจากจะสามารถสร้างหลักประกันในเรื่องปริมาณน้ำที่จะทำให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถขยายพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้ง ในพื้นที่ของโครงการได้เพิ่มขึ้นอีก 56,500 ไร่ รวมเป็น 236,500 ไร่ จากเดิมสามารถส่งน้ำให้แก่เกษตรกรในช่วงฤดูแล้งได้เพียง 180,000 ไร่
นายเดชา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน ดังนั้น จึงได้สั่งการไปยังอำเภอต่างๆ ที่มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมให้จัดเตรียมอุปกรณ์ บุคลากรไว้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประกาศข่าวความเคลื่อนไหวเรื่องการแจ้งเตือนภัยต่างๆ ของราชการทางหอกระจายข่าวให้ประชาชนรับทราบทุกวันอีกด้วย
นายเดชา ตันติยวรงค์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า ได้รับการรายงานจากคณะผู้ดำเนินการโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำเขื่อนลำปาวว่า ขณะนี้การดำเนินงานของโครงการฯเร็วกว่ากำหนดเป็นอย่างมาก โดยคืบหน้าไปแล้วกว่า 17% อย่างไรก็ตาม หากโครงการดังกล่าวแล้วเสร็จตามกำหนดภายในปี 2553 ก็จะสามารถลดความเสียหายจากปัญหาอุทกภัยช่วงฤดูฝนในด้านพืชผลการเกษตร ประมง ปศุสัตว์ ทรัพย์สินปลูกสร้างของประชาชนที่อยู่บริเวณท้ายเขื่อนในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ รวมไปถึงพื้นที่ลุ่มน้ำชีในเขต จ.ร้อยเอ็ด และ จ.ยโสธร ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากได้รวมประมาณ 46,900 ไร่ต่อปี ซึ่งจะลดความเสียหายไปได้ประมาณ 140 ล้านบาท
นอกจากนี้ โครงการปรับปรุงดังกล่าวนอกจากจะสามารถสร้างหลักประกันในเรื่องปริมาณน้ำที่จะทำให้การบริหารจัดการน้ำมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถขยายพื้นที่ชลประทานในฤดูแล้ง ในพื้นที่ของโครงการได้เพิ่มขึ้นอีก 56,500 ไร่ รวมเป็น 236,500 ไร่ จากเดิมสามารถส่งน้ำให้แก่เกษตรกรในช่วงฤดูแล้งได้เพียง 180,000 ไร่
นายเดชา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้อยู่ในช่วงฤดูฝน ดังนั้น จึงได้สั่งการไปยังอำเภอต่างๆ ที่มีพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วมให้จัดเตรียมอุปกรณ์ บุคลากรไว้ช่วยเหลือประชาชนหากเกิดปัญหาอุทกภัยขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ประกาศข่าวความเคลื่อนไหวเรื่องการแจ้งเตือนภัยต่างๆ ของราชการทางหอกระจายข่าวให้ประชาชนรับทราบทุกวันอีกด้วย