xs
xsm
sm
md
lg

ติดสินบนศาล...ย้อนผลาญอธรรม!

เผยแพร่:   โดย: สิริอัญญา

ในบทความอันเป็นบทบอกกล่าวสงกรานต์ปี 2551 นี้ ได้เคยเกริ่นไว้แล้วว่านางสงกรานต์เวรปีนี้ทรงจักรซึ่งเป็นมหาเทพศาสตราวุธแห่งองค์พระนารายณ์ สำหรับใช้ปราบมารและอธรรมทั้งหลายให้สิ้นสูญ เสด็จไสยาสน์ลืมตามาบนหลังพญาครุฑ

แล้วยังระบุอีกว่า ปี 2551 นี้ “ราหูเป็นดาวร้าย มีกำลังแรงกล้า และส่งแรงหนุนกันอยู่กับพระเสาร์ สถานการณ์จึงได้รับการกล่าวขานว่าเป็นยุคอันธพาลครองเมือง”

“ดังนั้นการที่สัญลักษณ์ของพระนารายณ์ซึ่งเป็นมหาเทพแห่งตรีมูรติปรากฏขึ้นตั้งแต่วันสงกรานต์นี้ โดยทั้งพญาครุฑและจักรประจำพระองค์ปรากฏขึ้นเช่นนี้ ก็เป็นที่หมายว่าราหูตัวร้ายคงจะถูกทำลายลง”

และจะต้องคอยดูกันต่อไปว่าบทพยากรณ์อีกบทหนึ่งในเรื่องเดียวกันนี้ที่ว่า “อำนาจอธรรมหรืออันธพาลที่ครองเมืองอยู่ย่อมจะเสื่อมเสียอำนาจไป ข้าราชการในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะพร้อมใจร่วมกับประชาชนกอบกู้ฟื้นฟูบ้านเมือง และฟื้นคืนเกียรติภูมิศักดิ์ศรีฐานะ และหน้าที่การงานในราชการขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง”


และยังมีอีกบทหนึ่งที่พยากรณ์ว่า “หมู่มารจะแตกแยกกันเป็นการใหญ่ในสาเหตุหลายสถาน ทำให้อ่อนแรงล้ากำลังลง และจะเป็นฝ่ายปราชัยในที่สุด”

แล้วเป็นยังไง? บทบอกสงกรานต์ลงตีพิมพ์เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2551 มาถึงวันนี้ก็ปรากฏแนวโน้มให้เห็นชัดขึ้นทุกทีแล้วไม่ใช่หรือว่าสถานการณ์บ้านเมืองเป็นดังบทพยากรณ์สงกรานต์หรือไม่?

การตื่นตัวขึ้นของประชาชนผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ทั้งในกรุงเทพฯ ในต่างจังหวัดและในประเทศต่างๆ ทั่วโลกเป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนเลย

ประชาชนผู้จงรักภักดีต่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ที่มีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเป็นแกนนำได้ผนึกกำลังกันชูธงคำขวัญ “โค่นระบอบทักษิณ ขับไล่รัฐบาลหุ่นเชิด” โดยมีเป้าหมายใหญ่คือ “ปกป้องและพิทักษ์รักษาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”

ประชาชนในขอบเขตทั่วประเทศได้ตื่นขึ้นแล้ว ลุกขึ้นมาต่อสู้ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อันเป็นที่เคารพสักการะสูงสุดของพวกเขาแล้ว และมีแต่จะขยายตัวเข้มแข็งแกร่งกล้ามากขึ้นทุกที

ส่อให้เห็นแนวโน้มว่าการต่อสู้ทวงอำนาจคืนของประชาชนเพื่อธำรงและฟื้นฟูการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอันเป็นลักษณะพิเศษของประเทศไทยกำลังจะปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในโลก

แต่ไม่ใช่การปฏิวัติแดงแบบการปฏิวัติวัฒนธรรมในประเทศจีน ซึ่งคนบางพวกกำลังลอกเลียนแบบจะเอามาใช้ในประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นสาธารณรัฐ และเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเป็นระบอบอื่น

หากดูสัญลักษณ์สีเหลืองแห่งพระมหากษัตริย์ที่อร่ามรุ่งเรืองในทุกแห่งหนแล้ว ก็เป็นไปได้ว่านี่คือการเริ่มต้นของการปฏิวัติเหลือง คือการทวงอำนาจอธิปไตยของประชาชนเพื่อพิทักษ์รักษาการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขและกำจัดระบอบมารอย่างถึงที่สุด

ราชอาณาจักรนี้ศักดิ์สิทธิ์ พระสยามเทวาธิราชมีจริง เป็นคำกล่าวขวัญที่ระบือลือลั่นมานานแล้ว เพราะเหตุนี้หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่คิดว่ามันจะเกิดมันก็เกิด หลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่คาดฝันว่าจะปรากฏก็ปรากฏขึ้น

แล้วทำให้แผนชั่วร้ายหลายประการที่มุ่งกระทำต่อประเทศชาติราชบัลลังก์ และอาณาประชาราษฎรต้องพังพินาศไป นี่แหละที่เรียกว่าความคิดเป็นของคน ความสำเร็จเป็นของฟ้า

ในขณะที่รัฐบาลหุ่นเชิดกำลังฟื้นรัฐตำรวจและก่อกรรมทำเข็ญแก่ประเทศชาติและประชาชนอย่างขนานใหญ่ แต่กลับไม่ราบรื่นเอาเสียเลย ดังที่นายสมัคร สุนทรเวช ได้กล่าวว่าทุกอย่างกำลังดำเนินมาดี ๆ แล้วต้องมาสะดุดลงเพราะการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย

ก็เพราะการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรื่องเลวร้ายในแผ่นดินจึงถูกเปิดโปงออกมาไม่เว้นในแต่ละวัน และบางเรื่องก็เป็นเรื่องที่ฟ้าดินเป็นใจเปิดโปงเสียด้วยซ้ำไป เรียกว่าฟ้าเป็นใจพิทักษ์ธรรมก็ได้

กรณีที่ว่านี้เห็นได้ชัดจากสองเรื่อง

เรื่องแรก คือกรณีไอ้โม่งซึ่งมีอาชีพเป็นทนายความและเคยเป็นทนายความของนักการเมืองใหญ่นำเงินจำนวน 2 ล้านบาทใส่กล่องขนมไปฝากไว้ที่เจ้าหน้าที่ศาลฎีกาเพื่อมอบให้กับผู้พิพากษา ซึ่งตอนแรกมีข่าวว่าเป็นผู้พิพากษาในแผนกคดีอาญาของนักการเมือง แล้วความเกิดแตกขึ้นโดยบังเอิญ

นำไปสู่การไต่สวนของศาลฎีกาเพื่อตรวจสอบถึงการกระทำความผิดเรื่องนี้ เพราะกรณีถือว่าเป็นการติดสินบนศาล และอย่างน้อยที่สุดก็เป็นการละเมิดอำนาจศาล

และบัดนี้ก็รู้ตัวคนแล้วว่าทนายโม่งเป็นใคร? พร้อมทั้งมีการเปิดเผยข้อเถียงของทนายโม่งว่าเป็นการสำคัญผิดหยิบกล่องผิด ซึ่งฟังไม่ขึ้นแม้แต่น้อย ดังนั้นในไม่กี่วันข้างหน้านี้ก็คงได้เห็นการจำคุกทนายความบางคนที่ละเมิดอำนาจศาล และคราวนี้เป็นการกระทำที่อุกอาจบ่อนทำลายศาลสถิตยุติธรรม ย่อมยากที่ศาลจะเมตตาคนชั่วเช่นนั้น กรณีจึงน่าจะคิดคุกแน่ๆ

แต่ทว่าจู่ๆ ทนายความจะเอาเงินส่วนตัว 2 ล้านบาทไปทำเช่นนี้ย่อมเป็นไปไม่ได้ ตรงนี้แหละจะได้คอยดูความศักดิ์สิทธิ์ของพระสยามเทวาธิราชหรืออิทธิฤทธิ์แห่งจักรพระนารายณ์อีกครั้งหนึ่งว่าจะสืบสาวเอาตัวไอ้โม่งเจ้าของเงินมาลงโทษจำคุกตามทนายความ และถูกดำเนินคดีในฐานติดสินบนตุลาการหรือไม่

เห็นหรือยังว่าเรื่องที่ไม่ควรเกิดก็เกิดขึ้น เรื่องที่ปกติจะไม่มีใครรู้เห็นก็เกิดความแตกขึ้นมาดื้อๆ นี่เพราะอันใดกันเล่า? หากมิใช่เพราะความศักดิ์สิทธิ์ของพระสยามเทวาธิราช

เรื่องที่สอง การปลอมหลักฐานเท็จในคดีโกงเลือกตั้งแล้วนำไปยื่นต่อศาลฎีกาแผนกเลือกตั้งเพื่อทำลายน้ำหนักของพยานปากเอกแห่งคดีว่าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ จึงต้องการทำลายพรรคพลังประชาชน

แล้วความเกิดแตกขึ้นมาว่าหลักฐานที่ กกต. ทำให้เพื่อยื่นต่อศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของนักการเมืองนั้นเป็นเอกสารเท็จ และเป็นเท็จหลายสถาน คือ

เท็จหนึ่ง เจ้าหน้าที่ กกต.ในสายสืบสวนสอบสวนที่ลงชื่อไปถึงหน่วยงานในสายบริหารการเลือกตั้งไม่ได้ลงนามในหนังสือนั้นเอง แต่เจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งปลอมลายมือชื่อของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นซึ่งในวันนั้นเบิกความอยู่ที่ศาลทั้งวัน

เท็จสอง เจ้าหน้าที่ กกต.ที่ลงนามในเอกสารของ กกต.ว่ากำนันพยานปากเอกเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ได้ปฏิเสธว่าไม่ได้ลงชื่อในเอกสารนั้น แต่มีเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งเป็นผู้ปลอมลายมือชื่อ และคนที่เป็นคนปลอมลายมือชื่อก็สำนึกผิดขึ้นมายอมรับสารภาพแต่โดยดีแล้ว

เท็จสาม มีการอ้างเอกสารเท็จดังกล่าวเป็นพยานเอกสารส่งต่อศาล และนำสืบข้อเท็จจริงในคดี

สามเท็จสามกรณีจึงเป็นเรื่องใหญ่ไปแล้ว และเป็นความผิดกฎหมายมากมายหลายเรื่อง เช่น

ผิดแรก คนที่ทำการปลอมลายมือชื่อในเอกสารราชการย่อมมีความผิดทางอาญาและมีโทษสถานหนัก และเป็นเอกสารราชการที่ทำเท็จขึ้นเพื่อใช้เป็นพยานหลักฐานในศาลก็ยิ่งมีโทษหนักเพิ่มขึ้นไปอีก แต่โชคดีที่รับสารภาพเสียแต่ต้น ย่อมได้รับความเมตตาจากศาลหรืออาจถูกกันเป็นพยาน ถ้าหากได้บอกความจริงว่ามี กกต.หรือใครคนไหนสั่งให้ทำเช่นนั้น

ทางรอดของคนปลอมเอกสารจึงมีอยู่ทางเดียวคือเปิดเผยความจริงว่าใครเป็นคนสั่งให้ปลอมเอกสาร?

เพราะมันส่อพิรุธมาแต่ต้นที่จู่ๆ ก็มีการยื่นเรื่องขอทราบฐานะของพยานปากเอกมาที่สายงานนี้ ทั้งๆ ที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับทะเบียนสมาชิกพรรคซึ่งเป็นหน้าที่ของอีกสายงานหนึ่ง

พิรุธหนักขึ้นไปอีกตรงที่ถามมาปุ๊บตอบไปปั๊บ แล้วเอาไปส่งศาลปุ๊บ เป็นพิรุธถึงการสมคบกันทำและพิสูจน์เอกสารหลักฐานอันเป็นเท็จ

ถ้าได้ความจริงเช่นนี้คงมีไอ้โม่งตัวใหญ่อีกหลายคนเจริญรอยสามหนาห้าห่วงไปสู่เรือนจำต่อไป

ผิดสอง คือการใช้เอกสารราชการอันเป็นเท็จเป็นพยานเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาล ซึ่งเป็นความผิดสถานหนักเพิ่มขึ้นไปอีก
i
ผิดสาม ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งอาจรับฟังว่าเมื่อมีการจงใจสร้างหลักฐานเท็จและนำสืบหลักฐานเท็จเช่นนี้ ข้ออ้างนั้นก็รับฟังไม่ได้ จะทำให้น้ำหนักของพยานปากเอกยิ่งหนักแน่นมากขึ้น ถ้าเช่นนั้นการเพิกถอนการรับรองผลการเลือกตั้งก็อาจเกิดขึ้นได้ และย่อมนำไปสู่กรณีการยุบพรรคการเมืองต่อไปอีก

ผิดสี่ ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งมีอำนาจที่จะพิจารณาว่าการสมคบกันทำเอกสารเท็จเพื่อหลอกต้มศาลเช่นนั้นเป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ ถ้าศาลเห็นว่าเป็นความผิดก็มีอำนาจลงโทษฐานละเมิดอำนาจศาลได้อีกด้วย

ทั้งสองเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ใหญ่โตมากสำหรับบ้านเมือง เพราะกระทบกระเทือนจิตใจประชาชนทั่วประเทศ เนื่องจากอาจทำให้ขาดความเชื่อมั่นในศาลยุติธรรมและอำนาจแห่งความยุติธรรมของบ้านเมือง

ความเชื่อมั่นในศาลยุติธรรมและอำนาจแห่งความยุติธรรมหมดไปเมื่อใดก็เท่ากับบ้านเมืองไร้ขื่อแป เมื่อนั้นก็เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนที่ย่อมมีการใช้กฎป่าแทนกฎหมาย แล้วจะเกิดความระส่ำระสายเป็นกลียุคในบ้านเมืองต่อไป

เรื่องเอกราชอธิปไตยของชาติ เรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์ เรื่องขื่อแปของบ้านเมือง เป็นเรื่องที่ใครล่วงละเมิดแล้วไม่มีทางอยู่ได้ ถึงจะมีอำนาจมากเพียงใดก็ต้องพินาศฉิบหายวายวอดอย่างแน่นอน!
กำลังโหลดความคิดเห็น