“เอ็นบีที” ดึง “สดศรี” เข้าพวก เชิญออก “ข่าวหน้าสี่” โอดตอนนี้เหมือนคนหลังชนฝา อาจฟ้องคนที่กล่าวหาแก้ข้อมูลพยานคดี “ยงยุทธ” ท้าใครมีหลักฐานให้ไปฟ้องศาลได้เลย ส่วนเรื่องปลอมลายเซ็นขอเอกสารฐานข้อมูล ต้องแยกออกจากกัน
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการข่าวหน้าสี่
วานนี้ (12 มิ.ย.) นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง ให้สัมภาษณ์ในรายการ ข่าวหน้าสี่ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ถึงกรณีที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่า มีส่วนร่วมในการแก้ไขฐานข้อมูลการเป็นสมาชิกพรรคการเมืองของ นายชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ กำนัน ต.จันจว้า อ.แม่จัน จ.เชียงราย ที่เป็นพยานฝ่าย กกต.ในคดีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนและ กกต.ยืนยันว่า ไม่ได้มีกระทำการดังกล่าวอย่างแน่นอน ถึงแม้ตนจะเป็นหัวหน้าหน่วยที่ดูแลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่โดยความเป็นจริงแล้วตนก็เป็นแค่บอร์ดบริหาร จึงไม่ได้เข้าไปข้องเกี่ยวกับกระบวนการทำงานของเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบ เรียกได้ว่า ในห้องฐานข้อมูล มีคนเข้าได้เพียง 3 คน คือ เจ้าหน้าที่ระดับสูง ที่ดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ ตนถึงแม้จะเป็นหัวหน้าหลักโดยสายงาน แต่ก็ไม่สามารถเข้าไปได้ แต่อย่างไรก็ตามที่ประชุม กกต.ก็สั่งให้มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา สอบสวนบุคคลที่เกี่ยวข้องทุกคนแล้ว
นางสดศรี กล่าวต่อไปว่า ยืนยันว่า ตนเอง และ กกต.ทุกคนทำงานด้วยความบริสุทธิ์ยุติธรรม และอยากจะตำหนิบุคคลบางกลุ่มที่นำเรื่องนี้ไปแถลงข่าว หรือป่าวประกาศว่า ก่อนที่จะทำอะไร หากมีเรื่องติดขัดข้องใจ ควรจะมีการมาสอบถามหรือตรวจสอบข้อเท็จจริงกับ กกต. ก่อน หรือหากมีหลักฐานแน่ชัดแล้ว ก็น่าจะไปร้องต่อศาลได้เลย ขอให้สู้กันในกระบวนการไม่ใช่ไปด่าบนเวที ที่ไม่ใช่กระบวนการยุติธรรม
ต่อคำถามว่า หากผลการตรวจสอบออกมาว่าทาง กกต.ไม่มีความผิดจะฟ้องกลับผู้ที่กล่าวหาหรือไม่ นางสดศรีกล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมาตนได้แถลงข่าวไปแล้ว ว่า ไม่คิดจะเล่นคดีกับใคร แต่จนถึงตอนนี้ตนเริ่มรู้สึกเหมือนหลังชนฝา ไม่มีที่ตรงไหนให้ยืน ดังนั้นเรื่องจะฟ้องหรือไม่ฟ้องก็จะขอฟังเสียงจากประชาชนก่อน ซึ่งตอนนี้ตนก็กำลังรวบรวมเอกสารต่างๆ เอาไว้ก่อน ซึ่งก็คงต้องรอเวลาและพิจารณาอีกสักระยะ เมื่อนั้นก็จะให้คำตอบได้อย่างชัดเจนว่าจะฟ้องกลับหรือไม่ซึ่งก็คงใช้ระยะเวลาไม่นาน
“ถ้าประชาชนยืนยันว่า ให้ดิฉันเล่นคดีกับคนที่กล่าวร้ายป้ายสี ดิฉันจะทำตาม จะว่าแล้วมันไม่ยุติธรรม และตลอดเวลาที่ทำงานเป็น กกต.โดยมาตลอด คือเขาจะไม่ให้มีจุดยืนเลย ในเมื่อไม่มีที่ยืนแล้ว ดิฉันตอนนี้ก็หลังชนฝา อะไรจะเกิดก็เกิด ไม่ต้องกลัวว่าผู้หญิงคนนี้จะใจเสาะ แต่ขอให้ประชาชนบอกว่าจะสู้คดีหรือไม่ ดิฉันขอเป็นมติมหาชนว่าดิฉันผิดตรงไหน เขามีหลักฐานว่าดิฉันไปปลอมฐานข้อมูลตรงไหนก็ขอให้แสดงหลักฐานมา มาสู้กันในกระบวนการยุติธรรมดีกว่า”
ผู้ดำเนินรายถามว่า ครั้งหนึ่งตัว นางสดศรี เอง เคยได้รับความชื่นชมจากคนฝ่ายหนึ่ง ที่วันนี้กลับมาโจมตีนางสดศรี คิดว่าเหตุใดจึงเป็นเช่นนั้น นางสดศรี กล่าวว่า การที่ตนไปออกรายการหนึ่งของสถานีหนึ่งบ่อยครั้ง แม้ไม่ได้รับค่าตอบแทนเลย แต่เมื่อมีคนมองว่าตนไปเป็นพวกเดียวกับฝ่ายนั้นๆ ตนจึงคิดว่าไม่ควรจะไปออกทีวีของฝ่ายนั้นอีก ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนฝั่งนั้นไม่พอใจ ส่วนอีกประเด็นก็อาจเป็นเพราะตนลงมติเรื่องใดเรื่องหนึ่งแล้วไม่ตรงกับความคิดของเขา อาจเป็นเรื่องที่ตนไม่ได้ลงมติให้ใบแดง นายยงยุทธ ติยะไพรัช ตั้งแต่แรกก็เป็นได้ แต่ตนก็ไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร เพราะในเมื่อตัวเองเป็น กกต.ก็พิจารณาไปตามสิ่งที่ตนคิดว่าถูกต้อง จะไปเที่ยวถามใครต่อใคร เพื่อให้ผลออกมาอย่างที่บางคนต้องการก็คงไม่ใช่
ส่วนกรณีเรื่อง พ.ต.ท.กฤษณ์ ณ เชียงใหม่ ได้รับสารภาพว่า เป็นผู้ปลอมลายเซ็น ของ พ.ต.อ.ณัฐศักดิ์ นานาวัน ในจดหมายตอบทนายความของ นายยงยุทธ ลงวันที่ 8 พฤษภาคม นั้น นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้คงต้องแยกให้ออกจากกัน เพราะเรื่องฐานข้อมูลก็เป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนเรื่องการปลอมเอกสารก็เป็นอีกเรื่องที่ต้องมีการสอบสวนต่อไป แต่ไม่อยากให้เอามาโยงกัน เพราะในหลักความเป็นจริง เมื่อมีการทำหนังสือขอฐานข้อมูลมา ซึ่งก็เป็นหนังสือราชการมีเลขที่ถูกต้อง คงไม่ใช่หน้าที่ของเราที่จะต้องไปตรวจสอบว่าเป็นลายเซ็นจริงหรือปลอม แต่ก็อยากบอกว่าเรื่องนี้ได้มีการตั้งกรรมการสอบแล้ว