“อุดม” แฉพฤติกรรมกองปราบเตรียมออกหมายจับ คตส.สะท้อนตำรวจตกเป็นเครื่องมือรัฐบาลลูกกรอก แฉ ตร.เลือกปฏิบัติ ปชช.หมดที่พึ่ง ย้ำไม่ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ยันเดินหน้าส่งฟ้องคดีทุจริตเข้าสู่ศาล จนกว่าจะหมดวาระ
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายอุดม เฟื่องฟุ้ง คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) กล่าวถึงกรณีกองปราบปรามออกหมายเรียก คตส.ในคดีหมิ่นประมาทพร้อมเตรียมออกหมายจับหากไม่ไปให้ปากคำในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ ว่า เป็นเรื่องของกองปราบปราม เพราะไม่รู้ว่าเขากำลังจะทำอะไรอยู่ ซึ่งพฤติกรรมของฝ่ายตำรวจก็พอจะทำให้มองเห็นว่าฝ่ายบริหารต้องการทำอะไร แต่ คตส.ไม่หวั่นไหว และจะทำงานจนถึงวันสุดท้าย ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐ ตามที่ได้รับแต่งตั้งเข้ามาตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังทำอะไรอยู่ คตส.ในฐานะเจ้าหน้าที่ของรัฐฟ้องบริษัททนายความของผู้ถูกกล่าวหาในข้อหาหมิ่นประมาท จากนั้นถูกบริษัทดังกล่าวฟ้องกลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจกลับพยายามเร่งดำเนินคดีกับ คตส.ส่วนคดี ที่ คตส.แจ้งความไปกลับไม่เห็นความคืบหน้าแม้แต่คดีเดียว ทั้งๆ ที่ คตส.เป็นองค์กรตรวจสอบตามกฎหมาย
“เราเป็นผู้ฟ้อง แต่ถูกฟ้องกลับ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็มาดำเนินคดีกับเรา ส่วนผู้ที่เราฟ้องกลับไม่ถูกดำเนินการใด ตรงนี้สะท้อนให้เห็นพฤติกรรมการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานว่า สมควรที่จะได้รับความเชื่อถือหรือไม่ และเป็นการสะท้อนพฤติกรรมของฝ่ายบริหารด้วย คิดในทางกลับกันหากเป็นประชาชนธรรมดา แล้วถูกเจ้าหน้าที่ของรัฐปฏิบัติเช่นนี้แล้วประชาชนจะพึ่งใครได้ สุดท้ายก็หาความยุติธรรมไม่ได้” นายอุดม กล่าว
เมื่อถามว่า เป้าประสงค์การออกหมายจับ คตส.จะส่งผลกระทบต่อคดีที่อยู่ในระหว่างการไต่สวนและเตรียมสรุปส่งสำนวนให้อัยการสั่งฟ้องหรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า อาจจะมีปัญหาในทางปฏิบัติบ้าง คือ ไม่ให้เกิดความสะดวกในการปฏิบัติหน้าที่ แต่จะไม่ส่งผลกระทบต่อสำนวน แต่อย่างไรก็ตาม การออกหมายจับ คตส.ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานของรัฐ ศาลจะต้องพิจารณาเหตุผลอย่างรอบด้าน เพราะ คตส.ตั้งขึ้นมามีกฎหมายรองรับอย่างชัดเจน และเหตุผลการออกหมายจับคือเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ถูกกล่าวหาหลบหนี แต่ คตส.มีที่ทำงานอย่างชัดเจนไม่ได้หนีไปไหน ยังทำงานต่อจนถึงวันหมดวาระ
เมื่อถามว่า เป็นการเช็กบิล คตส.หรือไม่ นายอุดม กล่าวว่า ไม่รู้ต้องไปถามเจ้าหน้าที่ตำรวจ และ ฝ่ายบริหารเพราะสิ่งที่ คตส.ได้แจ้งความไปนั้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานตามกฎหมาย อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คตส.ก็จะไม่ยุติการปฏิบัติหน้าที่
ด้าน นายสัก กอแสงเรือง โฆษก คตส.ยืนยันว่า ไม่รู้สึกหวั่นไหวหรือกดดัน ขณะเดียวกัน ก็เชื่อมั่นในชั้นศาลที่จะพิสูจน์ข้อเท็จจริงได้อย่างเป็นธรรม จากกองบังคับการปราบปรามได้ออกหมายเรียกคดีแจ้งความเท็จ โดยจงใจกลั่นแกล้งเลือกปฏิบัติให้เกิดความเสียหาย กรณีอายัดทรัพย์สินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และครอบครัว แต่ตั้งข้อสังเกตถึงมาตรฐานการทำงานของกระบวนการยุติธรรม โดยเฉพาะต้นทางของการสอบสวนคดี
“เป็นเรื่องปกติที่ คตส.จะถูกฟ้องร้องในการปฏิบัติหน้าที่ หรือการฟ้องกลับจากผู้ที่ถูกตรวจสอบ แต่การทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี และอดีตคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) รวมถึงอธิบดีผู้พิพากษาศาลต่างๆ เพราะอยากเห็นกระบวนการยุติธรรมที่โปร่งใส และมีบรรทัดฐาน” นายสัก ระบุ