คตส.อารยะขัดขืน “รัฐตำรวจ” ท้ากองปราบให้มาจับถึง สตง.

ที่ประชุม คตส.เห็นพ้องตรงกัน ไม่เสียเวลาไปพบ ตร.กองปราบ ลั่นจะนั่งรอให้จับถึงที่ทำงาน แฉแหลก “รัฐตำรวจ” เลือกปฏิบัติ สั่งไม่ฟ้องคดี คตส.แจ้งหมิ่นประมาท “ทักษิณ” และครอบครัว เตรียมหาช่องทางฟ้องเอง

วันนี้ (9 มิ.ย.) นายสัก กอแสงเรือง โฆษกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) แถลงภายหลังการประชุม คตส.ว่า ที่ประชุมมีมติไม่เดินทางไปพบพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามที่ได้มีการออกหมายเรียกครั้งที่ 2 ในวันที่ 10 มิถุนายนนี้อย่างแน่นอน โดยจะมาทำงานที่ คตส.ตามปกติ และไม่เดินทางหนีไปไหนทั้งสิ้น

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมีมีมติให้ส่งหนังสือไปถึงผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นครั้งที่ 2 ในฐานะผู้บังคับบัญชาของกองปราบปราม ที่มีอำนาจหน้าที่ตามระเบียบราชการแผ่นดินเป็นผู้แทนขององค์กร รับผิดชอบในผลที่จะเกิดขึ้นจากการกระทำของพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และในฐานะเป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดและหัวหน้าพนักงานสอบสวนของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่จะต้องเป็นผู้ตรวจสอบ รับผิดชอบ ดูแลและแก้ไขผู้ใต้บังคับบัญชาให้การดำเนินการของพนักงานสอบสวนเป็นไปตามครรลอง ของกฎหมายว่าด้วยความเสมอภาค กล่าวคือต้องดำเนินการด้วยวิธีการสุจริต เที่ยงธรรม และไม่มีเจตนาก่อให้เกิดความเสียหายในทางสังคม

“อยากให้ ผบ.ตร.พิจารณาว่าสิ่งที่พนักงานสอบสวนกองปราบปรามดำเนินการมานั้น ผบ.ตร.เห็นว่าเป็นการดำเนินการที่ถูกต้องชอบธรรมตามกฎหมายกำหนดหรือไม่ อย่างไร เพื่อ ผบ.ตร.จะได้พิจารณาตามอำนาจหน้าที่ต่อไป และต้องถือว่าการกระทำต่อจากนี้ไปอยู่ในความรู้เห็นของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และอยู่ในความรู้เห็นของผบ.ตร.นอกจากนี้เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาของผบ.ตร.หรือผู้ได้รับมอบหมายในปัญหาและเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับการใช้กฎหมาย” นายสัก กล่าวว่า

โฆษก คตส.กล่าวว่า นอกจากนี้ คตส.ได้แนบหลักการการใช้กฎหมายตามคำพิพากษาของศาลฏีกา ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดฐานดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ฐานหมิ่นประมาทและฐานแจ้งความเท็จ มาให้เพื่อประกอบการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย ทั้งนี้ผลเป็นประการใดของให้ผบ.ตร.แจ้งให้ คตส.ทราบด้วย พร้อมกันนี้ได้ส่งหนังสือถึงศาลในเขตกรุงเทพมหานคร และปริมณฑลทุกแห่ง เป็นครั้งที่ 2 เพื่อขอให้ศาลแจ้งให้ทราบกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจไปขออนุญาตศาลในการออกหมายจับด้วย

“หากพนักงานสอบสวนเห็นว่าเอกสารการชี้แจงของ คตส.ฟังไม่ขึ้นก็ให้ไปขออำนาจศาลออกหมายจับได้เลย แต่อยากให้นายตำรวจชั้นยศ พ.ต.อ.ขึ้นไป ไปดำเนินการ ไม่ใช่ให้นายตำรวจชั้นยศเพื่อ ร.ต. เพราะในการออกหมายเรียก คตส.ทั้ง 11 คนได้ลงชื่อโดยนายตำรวจชั้นยศ พ.ต.อ. แถมในวันส่งหมายเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมีการแต่งเครื่องแบบเต็มยศเดินทางไปส่งถึงที่บ้าน คตส.ทั้ง 11 คน จนทำให้คนในบ้านของคตส.และเพื่อนบ้านที่ไม่ทราบเรื่องตื่นตกใจและเกิดความวิตกกังวลทำให้ได้รับความเสียหาย”

นายสัก กล่าวว่า เมื่อถามว่าสาเหตุที่ต้องให้นายตำรวจยศ พ.ต.อ.ไปขออำนาจศาลในการออกหมายจับ คตส.มีวัตถุประสงค์อะไร นายสัก กล่าวว่า เพื่อจะได้ทราบ และหาตัวผู้รับผิดชอบกับการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เมื่อซักต่อว่า หมายความว่า คตส.เตรียมที่จะดำเนินคดีฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ กรณีปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายสัก กล่าวว่า ในชั้นนี้ คตส.ยังไม่คิดที่จะฟ้องกลับเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่อยากจะให้มีบุคคลรับผิดชอบกับการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย

เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีที่ คตส.ฟ้องหมิ่นประมาทสำนักงานกฎหมายของทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีมีความคืบหน้าอย่างไรบ้าง นายสัก กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับทราบความคืบหน้าการสอบพยานและการออหมายเรียกเกี่ยวกับคดีดังกล่าว จากพนักงานสอบสวนของกองปราบปรามแต่อย่างใด มีรายงานจาก คตส.เปิดเผยถึงกรณีที่ คตส.ได้มีการแจ้งความดำเนินกคดีกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว กับกองปราบในคดีหมิ่นประมาท โดยล่าสุด คตส.ทราบข้อมูลว่ากองปราบปรามได้สั่งไม่ฟ้องคดีทั้งหมด ที่ คตส.แจ้งความไป ซึ่งถือว่า การกระทำดังกล่าวของกองปราบปรามผิดกฎหมายอย่างชัดเจน เพราะไม่มีสิทธิสั่งฟ้องคดี และถือว่าเป็นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

“ไม่ทราบว่าทำไมกองปราบฯ จึงบิดบังข้อมูล ลี่ คตส.สอบถามไปว่าเหตุใดจึงไม่สั่งฟ้อง ซึ่งกองปราบยินยันว่าไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากเป็นความลับ คตส.จึงตั้งข้อสังเกตว่ามีใครสั่งให้ไม่ดำเนินการหรือไม่ เพราะ คตส.เป็นผู้เสียหาย มีสิทธิที่จะทราบ ซึ่งต่อไปนี้ คตส.คงต้องหาทางฟ้องเอง เพราะพึ่งตำรวจไม่ได้แล้ว” แหล่งข่าวจาก คตส.รายหนึ่งระบุ