xs
xsm
sm
md
lg

“เจ้าหนี้” บุกยึดทรัพย์ บริษัท “ลูกชายวัฒนา”

เผยแพร่:   โดย: ทีมข่าวอาชญากรรม

บริษัทเจ้าหนี้พาเจ้าหน้าที่บังคับคดี บุกยึดทรัพย์ บ.อีสท์ซีแลนด์ ของ นายพิบูลย์ อัศวเหม ลูกชาย นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานกรรมการพรรคเพื่อแผ่นดิน
บริษัทเจ้าหนี้พาเจ้าหน้าที่บังคับคดี บุกยึดทรัพย์ ไล่ที่ บ.อีสท์ซีแลนด์ ของ “พิบูลย์ อัศวเหม” ลูก “วัฒนา อัศวเหม” หลังศาลฎีกาพิพากษายืน ผิดสัญญาเช่า-ปลอมเอกสาร แถมเบี้ยวจ่ายค่าชดเชย 35 ล้านตามคำสั่งศาล แต่ทนายบริษัทยันยึดทรัพย์ขับไล่ไม่ได้ อ้างเจ้าหนี้ไม่มีสิทธิ์ เพราะนำทรัพย์สินขายทอดตลาดไปแล้ว

วันนี้ (16 พ.ค.) เมื่อเวลา 10.00 น.นายสยาม สุริยศิษย์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จันทร์ กรุ๊ป จำกัด ได้นำเจ้าหน้าที่กรมบังคับคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 เดินทางไปยังบริษัท อีสท์ซีแลนด์ จำกัด ตั้งอยู่เลขที่ 4 ถนนพัฒนาการ 20 แยก 6 แขวงและเขตสวนหลวง กทม.ซึ่งเป็นบริษัทของ นายพิบูลย์ อัศวเหม บุตรชายของ นายวัฒนา อัศวเหม อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย และประธานกรรมการพรรคเพื่อแผ่นดิน เพื่อทำการยึดทรัพย์สินและขับไล่ให้ออกจากพื้นที่หลังจากที่ศาลฎีกามีคำสั่งยืนตามศาลอุทธรณ์ ให้บริษัท อีสท์ซีแลนด์ ออกจากพื้นที่ดังกล่าวของโจทก์และชดใช้ค่าเสียหายให้แก่บริษัท จันทร์ กรุ๊ป จำกัด เดือนละ 500,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 35 ล้านบาท

นายสยาม กล่าวว่า สืบเนื่องจากบริษัท อีสท์ซีแลนด์ จำกัด ตนในฐานะโจทย์ได้ยื่นฟ้อง บริษัท อีสท์ซีแลนด์ จำกัด จำเลย หลังจากที่ถูกกลุ่มบุคคลของบริษัทดังกล่าวปลอมแปลงเอกสารนำไปจดทะเบียนแก้ไขเปลี่ยนแปลง ทำให้ตนต้องถูกออกจากตำแหน่งโดยที่ตนเองไม่ทราบมาก่อน แล้วเปลี่ยนให้ นางพรพันธุ์ พุทธเจริญ มาเป็นผู้มีอำนาจแทน และอาศัยอำนาจที่ได้มาโดยมิชอบปลอมเช็คสั่งจ่าย บริษัท เอ็ม พี ปิโตร เลียม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอีสท์ซีแลนด์ เป็นจำนวนหลายพันล้านบาทโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทำให้ตนต้องเป็นหนี้ธนาคาร และบริษัท เอ็ม พี ปิโตรเลียม จำกัด

นายสยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัท เอ็ม พี ปิโตรเลียม จำกัด ยังได้ร่วมกับบริษัท อีสท์ซีแลนด์ จำกัด ปลอมสัญญาให้จำเลยเช่าที่ดินของตน พร้อมสิ่งปลูกสร้างจำนวน 21 แปลง เนื้อที่ประมาณ 6 ไร่ 2 งานเศษ เป็นระยะเวลา 30 ปี ค่าเช่า 40 ล้านบาท ตามสัญญาเช่าลงวันที่ 16 ก.ย.2540 ซึ่งที่ดินของตนมีสิ่งปลูกสร้างหลายรายการ ได้แก่ อาคารสถานีบริการน้ำมัน 22 หัวจ่าย อาคารพาณิชย์ 2 ชั้น 11 คูหา อาคารสำนักงาน 9 ชั้น อาคารภัตตาคาร 2 ชั้น และอาคารพาณิชย์ 4 ชั้น ปัจจุบันที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างมูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท ซึ่งภายหลังจากที่จำเลยได้เช่าที่ดินดังกล่าวแล้วยังได้ทำลายสิ่งปลูกสร้างของตน โดยรื้อถอนสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิง และยังดัดแปลงอาคารพาณิชย์อื่นๆ อีกหลายรายการ ทำให้ทรัพย์สินของตนเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ตนจึงได้ดำเนินคดีทางอาญาแก่จำเลยด้วย สำหรับคดีนี้ศาลฎีกาได้พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ให้ตนชนะคดี แต่ฝ่ายจำเลยยังเพิกเฉยเป็นเหตุให้ตนต้องนำพนักงานบังคับคดี และเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปขับไล่และทำการยึดทรัพย์สินเพื่อชดใช้ตามคำพิพากษา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลาประมาณ 13.00 น.เจ้าหน้าที่กรมบังคับดี เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.คลองตัน และเจ้าหน้าที่ตำรวจปฏิบัติการพิเศษ 191 ได้เดินทางมาทำการยึดทรัพย์ บริษัทอีสท์ซีแลนด์ จำกัด เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงได้มีพนักงานของบริษัท อีสท์ซีแลนด์ ออกมาบันทึกภาพวิดีโอ และถ่ายภาพเอาไว้ด้วย

ด้าน นายรุจิภาส เทพชาติ ทนายความของบริษัท อีสท์ซีแลนด์ กล่าวว่า จากการที่ตนได้ตรวจสอบเอกสารของฝ่ายโจทก์ พบว่า บริษัท จันทร์ กรุ๊ป จำกัด ไม่สามารถทำการยึดทรัพย์หรือขับไล่ได้ เนื่องจากบริษัท จันทร์ กรุ๊ป ไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง ทรัพย์สินทั้งหมดถูกขายทอดตลาดให้กับบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย และขณะนี้ก็ยังมีการฟ้องร้องระหว่างบริษัทสินทรัพย์ไทยกับบริษัท จันทร์ กรุ๊ป เกี่ยวกับเรื่องการขับไล่ด้วย โดยคดียังอยู่ในระหว่างอุทธรณ์ ทั้งนี้บริษัท อีสท์ซีแลนด์ ไม่ได้มีการขัดขืนแต่อย่างใดเพียงแต่การครอบครองพื้นที่ทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย ไม่ใช่ บ.จันทร์ กรุ๊ป ผู้ที่จะสามารถยึดทรัพย์สินหรือขับไล่บริษัท อีสท์ซีแลนด์ ได้นั้นมีเพียงบริษัทบริหารสินทรัพย์ไทย เท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น