ผู้จัดการรายวัน-ปีแห่งการลงทุนของรัฐบาลส่อเค้าวืดเป้า หลัง 5 เดือนแรกลงทุนอืด เหตุนักลงทุนหวั่นพิษการเมือง น้ำมัน
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้บีโอไอกำลังติดตามภาวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนโยบายของนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมกำหนดให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการลงทุน แต่ล่าสุดการลงทุน 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) พบว่ามีโครงการขอรับการส่งเสริมลงทุนเพียง 1.898 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาเพียง 100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่เติบโตมากนัก ขณะนี้ที่ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขลงทุนที่ค่อนข้างต่ำก็ยังทำไว้ถึง 6.55 แสนล้านบาท
"การลงทุนที่ชะลอตัวคาดว่าเป็นผลกระทบจากการเมืองที่ตอนต้นมีการเลือกตั้งมาแล้ว แต่การเมืองกลับไม่นิ่งตามที่คาดไว้ ประกอบกับน้ำมันราคาสูงมากทำให้การลงทุนใหม่ๆ ต้องระมัดระวังหลายปัจจัย ดังนั้นช่วง 6-7 เดือนที่เหลือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามใกล้ชิด หากตัวเลขลงทุนยังอยู่ระดับนี้ต่อไปอีก ก็อาจทำให้การลงทุนปีนี้มีโอกาสสูงที่จะต่ำกว่าปีที่แล้ว"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับยอดอนุมัติลงทุน 5 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1.63 แสนล้านบาท น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 2.98 แสนล้านบาท ส่วนยอดออกบัตรปีนี้ช่วง 5 เดือนอยู่ที่ 2.072 แสนล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่อยู่ 2.199 แสนล้านบาท ขณะที่การลงทุนของต่างชาติ (เอฟดีไอ) ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณเงินลงทุนที่ยื่นขอรับการลงทุนจากบีโอไอลดลงถึง 17.9% อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 1.22 แสนล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่ต่างชาติสนใจยื่นขอลงทุนช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คือบริการและสาธารณูปโภค ผลิตภัณฑ์โลหะและอุปกรณ์ขนส่ง สินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เป็นที่น่าสังเกตกว่าการลงทุนของนักลงทุนของสหรัฐฯ มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าของการของรับส่งเสริมจากบีโอไอลดลงถึง 87.6%
ขณะที่เป้าหมายปีแห่งการลงทุน ในปี 2551 กำหนดไว้ว่าไทยจะมีเม็ดเงินจากการลงทุนจากโครงการโรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรมสายการบิน ท่าเรือ ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โครงการสิ้นส่วนอีโคคาร์และการผลิตรถเก๋ง รถปิคอัพ 1.2 แสนล้านบาท โครงการปิโตรเคมี 9 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 8 หมื่นล้านบาท โครงการเหล็ก 8 หมื่นล้านบาท อาหารสำเร็จรูป ยางพารา อาหารปรุงแต่ง เอทานอล 6 หมื่นล้านบาท และอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณี 2 หมื่นล้านบาท
แหล่งข่าวจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) เปิดเผยว่า ขณะนี้บีโอไอกำลังติดตามภาวะการลงทุนอย่างใกล้ชิด เนื่องจากนโยบายของนายสุวิทย์ คุณกิตติ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.อุตสาหกรรมกำหนดให้ปี 2551-2552 เป็นปีแห่งการลงทุน แต่ล่าสุดการลงทุน 5 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ค.) พบว่ามีโครงการขอรับการส่งเสริมลงทุนเพียง 1.898 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาเพียง 100 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ไม่เติบโตมากนัก ขณะนี้ที่ปีที่ผ่านมาซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขลงทุนที่ค่อนข้างต่ำก็ยังทำไว้ถึง 6.55 แสนล้านบาท
"การลงทุนที่ชะลอตัวคาดว่าเป็นผลกระทบจากการเมืองที่ตอนต้นมีการเลือกตั้งมาแล้ว แต่การเมืองกลับไม่นิ่งตามที่คาดไว้ ประกอบกับน้ำมันราคาสูงมากทำให้การลงทุนใหม่ๆ ต้องระมัดระวังหลายปัจจัย ดังนั้นช่วง 6-7 เดือนที่เหลือเป็นเรื่องที่ต้องติดตามใกล้ชิด หากตัวเลขลงทุนยังอยู่ระดับนี้ต่อไปอีก ก็อาจทำให้การลงทุนปีนี้มีโอกาสสูงที่จะต่ำกว่าปีที่แล้ว"แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับยอดอนุมัติลงทุน 5 เดือนปีนี้อยู่ที่ 1.63 แสนล้านบาท น้อยกว่าปีที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 2.98 แสนล้านบาท ส่วนยอดออกบัตรปีนี้ช่วง 5 เดือนอยู่ที่ 2.072 แสนล้านบาท น้อยกว่าช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมาที่อยู่ 2.199 แสนล้านบาท ขณะที่การลงทุนของต่างชาติ (เอฟดีไอ) ในช่วง 5 เดือนที่ผ่านมาพบว่า ปริมาณเงินลงทุนที่ยื่นขอรับการลงทุนจากบีโอไอลดลงถึง 17.9% อยู่ที่ 1 แสนล้านบาท เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมาที่อยู่ระดับ 1.22 แสนล้านบาท โดยอุตสาหกรรมที่ต่างชาติสนใจยื่นขอลงทุนช่วง 5 เดือนที่ผ่านมา คือบริการและสาธารณูปโภค ผลิตภัณฑ์โลหะและอุปกรณ์ขนส่ง สินส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เคมีภัณฑ์ เป็นที่น่าสังเกตกว่าการลงทุนของนักลงทุนของสหรัฐฯ มีมูลค่าลดลงจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยมูลค่าของการของรับส่งเสริมจากบีโอไอลดลงถึง 87.6%
ขณะที่เป้าหมายปีแห่งการลงทุน ในปี 2551 กำหนดไว้ว่าไทยจะมีเม็ดเงินจากการลงทุนจากโครงการโรงไฟฟ้า นิคมอุตสาหกรรมสายการบิน ท่าเรือ ประมาณ 1.5 แสนล้านบาท โครงการสิ้นส่วนอีโคคาร์และการผลิตรถเก๋ง รถปิคอัพ 1.2 แสนล้านบาท โครงการปิโตรเคมี 9 หมื่นล้านบาท อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ 8 หมื่นล้านบาท โครงการเหล็ก 8 หมื่นล้านบาท อาหารสำเร็จรูป ยางพารา อาหารปรุงแต่ง เอทานอล 6 หมื่นล้านบาท และอุปกรณ์การแพทย์ เครื่องนุ่งห่ม อัญมณี 2 หมื่นล้านบาท
