xs
xsm
sm
md
lg

THAIปรับแผนขนาดเครื่องบิน เริ่ม1ธ.ค.ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

การบินไทยเตรียมปรับแผนลดขนาดเครื่องบินในเส้นทางภูมิภาค และเส้นทางระหว่างทวีป คาดเริ่ม 1 ธ.ค.นี้ ระบุเพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้

นายปานฑิต ชนะภัย รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่สายการพาณิชย์ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสาร (Cabin Factor) เฉลี่ยทั้งปี 2551 ของบริษัทคาดว่าจะอยู่ที่ประมาณ 68% ต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้ที่ 76% โดยเฉพาะในไตรมาส 4/51 ซึ่งเป็นช่วงไฮซีซั่น คาดว่าการขนส่งผู้โดยสารจะปรับลดลง 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/50 ทั้งนี้ ผลกระทบจากปัจจัยในประเทศ รวมถึงปัญหาจากต่างประเทศทำให้ความต้องการเดินทางลดลงอย่างมาก ทั้งนี้ การที่อัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารปรับลดลงจะส่งผลรายได้ของบริษัทจะลดลงจากปีที่แล้วที่มีอยู่ 1.9 แสนล้านบาท

"ปริมาณผู้โดยสารลดลงไปอย่างมาก เราเห็นสัญญาณมาตั้งแต่เดือนมิ.ย.แล้ว อาจจะมาจากทั้งเรื่องในประเทศของเราและจากปัญหาต่างประเทศ" นายปานฑิต กล่าว

นายปานฑิต กล่าวถึงแผนที่บริษัทจะปรับลดขนาดเครื่องบินในเส้นทางภูมิภาค และเส้นทางระหว่างทวีป แต่ยังคงบินไปตามตารางการบินฤดูหนาว โดยจะเริ่มปรับตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2551 และการบินไทยยังมีแผนจะปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมันตามราคาน้ำมันโลกที่ปรับลดลง ที่ผ่านมาได้ปรับลงไปแล้ว 2 ครั้ง เนื่องจากต้องการที่จะลดรายจ่ายเพื่อทำให้กำไรเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ การบินไทยได้ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพื่อให้สิทธิประโยชน์พิเศษหรือโครงการบัตรทองรอยัล ออคิด พลัส สำหรับนักลงทุนต่างประเทศตามนโยบายปีแห่งการลงทุน สำหรับนักลงทุนกลุ่มแรกที่จะได้รับบัตรทอง คือ ที่ปรึกษาการลงทุนกิตติมศักดิ์ของบีโอไอ อาทิ ประธานกลุ่มบริษัท ดาว เคมิคอล, บริษัท เวสเทิร์นดิจิตอล, บริษัท หัวเหว่ย เทคโนโลยีส์, บริษัท ไฮเออร์ กรุ๊ป, บริษัท ฟูจิกุระ และบริษัท นัมบุ ซิล (ประเทศไทย)

อย่างไรก็ตาม ผู้บริหารระดับสูงของโครงการขนาดใหญ่ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย มูลค่ามากกว่า 5 พันล้านบาทก็จะได้รับสิทธิประโยชน์จากโครงการนี้เช่นกัน อาทิ โครงการลงทุนผลิตรถประหยัดพลังงานอีโคคาร์ ประกอบด้วย บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ส (ประเทศไทย), บริษัท สยามนิสสัน ออโตโมบิล จำกัด, บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด

ทั้งนี้ จากความร่วมมือกับบีโอไอครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ลูกค้าองค์กรของบริษัทเพิ่มขึ้นประมาณ 10% จากปัจจุบันที่มีอยู่ 300 ราย โดยบีโอไอมีบริษัทที่ได้ยื่นขอรับการส่งเสริมประมาณ 1,000 ราย เป็นบริษัทขนาดใหญ่ประมาณ 50 บริษัท เงินลงทุน 5 พันล้านบาท และส่งผลให้รายได้เพิ่มกว่า 10%

นางอรรชกา สีบุญเรือง บริมเบิล เลขาฯบีโอไอ กล่าวว่า โครงการ รอยัล ออคิด พลัส สำหรับนักลงทุนจะช่วยยกระดับมาตรฐานการให้บริการแก่นักลงทุนไทยให้ดีขึ้นและภายใต้นโยบายปีแห่งการลงทุน บีโอไอก็จะร่วมมือกับหน่วยงานอื่นอีก เพื่อมอบสิทธิประโยชน์ให้กับนักลงทุนเพิ่มเติมเพื่อเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากยิ่งขึ้น
กำลังโหลดความคิดเห็น