ศูนย์ข่าวศรีราชา –การลงทุนภาคอุตสาหกรรมภาคตะวันออก ครึ่งปี 2551 ลดลงถึงร้อยละ 39 เป็นผลมาจากความกังวลของนักลงทุน เรื่องความไม่ชัดเจนทางการเมือง แม้ภาพรวมโครงการและขนาดการลงทุนจะเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.85 แต่ส่วนใหญ่ลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท ส่วนการลงทุนขนาด 20-200 ล้านบาทมีเพียงร้อยละ 13.64 ด้านการลงทุนตั้งแต่ 200 – 1พันล้านบาทติดลบ ส่งผลให้การจ้างงานในพื้นที่ลดตาม ขณะที่ ไตรมาส 3 เชื่อสถานการณ์ดีจากนโยบาย ประกาศให้ปี 2551 – 2552 เป็นปีแห่งการลงทุนของรัฐบาลไทย
ศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 4 สรุปโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุน ในพื้นที่ภาคตะวันออกช่วงครึ่งปีแรก 2551 (1 มกราคม-30 มิถุนายน)เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2550 พบว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนจำนวน 253 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 2.85 แต่มูลค่าเงินลงทุนกลับลดลงจากร้อยละ 39.64 หรือประมาณ 139.59 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีประมาณ 231.25 พันล้านบาท ส่งผลให้การจ้างงานในพื้นที่ลดตามร้อยละ 35.28
นอกจากนี้ ยังพบว่าการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในโครงการไม่เกิน 20 ล้านบาท ที่มีมากถึงร้อยละ 47.22 ส่วนการลงทุนขนาด 20-200 ล้านบาทซึ่งเป็นโครงการลงทุนขนาดกลางและขนาดย่อม มีจำนวน 125 โครงการหรือคิดเป็นร้อยละ 13.64 ขณะที่การลงทุนตั้งแต่ 200 – 1พันล้านบาทติดลบ
สำหรับ โครงการที่ได้รับอนุมัติส่งเสริมการลงทุนในครึ่งแรกของปี 2551 เป็นโครงการที่ถือหุ้นร่วมทุนไทยและต่างชาติที่มีจำนวนโครงการมากที่สุดถึง 134 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 52.96 ของจำนวนโครงการทั้งหมดที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน และการลงทุนส่วนใหญ่ยังพบว่าเป็นโครงการที่ขยายจากโครงการเดิม
สาเหตุที่ทำให้เม็ดเงินลงทุนในช่วงครึ่งปี 51 ลดลง อาจเกิดจากความกังวลของนักลงทุน เพราะความไม่ชัดเจนทางการเมือง ส่วนนักลงทุนที่รู้จักประเทศไทยดี ก็จะรู้ว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองไม่ส่งผลกระทบต่อนโยบายส่งเสริมการลงทุน
อุตสาหกรรมที่มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นและได้รับอนุมัติลงทุนเพิ่มมากที่สุด คือ หมวดผลิตภัณฑ์โลหะ เครื่องจักรและอุปกรณ์ขนส่งที่ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในเขตจังหวัดชลบุรีที่มีจำนวนถึง 103 โครงการ หรือคิดเป็นร้อยละ 40.71 ของการลงทุนในครึ่งปีแรก รองลงมาคือ จังหวัดระยองที่มีการลงทุนจำนวน 89 โครงการ คิดเป็นร้อยละ 35.18 ของโครงการทั้งหมด
อย่างไรก็ดีมีการคาดการณ์ว่า แนวโน้มการลงทุนในภาคตะวันออกช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีน่าจะดีขึ้น เนื่องจากรัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2551 – 2552 เป็นปีแห่งการลงทุนไทย (Thailand Investment Year 2008 – 2009) เพื่อเร่งฟื้นฟูความเชื่อมั่นของนักลงทุน และยังส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย
ทั้งนี้ เห็นได้จากที่ผ่านมาอุตสาหกรรมยานยนต์ ได้เข้ามาลงทุนในประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ประหยัดพลังงานมาตรฐานสากล (Eco-Car) ซึ่งเน้นการส่งออกเป็นหลัก เช่น บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด และ บริษัท ทาทา มอเตอร์ จำกัด
นอกจากนั้นรัฐบาลยังมีนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมการสร้างระบบลอจิสติกส์ และเพิ่มขีดความสามารถด้านภาษีอากร รวมทั้งการจัดกิจกรรมเพื่อสร้างภาพลักษณ์ของประเทศ ซึ่งจะมีส่วนสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนได้มากขึ้น
