นายดำริ สุโขธนัง ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยระหว่างเดินทางมาเปิดสำนักงานเศรษฐกิจการลงทุนในต่างประเทศแห่งที่ 8 ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ที่กรุงไทเป เกาะไต้หวัน ว่า บีโอไอต้องการเปิดสำนักงานที่ไต้หวันเพื่อดึงนักลงทุนในไต้หวันไปลงทุนในประเทศไทยได้อย่างต่อเนื่อง
นายดำริ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาไต้หวันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวมแล้ว 1,924 โครงการมูลค่า 300,000 ล้านบาท รองจากญี่ปุ่นและยุโรป และในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีการลงทุนจากไต้หวันแล้ว 4,709 ล้านบาท ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และปิโตรเคมี ซึ่งบีโอไอมองว่านักลงทุนไต้หวันเป็นเป้าหมายของไทยในการเชิญเข้ามาลงทุนในไทย
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า จากนโยบายปีแห่งการลงทุนไทย 2551-2552 โดยจะมีการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนมากขึ้น คาดว่าการเปิดสำนักงานใหม่ที่ไต้หวันจะช่วยกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนใหม่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยบีโอไอได้ชี้แจงนโยบายปีแห่งการลงทุนให้นักลงทุนไต้หวันทราบ แม้ช่วงนี้ไทยจะมีปัญหาเศรษฐกิจซบเซาแต่การส่งออกของไทยในปีนี้ยังขยายตัวมาก และบีโอไอเชื่อว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะคลี่คลายและสามารถแก้ไขได้เร็ว โดยบีโอไอจะมีโครงการกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ต้องรอให้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นชัดเจนเสียก่อนจึงจะทำให้บีโอไอสามารถชี้แจงให้ภาพลักษณ์ของไทยเป็นบวกได้ ซึ่งที่ผ่านมานักธุรกิจต่างชาติให้ความเห็นว่า บีโอไอมีการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์
นายดำริ กล่าวว่า ช่วงที่ผ่านมาไต้หวันเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวมแล้ว 1,924 โครงการมูลค่า 300,000 ล้านบาท รองจากญี่ปุ่นและยุโรป และในช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ มีการลงทุนจากไต้หวันแล้ว 4,709 ล้านบาท ส่วนใหญ่เข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์และปิโตรเคมี ซึ่งบีโอไอมองว่านักลงทุนไต้หวันเป็นเป้าหมายของไทยในการเชิญเข้ามาลงทุนในไทย
ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวอีกว่า จากนโยบายปีแห่งการลงทุนไทย 2551-2552 โดยจะมีการให้สิทธิประโยชน์กับนักลงทุนมากขึ้น คาดว่าการเปิดสำนักงานใหม่ที่ไต้หวันจะช่วยกระตุ้นการลงทุนจากนักลงทุนใหม่ตัดสินใจเข้ามาลงทุนในไทยเพิ่มขึ้น โดยบีโอไอได้ชี้แจงนโยบายปีแห่งการลงทุนให้นักลงทุนไต้หวันทราบ แม้ช่วงนี้ไทยจะมีปัญหาเศรษฐกิจซบเซาแต่การส่งออกของไทยในปีนี้ยังขยายตัวมาก และบีโอไอเชื่อว่าปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นในขณะนี้จะคลี่คลายและสามารถแก้ไขได้เร็ว โดยบีโอไอจะมีโครงการกู้ภาพลักษณ์ของประเทศ แต่ต้องรอให้ปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นชัดเจนเสียก่อนจึงจะทำให้บีโอไอสามารถชี้แจงให้ภาพลักษณ์ของไทยเป็นบวกได้ ซึ่งที่ผ่านมานักธุรกิจต่างชาติให้ความเห็นว่า บีโอไอมีการประชาสัมพันธ์ในต่างประเทศน้อยเมื่อเปรียบเทียบกับมาเลเซียและสิงคโปร์