สุราษฎร์ธานี –ลงทุนใต้ตอนบนครึ่งปีแรกลดลง ได้รับอนุมัติส่งเสริมลงทุน 19 โครงการ เงินลงทุนแค่ 8 พันกว่าล้านบาท โดย จ.สุราษฎร์ฯ ครองแชมป์ 10 โครงการ บีโอไอมั่นใจครึ่งปีหลังกระเตื้องแน่นอน จากการส่งเสริมเป็นปีการลงทุนและสนับสนุนให้เกิดการลงทุนโครงการใหญ่ในภาคใต้ คาดตลอดทั้งปียอดขอสนับสนุนการลงทุนไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท
นางวนิดา ใหม่กิจเหมา ผู้อำนวยการศูนย์เศรษฐกิจการลงทุนภาคที่ 6 จ.สุราษฎร์ธานี (บีโอไอ)ซึ่งรับผิดชอบดูแลพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี กระบี่ ภูเก็ต ชุมพร พังงา นครศรีธรรมราช และ ระนอง เปิดเผยถึงสภาวะการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรก (ตั้งแต่เดือน มกราคม-มิถุนายน 2551) ว่า มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้การส่งเสริมการลงทุน จำนวน 19 โครงการ เงินลงทุน 8,094 ล้านบาท มีอัตราการจ้างงานทั้งสิ้น 1,360 คน และเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาพบว่า ปีนี้มีโครงการลดลงร้อยละ 38.71 เงินลงทุนลดลงร้อยละ 39.10 และอัตราการจ้างงานลดลงร้อยละ 66.83
ทั้งนี้ ประเภทกิจการที่มีการลงทุนมากที่สุด คือ ประเภทบริการและสาธารณูปโภค ได้รับอนุมัติจำนวน 11 โครงการ ได้แก่ กิจการโรงแรม 2 โครงการ กิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ 4 โครงการ นอกจากนี้เป็นกิจการเรือเฟอร์รี กิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล กิจการเรือสำหรับให้เช่า กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุนและกิจการธุรกิจรับจ้างบริหารระบบธุรกิจ อย่างละ 1 โครงการ
รองลงมาเป็นประเภทเกษตรกรรมและผลิตผลทางการเกษตร ได้รับอนุมัติจำนวน 6 โครงการ ได้แก่ กิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2 โครงการ กิจการผลิตเนยขาวและเนยเหลือง กิจการผลิตน้ำยางข้น กิจการผลิตยางแท่ง และกิจการผลิตไบโอดีเซล อย่างละ 1 โครงการ
สำหรับจังหวัดที่ได้รับอนุมัติโครงการมากที่สุด คือ จ.สุราษฎร์ธานี มีโครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 10โครงการ เงินลงทุน 2,869 ล้านบาท การจ้างงาน 444 คน ได้แก่ กิจการน้ำมันปาล์มดิบ จำนวน 2 โครงการ กิจการเรือเฟอร์รี กิจการผลิตเนยขาวและเนยเหลือง กิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล กิจการผลิตน้ำยางข้น กิจการผลิตยางแท่ง กิจการธุรกิจรับจ้างบริหารระบบธุรกิจ กิจการผลิตเครื่องรีดยาง และกิจการผลิตไบโอดีเซล อย่างละ 1 โครงการ
รองลงมาได้แก่ จ.ภูเก็ต มีโครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 4 โครงการ เงินลงทุน 4,185 ล้านบาท การจ้างงาน 839 คน ได้แก่ กิจการโรงแรม จำนวน 2 โครงการ กิจการเรือสำหรับให้เช่า และกิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน อย่างละ 1 โครงการ
จ.กระบี่ มีโครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 4 โครงการเงินลงทุน 355 ล้านบาท การจ้างงาน 34 คน ได้แก่ กิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ จำนวน 4 โครงการ จ.นครศรีธรรมราช มีโครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 1โครงการ เงินลงทุน 31 ล้านบาท การจ้างงาน 43 คน ได้แก่ กิจการผลิตขวดพลาสติก ส่วน จ.พังงา จ.ชุมพร และ จ.ระนองยังไม่มีโครงการที่ได้รับอนุมัติให้มีการส่งเสริมการลงทุนในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2551
ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับอนุมัติในพื้นที่ 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบนในช่วงครึ่งปีแรก ของปี 2551 ส่วนใหญ่มีขนาดเงินลงทุนอยู่ระหว่าง 20-200 ล้านบาท จำนวน 12 โครงการ เงินลงทุนไม่เกิน 20 ล้านบาท จำนวน 3 โครงการขนาดเงินลงทุนอยู่ระหว่าง 200-500 ล้านบาท จำนวน 1 โครงการ และมีเงินลงทุนมากกว่า 1,000 ล้านบาท 3 โครงการ ได้แก่ บริษัท สิริ ภูเก็ต จำกัดเป็นกิจการประเภทโรงแรม จ.ภูเก็ต เงินลงทุน 2,584 ล้านบาท บริษัทเอ็มเมอรัลด์ เบย์ รีสอร์ทจำกัด เป็นกิจการประเภทโรงแรม จ.ภูเก็ต เงินลงทุน 2,200 ล้านบาท และบริษัท โกลบอล ไบโอดีเซล จำกัด กิจการผลิตไบโอดีเซล ที่ จ.สุราษฎร์ธานี เงินลงทุน 1,900 ล้านบาท
ขณะที่ในจำนวนโครงการที่ได้รับอนุมัติทั้งสิ้น 19 โครงการ เป็นโครงการลงทุนของคนไทยทั้งสิ้นจำนวน 6 โครงการ หรือร้อยละ 32 ได้แก่ กิจการผลิตเนยขาวและเนยเหลือง กิจการขนถ่ายสินค้าสำหรับเรือเดินทะเล กิจการเรือเฟอร์รี กิจการผลิตขวดพลาสติก กิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ และกิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ
ส่วนโครงการที่มีหุ้นไทยร่วมกับหุ้นต่างชาติมีจำนวน 11 โครงการ หรือร้อยละ 57 คือ กิจการผลิตไฟฟ้าจากก๊าซชีวภาพ จำนวน 3 โครงการ กิจการผลิตน้ำยางข้น กิจการโรงแรม กิจการสนับสนุนการค้าและการลงทุน กิจการผลิตยางแท่ง กิจการธุรกิจรับจ้างบริหารระบบธุรกิจ กิจการผลิตน้ำมันปาล์มดิบ กิจการผลิตเครื่องรีดยาง และกิจการผลิตไบโอดีเซล อย่างละ 1 โครงการ
สำหรับโครงการที่ลงทุนโดยต่างชาติมีจำนวนทั้งสิ้น 2 โครงการ หรือร้อยละ 25 ได้แก่ กิจการโรงแรม ของบริษัท สิริ ภูเก็ต จำกัด จ.ภูเก็ต และกิจการเรือสำหรับให้เช่า ของบริษัท Mr.BYRON JONES จ.ภูเก็ต
**มั่นใจครึ่งปีหลังลงทุนกระเตื้อง
นางวนิดา กล่าวอีกว่า สำหรับแนวโน้มการลงทุนภาคใต้ตอนบนในช่วงครึ่งปีหลัง (กรกฎาคม-ธันวาคม) คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องและไม่ต่ำกว่าปีที่ผ่านมา โดยในช่วงกลางปีเป็นต้นไป การลงทุนในภาคใต้ตอนบนจะเริ่มคึกคัก ซึ่งเป็นผลบวกมาจากรัฐบาลได้ประกาศให้ปี 2551-2552 เป็น ปีแห่งการลงทุนไทย (Thailand Investment Year 2008-2009 )และยังมีแผนกระตุ้นให้เกิดการลงทุนโครงการใหญ่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้
ในเบื้องต้นจากการศึกษาของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มอุตสาหกรรมเหล็กต้นน้ำ กลุ่มแปรรูปเกษตรและพืชพลังงาน กลุ่มปิโตรเคมีและพลังงาน ซึ่งคาดว่าจังหวัดที่จะเกิดการลงทุนสูงได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี จ.นครศรีธรรมราช จ.ภูเก็ต และ จ.กระบี่ ส่วนใหญ่เป็นกิจการในประเภทแปรรูปเกษตรและพืชพลังงาน รองลงมา ได้แก่ ท่องเที่ยว
ทั้งนี้ คาดว่าการลงทุนภาคใต้ตอนบนในปี 2551 จะมีโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติไม่ต่ำกว่า 58 โครงการ เงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 30,000 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม การลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน ยังคงมีปัจจัยที่เป็นตัวแปรสำคัญด้านต่างๆ เช่น นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่นในภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบัน รวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย และเงินบาทแข็งค่า สิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลกระทบต่อการลงทุนในพื้นที่ภาคใต้ตอนบนของปี 2551