ผู้จัดการรายวัน-แบงก์ออมสินสุดอั้นประกาศขึ้นดอกเบี้ยทั้งเงินฝากเงินกู้ 0.50 – 1.25% ตามแบงก์พาณิชย์หลังส่งผลกระทบฐานเงินฝาก ยอมรับดอกเบี้ยขาขึ้นกดดันต้นทุนส่งผลให้อุตสาหกรรมแข่งหนักทั้งเงินฝากรูปแบบพิเศษและกองทุนรวม “วรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี” เผยน้ำมันแพงส่งสัญญาณกระทบลูกค้ารายย่อยโดยเฉพาะสินเชื่อเคหะ สั่งจับตาเป็นพิเศษหากพบความผิดปกติให้รีบช่วยเหลือลูกค้าทันที งัดทั้งมาตรการลดเงินงวดพักดอกเบี้ยเพื่อความอยู่รอดทั้งสองฝ่าย
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากทำให้อัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์แตกต่างจากธนาคารออมสิน 0.50-1.25% นั้น เริ่มส่งผลกระทบต่อลูกค้าเงินฝากของธนาคารออมสินบ้างแล้ว ดังนั้นธนาคารออมสินจึงได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารออมสินประเภทเผื่อเรียก อยู่ที่ 0.75% เผื่อเรียกพิเศษ 1.75 – 2.0% เงินฝากประจำ 3 เดือน 2.38 – 2.63% เงินฝากประจำ 6 เดือน 2.50 – 2.75% เงินฝากประจำ 12 เดือน 2.75 – 3.00% และเงินฝากประจำแบบยกเว้นภาษี 3.50% สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) 7.25% ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) 7.50%
“การแข่งขันในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีมากขึ้นส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางขาขึ้นนั้นจะทำให้ทุกคนเหนื่อยกันมากขึ้น โดยเฉพาะการแบกรับต้นทุนทางการเงินที่สูงตามขึ้นไปด้วยทั้งจากธนาคารพาณิชย์ที่แข่งออกเงินฝากพิเศษประเภทต่างๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลารมวไปถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ค้ำประกันเงินต้นที่ออกมาอย่างมากมายในปัจจุบันส่งผลให้ลูกค้ามีทางเลือกในการออมการลงทุนมากขึ้นเราจึงต้องทำงานหนักมากขึ้นเช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
ลุ้นครึ่งปีหลังงัดเงินฝากรูปแบบใหม่สู้ศึก
นายวรวิทย์กล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารยังไม่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกมามากนัก โดยที่ออกมานั้นจะเป็นการออกสลากออมสินพิเศษที่เป็นการระดมเงินทุนตามปกติของธนาคารเท่านั้น แต่ในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ออกมารับมือกับการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
“เงินฝากอีกรูปแบบที่ธนาคารกำลังจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังคือเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตหรือGSB Life ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้มีความแตกต่างจากตลาดเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการฝากเงินประเภท GSB Life มากขึ้น และธนาคารยังมีสลากออมสินงวดใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัวออกมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
เตรียมมาตรการรองรับเงินเฟ้อครึ่งปีหลัง
นายวรวิทย์ กล่าวว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าครองชีพของประชาชนเริ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมั้นนั้น ลูกค้าธนาคารออมสินส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมากนักโดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) นั้น ก็เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อโดยเพิ่มจาก 4.1% ในช่วงต้นปี มาเป็น 4.15% โดยถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลดังกล่าวไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ธนาคารได้ประเมินว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หากสถานการณ์ของเงินเฟ้อและน้ำมันยังคงเป็นไปในทิศทางนี้อย่างต่อเนื่องจะถือว่าอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงเป็นการส่งสัญญาณที่ธนาคารทุกแห่งต้องเตรียมมาตรการออกมารองรับกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่ทุกฝ่ายไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ข้างหน้าได้ ซึ่งธนาคารก็เตรียมมาตรการไว้รองรับเช่นกันหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้น
จับตาสินเชื่อเคหะโดนพิษศก.เล่นงาน
สำหรับสินเชื่ออีกหนึ่งกลุ่มที่สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงคือกลุ่มสินเชื่อเคหะซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเมื่อดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้นและค่าครองชีพปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าสินเชื่อเคหะส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้ประจำเมื่อค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระค่างวดได้ ดังนั้นธนาคารจึงได้สั่งจับตาลูกค้ากลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด
“กลุ่มลูกค้าสินเชื่อเคหะเป็นกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษในสถานการณ์เช่นนี้เพราะประชาชนทุกระดับได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลุ่มนี้มีรายได้ประจำมีการกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนเราจึงต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งธนาคารเองมีประวัติการชำระเงินของลูกค้าอยู่แล้วเมื่อเริ่มขาดส่งเงินงวด 1 เดือนหรือเริ่มส่งล่าช้าธนาคารจะเข้าไปคุยเพื่อหาทางออกเป็นรายๆ ไป โดยอาจจะให้ลดวงเงินค่างวดให้น้อยลงหรือพักการจ่ายดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย หรือหารลูกค้าคิดว่าเริ่มมีปัญหาก็ให้เข้ามาปรึกษาพนักงานได้ทันที” นายวรวิทย์กล่าว
นายวรวิทย์ ชัยลิมปมนตรี รองผู้อำนวยการธนาคารออมสินอาวุโส เปิดเผยว่า ในสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากที่ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากทำให้อัตราดอกเบี้ยของระบบธนาคารพาณิชย์แตกต่างจากธนาคารออมสิน 0.50-1.25% นั้น เริ่มส่งผลกระทบต่อลูกค้าเงินฝากของธนาคารออมสินบ้างแล้ว ดังนั้นธนาคารออมสินจึงได้ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยให้อยู่ในระดับเดียวกันกับธนาคารพาณิชย์โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 11 มิถุนายน นี้เป็นต้นไป
ทั้งนี้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากของธนาคารออมสินประเภทเผื่อเรียก อยู่ที่ 0.75% เผื่อเรียกพิเศษ 1.75 – 2.0% เงินฝากประจำ 3 เดือน 2.38 – 2.63% เงินฝากประจำ 6 เดือน 2.50 – 2.75% เงินฝากประจำ 12 เดือน 2.75 – 3.00% และเงินฝากประจำแบบยกเว้นภาษี 3.50% สำหรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ประเภทเงินกู้ที่มีระยะเวลา (MLR) 7.25% ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) 7.50%
“การแข่งขันในระบบธนาคารพาณิชย์ที่มีมากขึ้นส่งผลกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมโดยเฉพาะในช่วงที่ดอกเบี้ยเริ่มส่งสัญญาณในทิศทางขาขึ้นนั้นจะทำให้ทุกคนเหนื่อยกันมากขึ้น โดยเฉพาะการแบกรับต้นทุนทางการเงินที่สูงตามขึ้นไปด้วยทั้งจากธนาคารพาณิชย์ที่แข่งออกเงินฝากพิเศษประเภทต่างๆ ออกมาอยู่ตลอดเวลารมวไปถึงกองทุนรวมตราสารหนี้ที่ค้ำประกันเงินต้นที่ออกมาอย่างมากมายในปัจจุบันส่งผลให้ลูกค้ามีทางเลือกในการออมการลงทุนมากขึ้นเราจึงต้องทำงานหนักมากขึ้นเช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
ลุ้นครึ่งปีหลังงัดเงินฝากรูปแบบใหม่สู้ศึก
นายวรวิทย์กล่าวว่า สำหรับในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาของปีนี้ธนาคารยังไม่มีผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ๆ ออกมามากนัก โดยที่ออกมานั้นจะเป็นการออกสลากออมสินพิเศษที่เป็นการระดมเงินทุนตามปกติของธนาคารเท่านั้น แต่ในช่วงครึ่งปีหลังธนาคารเตรียมพัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินรูปแบบใหม่ๆ ออกมารับมือกับการแข่งขันของธนาคารพาณิชย์มากยิ่งขึ้น
“เงินฝากอีกรูปแบบที่ธนาคารกำลังจะเปิดตัวในครึ่งปีหลังคือเงินฝากสงเคราะห์ชีวิตหรือGSB Life ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาให้มีความแตกต่างจากตลาดเพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการฝากเงินประเภท GSB Life มากขึ้น และธนาคารยังมีสลากออมสินงวดใหม่ๆ ที่ทยอยเปิดตัวออกมาในช่วงครึ่งปีหลังนี้เช่นกัน” นายวรวิทย์กล่าว
เตรียมมาตรการรองรับเงินเฟ้อครึ่งปีหลัง
นายวรวิทย์ กล่าวว่า สำหรับภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันที่ค่าครองชีพของประชาชนเริ่มสูงขึ้นจากราคาน้ำมั้นนั้น ลูกค้าธนาคารออมสินส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญมากนักโดยหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล) นั้น ก็เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของสินเชื่อโดยเพิ่มจาก 4.1% ในช่วงต้นปี มาเป็น 4.15% โดยถือว่าเป็นการเพิ่มขึ้นของเอ็นพีแอลดังกล่าวไม่มีความผิดปกติแต่อย่างใด
ทั้งนี้ธนาคารได้ประเมินว่าในช่วงครึ่งหลังของปีนี้หากสถานการณ์ของเงินเฟ้อและน้ำมันยังคงเป็นไปในทิศทางนี้อย่างต่อเนื่องจะถือว่าอยู่ในภาวะที่น่าเป็นห่วงเป็นการส่งสัญญาณที่ธนาคารทุกแห่งต้องเตรียมมาตรการออกมารองรับกับสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ โดยที่ทุกฝ่ายไม่สามารถคาดเดาสถานการณ์ข้างหน้าได้ ซึ่งธนาคารก็เตรียมมาตรการไว้รองรับเช่นกันหากสถานการณ์นี้เกิดขึ้น
จับตาสินเชื่อเคหะโดนพิษศก.เล่นงาน
สำหรับสินเชื่ออีกหนึ่งกลุ่มที่สถานการณ์ค่อนข้างน่าเป็นห่วงคือกลุ่มสินเชื่อเคหะซึ่งถือเป็นกลุ่มแรกที่ได้รับผลกระทบโดยตรงเมื่อดอกเบี้ยอยู่ในขาขึ้นและค่าครองชีพปรับเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากลูกค้าสินเชื่อเคหะส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีรายได้ประจำเมื่อค่าครองชีพเพิ่มขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระค่างวดได้ ดังนั้นธนาคารจึงได้สั่งจับตาลูกค้ากลุ่มนี้อย่างใกล้ชิด
“กลุ่มลูกค้าสินเชื่อเคหะเป็นกลุ่มที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษในสถานการณ์เช่นนี้เพราะประชาชนทุกระดับได้รับผลกระทบด้วยกันทั้งสิ้น แต่กลุ่มนี้มีรายได้ประจำมีการกำหนดสัดส่วนค่าใช้จ่ายที่ชัดเจนเราจึงต้องเข้าไปดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งธนาคารเองมีประวัติการชำระเงินของลูกค้าอยู่แล้วเมื่อเริ่มขาดส่งเงินงวด 1 เดือนหรือเริ่มส่งล่าช้าธนาคารจะเข้าไปคุยเพื่อหาทางออกเป็นรายๆ ไป โดยอาจจะให้ลดวงเงินค่างวดให้น้อยลงหรือพักการจ่ายดอกเบี้ยขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของลูกค้าแต่ละราย หรือหารลูกค้าคิดว่าเริ่มมีปัญหาก็ให้เข้ามาปรึกษาพนักงานได้ทันที” นายวรวิทย์กล่าว