xs
xsm
sm
md
lg

พันธมิตรนัด 16 มิ.ย.บุกให้กำลังใจกกต.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ผู้จัดการรายวัน - แกนนำพันธมิตรฯย้ำจันทร์นี้ให้กำลังใจ กกต. จำลอง ยันแม้ไม่ทำประชามติก็ไม่หยุดชุมนุม ย้ำรัฐบาลต้องลาออกเท่านั้น สุริยะใส ระบุอารยะขัดขืนเริ่มเห็นผลชาวบ้านฮึดสู้ ขรก.รับใช้ระบอบทักษิณ สมชัย ท้าพันธมิตรฯระบุให้ชัดขับไล่เพราะผิดอะไร ด้าน ผบ.สส.โทร.ให้กำลังใจ คตส. ส่วน ผบ.ตร.ให้อำนาจกองปราบดำเนินการ คตส.เต็มที่ ด้านเจ้าของคดีรับหลักฐาน คตส.หมิ่นครอบครัวทักษิณ อ่อน ไม่ตอบทำไมไม่ส่งฟ้อง ครอบครัวแม้วหมิ่นประมาท คตส.

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาชน วานนี้ (11 มิ.ย.) ซึ่งเป็นวันที่ 18 ยังเป็นไปอย่างคึกคักมีประชาชนเข้าร่วมอย่างคับคั่งเช่นเดิม
พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวว่า จะมีการปรับ รูปแบบการชุมนุมเพิ่มเติมตามที่มีข้อเสนอจากหลายฝ่าย โดยจะหารือกับ 5 แกนนำอีกครั้ง เพื่อให้การชุมนุมบรรลุวัตถุประสงค์ในการเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน ยุติการแก้ไขรัฐธรรมนูญ และให้รัฐบาลลาออก รวมทั้งจะมีการหารือของแกนนำถึงมาตรการอารยะขัดขืนอีกครั้ง ส่วนมาตรการดาวกระจายนั้น ในวันจันทร์ที่ 16 มิ.ย.นี้ อาสาสมัครของกลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางไปยังสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้กำลังใจการทำงานของ กกต.
ส่วนมาตรการที่ได้ประกาศเรียกร้องให้ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ร่วมสนับสนุนการชุมนุมนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า สามารถทำได้นอกเวลาราชการ โดยไม่มีความผิด และเห็นว่าทหาร ตำรวจนั้น เป็นหนี้ของแผ่นดินมากกว่าประชาชน อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่าจะมีกลุ่มผู้ไม่หวังดีเข้ามาปั่นป่วนการชุมนุม แต่เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. มีรายงานข่าวว่า มีตำรวจตระเวนชายแดน นอกเครื่องแบบ 50 คน มาปะปนกับผู้ชุมนุมด้วย ทั้งนี้ เห็นว่า หากเจ้าหน้าที่ตำรวจ สลายการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ที่ท้องสนามหลวง จะสามารถช่วยป้องกันไม่ให้เกิดอันตรายกับผู้ชุมนุมของพันธมิตรฯ ได้
ส่วนที่นายกรัฐมนตรีระบุระหว่างหารือกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลว่าอาจะไม่ทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่จะปล่อยให้เป็นกลไกของสภานั้น พล.ต.จำลอ
กล่าวว่า เคยบอกแล้วว่าไม่เห็นด้วกับการทำประชามติ เพราะเป็นการเสียเงินและเสียเวลา พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่รัฐบาลยังมีความพยายาม ตะแบงที่จะแก้ไข อย่างไรก็ตาม การกระทำดังกล่าวจะไม่มีผลต่อจุดมุ่งหมายของ การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ
หากรัฐบาลลาออกตามข้อเรียกร้องของพันธมิตรฯ จะถือเป็นผลดีต่อประเทศอย่างแน่นอน และจะไม่มีผลกระทบต่อสภาวะเศรษฐกิจของประเทศ เพราะตลอด 4 เดือนที่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ไม่มีการดำเนินการใดที่เป็นรูปธรรม ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องรับผิดชอบ จะมาโทษว่าปัญหาของประเทศสะสมมานานตั้งแต่ปี 2549 ไม่ได้ เพราะไม่มีใครเอาปืนมาจี้ให้รัฐบาลมาเป็น ส.ส.เข้ามาบริหารประเทศ
ส่วนที่พันธมิตรฯเรียกร้องให้พรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินถอนตัวจากการร่วมรัฐบาลนั้น พล.ต.จำลอง กล่าวว่า เราจะไม่แทรกแซงหรือไม่ไปหารือกับพรรคชาติไทยและพรรคเพื่อแผ่นดินแล้วแต่เขาจะดูว่าอะไรเหมาะสม คิดถึงส่วนรวม และไม่ขอฝากอะไรถึงนายบรรหาร ศิลปอาชา เพราะอายุจนป่านนี้แล้ว ไม่มีคำ เรียกร้องใดจากกลุ่มพันธมิตรฯ ให้ไปคิดเอาเอง แต่ในเมื่อไม่เป็นไปตามที่ตกลง ก็ต้องดูว่าจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว ประโยชน์ของพวกพ้องหรือไม่ แต่ถ้าเห็นแก่ประโยชน์ของประเทศ ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้อง

เตรียมเปิดโปงกระบวนการชั่ว
ด้านนายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ แถลงมติของ 5 แกนนำพันธมิตรฯว่า แกนนำเห็นตรงกันว่า การแสดงท่าทีทางการเมืองแบบวันต่อวันจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ เวลา 10.00 น.จะเป็นการแสดงความเห็นของ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ จากนั้นในเวลา 18.00 น. ตนหรือนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ จะมาตอบคำถามสื่อมวลชน หากมีประเด็นข่าวใหม่ในช่วงบ่าย
ส่วนประเด็นสินบนตุลาการ 2 ล้านบาทที่ทนายความนักการเมืองนำไปให้นั้น แกนนำจะหารือกัน ส่วนบนเวทีจะเปิดโปงเบื้องหน้าเบื้องหลังโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ซึ่งเราทราบข้อมูลตั้งแต่เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. แต่ที่ไม่มีการพูดบนเวที เพราะยังไม่ได้รับการยืนยัน แต่ข่าวทั้งหมดในวันนี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า ข่าวดังกล่าวเป็นความจริง
สำหรับการทำงานของ กกต.ที่เกี่ยวข้องกับกรณีใบแดงของนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งอาจจะโยงไปถึงการยุบพรรคด้วยนั้น เราก็พบความไม่ชอบมาพากล ดังนั้นบนเวทีวันนี้จะมีการพูดถึงด้วยว่า สุดท้ายแล้วกรณีนี้จะกลายเป็นมวยล้มต้ม คนดูหรือไม่

ยันอารยะขัดขืนไม่ได้หนุนให้ทำผิดกม.
สำหรับมาตรการอารยะขัดขืน ที่พรรคพลังประชาชน (พปช.) กล่าวหาว่า เป็นคนยุให้ประชาชนทำผิดกฎหมายนั้น หากดูมาตรการแรกของเราตั้งแต่ต้นให้ละเอียดจะเห็นว่า ไม่ผิดกฎหมาย แต่เป็นการกระตุ้นให้ประชาชนใช้ความกล้าหาญเพื่อพิทักษ์สิทธิของตนเอง เพราะวันนี้ข้าราชการและประชาชนเกรงกลัว ทั้งๆ ที่ขัดต่อมโนสำนึก ขอให้อ่านในรายละเอียดให้ดีก่อนจะมากล่าวหา
นายสุริยะใส กล่าวว่า ภายหลังประกาศอารยะขัดขืนออกไป ที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบรี ซึ่งมีการชุมนุมคู่ขนานกับกลุ่มพันธมิตรฯ ปรากฏว่า ถูกตำรวจพยายาม มาปิดจอทีวีเพื่อให้เลิกชุมนุม ดังนั้น ชาวบ้านจึงโทร.มาปรึกษา ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการหารือว่าจะฟ้องร้องอย่างไรหรือไม่ ส่วนจะเรียกร้องให้รัฐบาลถอนตัวหรือไม่ อยากให้ฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายบริหาร ตัดสินใจเอาเองมากกว่า โดยให้มาสนใจ ปากท้องประชาชนให้มากขึ้น เพราะขณะนี้แม้แต่คณะกรรมาธิการสามัญก็ยังไม่สามารถตั้งได้ จึงไม่สามารถสะท้อนหรือแก้ไขปัญหาประชาชนได้ รัฐสภาจึงเป็นเพียงที่เล่นเกมการเมืองเท่านั้น

สมชัยท้านำหลักฐานโชว์ไม่ดีตรงไหน
นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวถึงการที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะเดินทางมาที่ กกต. ว่า ถือเป็นความต้องการในการแสดงออกของกลุ่มพันธมิตรฯ ส่วนที่มีการระบุว่ากลุ่มพันธมิตรฯเดินทางมาเพื่อขับไล่นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านกิจการสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และมาให้ กำลังใจ กกต. อีก 3 คนนั้น ตนเห็นว่าการมาให้กำลังใจ คงอยู่ในรูปแบบเป็นกลาง เพราะ กกต. ทุกคนทำงานยึดหลักเสียงส่วนใหญ่ เรามีหลักฐานชัดเจนที่สามารถตรวจสอบได้ หากใครดีหรือไม่ดี ก็พร้อมให้ตรวจสอบเต็มที่ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าไม่ได้เป็นการกดดัน กกต. ในการพิจารณาสำนวนของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ด้าน นายสุเมธ อุปนิสากร กกต.ด้านการมีส่วนร่วม กล่าวว่า ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะขอร้องกลุ่มพันธมิตรฯไม่ต้องมามอบดอกไม้หรือให้กำลังใจกกต. เพราะเป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม ตนเกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต. ซึ่งหากกกต.ถูกมองว่าเป็นฝ่ายเดียวกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะทำให้กกต. ทำหน้าที่ด้วยความยากลำบาก
ผมไม่อยากถูกมองว่ากกต.อยู่ฝ่ายพันธมิตรฯ ขอให้คิดว่า กกต.เหมือน ผู้พิพากษาที่ตัดสินไปแล้วไม่มีหน้าที่ต้องมารับความยินดีจากฝ่ายชนะหรือรับความเสียใจจากฝ่ายแพ้ ถ้าใครชนะแล้วแห่มาให้กำลังใจก็เป็นเรื่องไม่เหมาะสม เพราะต่อไปเราจะทำงานได้อย่างไรถ้าคนเชื่อว่าเราไม่เป็นกลาง เราลงไปรับดอกไม้ หรือคำชื่นชมไม่ได้ แต่เราสามารถรับคำวิจารณ์และรับคำตำหนิได้
ด้านนายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.กล่าวว่า ตนชื่นชมกลุ่มพันธมิตรฯ ที่ต่อสู้เพื่อรักษาความถูกต้องทำให้รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ลงจากตำแหน่งและตนก็ยึดหลักการเชื่อในความถูกต้องเหมือนกลุ่มพันธมิตรฯเพียงแต่มีความเห็นที่แตกต่างกัน จึงอยากจะขอให้กลุ่มพันธมิตรระบุให้ชัดเจนด้วยว่า ตนทำหน้าที่ไม่ถูกต้องอย่างไร หรือขับไล่เพียงเพราะตัดสินไม่ถูกใจ ซึ่งไม่เข้าใจว่าทำไมกลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องมาขับไล่คนที่เชื่อในความถูกต้องเช่นเดียวกัน และตนขอยืนยันว่าได้วินิจฉัยทำหน้าที่ทุกอย่างไปตามกฎหมาย

ผบ.สส.สายตรงให้กำลังใจคตส.
นายนาม ยิ้มแย้ม ประธาน คตส. กล่าว ช่วงเช้าวันที่ 11 มิ.ย. พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส. ได้โทรศัพท์มาหาเพื่อสอบถามกรณีที่ คตส.ทำหนังสือถึงอดีต คมช. เรื่องที่ถูกกองบังคับการปราบปรามออกหมายเรียกคดีหมิ่นประมาทครอบครัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และ บริษัท สำนักกฎหมายนิติเอกราช ทั้งที่ก่อนหน้านี้ คตส. แจ้งความดำเนินคดีข้อหาหมิ่นประมาทกับบุคคลทั้ง 2 แต่ตำรวจกองปราบฯ ไม่แจ้งความคืบหน้าแต่กลับมาออกหมายเรียก คตส.ที่ถูกกลุ่มบุคคลทั้ง 2 แจ้งความกลับข้อหาหมิ่นประมาท เพราะ พล.อ.บุญสร้างไม่ทราบรายละเอียด แต่เมื่อเข้าใจแล้วก็ได้ให้กำลังใจและชม คตส.ว่าเป็นคนดี
ผมได้แจ้งผบ.สส.ไปว่า คตส.ไม่ได้ต้องการความคุ้มครองใดๆ จากทหาร แต่ต้องการให้ทราบการกระทำของตำรวจที่ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือเท่านั้น เพราะอดีต คมช.เคยบอกกับคตส.เองว่า มีอะไรให้แจ้งให้ทราบ เราก้ทำตามที่เขาเคยบอกไว้เท่านั้น

ผบ.ตร.อ้างเป็นอำนาจกองปราบ
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.กล่าวถึงกรณีที่พนักงานสอบสวนกองบังการปราบปรามออกหมายเรียก คตส.ข้อหาหมิ่นประมาท และแจ้งความผู้อื่นให้ได้รับโทษทางอาญาว่าการออกหมายเรียกเป็นขั้นตอนของพนักงานสอบสวนและเป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวนซึ่งจะออกกี่ครั้งกฎหมายไม่ได้เขียนเอาไว้ เป็นอำนวจของพนักงานที่จะดูว่าข้อมูลในการออกหมายเรียกพร้อมแค่ไหน ซึ่งขั้นตอนจะออกหมายจับหรือไม่ตนเองคงไปสั่งพนักงานสอบสวนไม่ได้เป็นอำนาจของพนักงงานสอบสวน
ส่วนการออกหมายเรียกปกติจะออก 2 ครั้ง แล้วออกหมายจับจะทำให้คดีนี้ กลายเป็นบรรทัดฐานให้ประชาชนทั่วไปหรือไม่ พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า เป็นดุลยพินิจของพนักงานสอบสวน ส่วน พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.ป.หัวหน้าพนักงานสอบสวนนั้นยังไม่ได้พบกัน แต่ได้พูดคุยกันนิดหน่อยแต่เนื้อหาสำนวนยังไม่เห็น
การขออนุมัติออกหมายจับเป็นดุลพินิจของพนักงานสอบสวน แต่คงยังมีมีการออกหมายจับ อย่างไรก็ตามต้องมีการเรียกสำนวนการทำคดีมาดูก่อน ว่าข้อมูลครบหรือไม่ การออกหมายเรียกทำอย่างไรมีหลักฐานมีมาตรฐานหรือไม่ แต่ยืนยันว่าจะไม่มีการเปลี่ยนตัวพนักงานสอบสวนในคดี และไม่มีฝ่ายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้

กองปราบเลื่อนประชุม
ด้าน พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ไวศยะ รอง ผบก.ป.ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวน คดีดังกล่าว กล่าวว่า ได้เลื่อนการประชุมพนักงานสอบสวนไปเป็นสัปดาห์หน้า ทั้งนี้ ตนไม่อยากให้นำคดีนี้ไปโยงกับการเมือง โดยเฉพาะในฐานะพนักงานสอบสวน ต้องดำเนินการสอบสวนไปตามกฎหมาย ไม่มีใครเอาตำแหน่งและเกียรติยศไปช่วยผู้อื่นหรือแลกกับสิ่งที่ไม่ถูกต้องแน่นอน
พ.ต.อ.จารุวัฒน์ ยอมรับว่าคดีนี้พยานหลักฐานมีน้อยมาก มีเพียงหนังสือที่ตอบโต้กันไปมาระหว่างคู่กรณีทั้งสองฝ่ายพนักงานสอบสวนจึงจำเป็นต้องเรียก คตส.มาพบ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงจากที่ทางฝ่ายสำนักกฎหมายนิติเอกราช กล่าวโทษ ซึ่งทาง คตส.ก็จะมีโอกาสชี้แจง และนำหลักฐานมาโต้แย้ง หากพนักงานสอบสวน พิจารณาแล้วไม่เข้าข่ายความผิด ก็จะพิจารณาสั่งไม่ฟ้อง คตส.ต่อไป เมื่อทาง คตส.ไม่มาพบก็ทำให้ไม่สามารถสืบหาข้อเท็จจริงทางคดีได้
ส่วนการส่งหมายเรียกครั้งที่ 1 ไปยังบ้านพักของ คตส.ถูกมองว่าเป็นการกลั่นแกล้งให้ได้รับความอับอาย นั้น พ.ต.อ.จารุวัฒน์ กล่าวว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามระเบียบที่พนักงานสอบสวนต้องนำส่งหมายไปยังภูมิลำเนา เพราะเกรงว่าจะไม่ได้รับหมาย ไม่ว่าพนักงานสอบสวนหน่วยงานใดก็ต้องดำเนินการเช่นนี้

ไม่ตอบทำไมไม่ฟ้องครอบครัวทักษิณ
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในฐานะที่เป็นหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีที่ นายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการ คตส.มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายเข้าแจ้งความร้องทุกข์ ที่กองปราบปราม ดำเนินคดีกับครอบครัวชินวัตร และสำนักกฎหมายนิติเอกราช ในข้อหาดูหมิ่นเจ้าพนักงานแต่ตำรวจสั่งไม่ฟ้องพ.ต.อ.จารุวัฒน์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าวโดยระบุเพียงสั้นๆ ว่า ไม่สามารถเปิดเผยสำนวนทางคดีได้
คดีนี้เป็นเรื่องส่วนตัวที่ทั้งสองฝ่ายต่างกล่าวหากัน กรุณาอย่านำผม ไปเกี่ยวข้องด้วย ผมเมื่อได้รับเรื่องร้องทุกข์กล่าวโทษก็ดำเนินการแสงหาข้อเท็จจริง ใครถูกผิดก็ว่ากันไปตามพยานหลักฐาน ที่บางคนกล่าวหาว่าผมสนิทกับ นายยงยุทธ ติยะไพรัช อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎร และกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน นั้น ขอยืนยันว่า ไม่ได้สนิทกันเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด จึงอยากขอร้องว่าอย่านำผม ไปเกี่ยวข้องกับเรื่องการเมือง

อัยการตั้งคณะพิจารณาสำนวน
ด้าน นายอิทธิพล เพิ่มศรี อัยการพิเศษฝ่ายคดีศาลแขวง 1 (รัชดา) กล่าวถึง กรณีที่กองปราบปราม นำสำนวนการสอบสวนคดีดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ที่นายแก้วสรร แจ้งความ พร้อมความเห็นสั่งไม่ฟ้องครอบครัวชินวัตร และสำนักกฎหมายนิติเอกราช ผู้ต้องหา ให้อัยการพิจารณาสั่งคดี ว่าพนักงานสอบสวนกองปราบปรามนำสำนวนคดีดังกล่าวมาส่งมอบให้อัยการพิจารณาสั่งคดีเมื่อวันที่ 10 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยตนได้สั่งตั้งคณะทำงานอัยการจำนวน 5 คน มารับผิดชอบตรวจพิจารณาสำนวนการสอบสวนและพยานเอกสารทั้งหมด ซึ่งคณะทำงานอัยการจะร่วมประชุมในสัปดาห์หน้า เพื่อตรวจพิจารณาสำนวนการสอบสวนและเอกสารหลักฐานว่าครบถ้วนสมบูรณ์ เพียงพอแล้วหรือไม่ และอัยการต้องสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติมหรือไม่ และหากสั่งสอบเพิ่มเติมแล้วพนักงานสอบสวนจะส่งผลสอบเพิ่มเติมให้กับอัยการเร็ว หรือช้าเพียงใด คือปัจจัยในการพิจารณาสั่งคดี โดยอัยการมีเวลาพิจารณาสั่งคดีประมาณ 1-2 เดือน
ตามขั้นตอนแล้ว หากอัยการพิจารณาแล้วเห็นด้วยกับพนักงานสอบสวนก็จะทำความเห็นไปยัง ผบ.ตร.พิจารณา แต่หากอัยการเห็นแย้งกับพนักงานสอบสวนก็จะต้องเสนอไปยังอัยการสูงสุดเป็นผู้ชี้ขาดว่าจะสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา
กำลังโหลดความคิดเห็น