รอยเตอร์/เอเอฟพี – คณะรัฐมนตรีเกาหลีใต้ทั้งคณะยื่นใบลาออกจากตำแหน่งเมื่อวานนี้(10) ก่อนหน้าที่จะเกิดการประท้วงใหญ่ในกรุงโซลที่ผู้คนนับแสนๆ เข้าร่วม ขณะที่ประธานาธิบดีลีเมียงบัคซึ่งไม่เป็นที่พอใจของประชาชนเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ กล่าวเตือนว่าโสมขาวอาจจะกำลังบ่ายหน้าเข้าสู่วิกฤตการณ์
การประท้วงคัดค้านรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งได้เพียงสามเดือนเศษคราวนี้ มีชนวนมาจากความเดือดแค้นของประชาชน ต่อการที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงเปิดตลาดรับเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯให้กว้างขึ้น โดยที่ประชาชนยังหวาดระแวงเรื่องความไม่ปลอดภัย
ในความพยายามที่จะคลี่คลายสถานการณ์ นายกรัฐมนตรีฮันเซืองซู พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ได้ยื่นใบลาออกให้ประธานาธิบดีพิจารณา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความปั่นป่วนวุ่นวายจากการต่อต้านประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้ว
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ประธานาธิบดีลีจะพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรีในปลายสัปดาห์นี้ โดยมีเสียงคาดเดากันว่า นักการเมืองที่เป็นอดีตซีอีโอหัวอนุรักษนิยมผู้นี้ จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเกษตร, สาธารณสุข, และศึกษาธิการ รวมทั้งปลดผู้ช่วยอื่นๆ อีกจำนวนมาก ตลอดจนอาจจะลามไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังด้วย
ข้อตกลงเนื้อวัวที่เซ็นกันในเดือนเมษายนกับสหรัฐฯนั้น ทางการเกาหลีใต้หวังเพียงว่าจะช่วยให้ข้อตกลงอีกฉบับหนึ่งซึ่งสำคัญยิ่งกว่า นั่นคือข้อตกลงเขตการค้าเสรีเกาหลีใต้-สหรัฐฯ สามารถผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอเมริกันไปได้ ภายหลังสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯหลายคนขู่ที่จะยับยั้งข้อตกลงฉบับหลัง หากโสมขาวไม่เปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวให้กว้างขึ้น
ทว่าความหวั่นวิตกอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเชื้อวัวบ้าในเนื้อวัวสหรัฐฯ กลับทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นสายล่อฟ้าไปอย่างรวดเร็ว และบรรดาประเด็นปัญหาความไม่พอใจต่างๆ ต่อรัฐบาลประธานาธิบดีลี ก็ประเดประดังปะทุตามๆ มา สืบเนื่องจากความไม่พอใจของสาธารณชนที่เห็นว่าลีห่างเหินไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน
ลีนั้นเพิ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม โดยที่มีชัยเหนือผู้สมัครฝ่ายเสรีนิยมชนิดถล่มทลาย ส่วนสำคัญเป็นเพราะการที่เขาสัญญาจะทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่ต้องพึ่งพิงการส่งออกอย่างมาก กลับฟื้นตัวมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่
“เส้นทางสู่การเป็นประธานาธิบดีของเขานั้นดูง่ายดายเกินไป เขาจึงรู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้ไม่มีทางผิดพลาด และนี่จึงทำให้กลายเป็นความยโสและความมั่นใจ จนทำให้เป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ทางการเมืองอย่างชัดเจน” เป็นคำวิจารณ์ของ คังวอนเต็ก ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซุงซิล
การเสนอตัวลาออกของคณะรัฐมนตรีทั้งชุด มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าการประท้วงครั้งใหญ่ในทั่วประเทศ ซึ่งทางผู้จัดบอกว่าจะระดมคนเข้าร่วมได้ถึง 1 ล้านคน โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในสามจะชุมนุมกันในกรุงโซล
ทางการตำรวจได้ออกคำเตือนภัยระดับสูงสุดก่อนหน้าการประท้วง พร้อมกับปิดถนนหลายสายในบริเวณใจกลางเมืองหลวง อีกทั้งนำตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทรายมาตั้งซ้อนๆ กัน เพื่อปิดกั้นถนนสายหลักที่มุ่งไปยัง “บลูเฮาส์” ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ รวมทั้งนำเอาเครื่องฉีดน้ำกำลังแรงจัดจำนวนมากมาเตรียมรับมือขับไล่ หากการประท้วงกลายเป็นความรุนแรง
ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากถือป้ายเขียนข้อความว่า “ลีเมียงลัคออกไป” ชุมนุมกันอยู่เต็มถนนไปหมด และถึงกลางคืนก็พากันจุดเทียนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการสำแดงพลัง
ทางด้านประธานาธิบดีลี ได้กล่าวปราศรัยเตือนเมื่อวานนี้ว่า ราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่แพงลิ่ว และอัตราเติบโตที่ชะลอตัวลง กำลังทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้มุ่งไปสู่ความยากลำบากที่สุดในรอบสิบปี
การประท้วงคัดค้านรัฐบาลเกาหลีใต้ ซึ่งเพิ่งเข้าดำรงตำแหน่งได้เพียงสามเดือนเศษคราวนี้ มีชนวนมาจากความเดือดแค้นของประชาชน ต่อการที่รัฐบาลไปทำข้อตกลงเปิดตลาดรับเนื้อวัวนำเข้าจากสหรัฐฯให้กว้างขึ้น โดยที่ประชาชนยังหวาดระแวงเรื่องความไม่ปลอดภัย
ในความพยายามที่จะคลี่คลายสถานการณ์ นายกรัฐมนตรีฮันเซืองซู พร้อมด้วยคณะรัฐมนตรีทั้งหมด ได้ยื่นใบลาออกให้ประธานาธิบดีพิจารณา เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความปั่นป่วนวุ่นวายจากการต่อต้านประท้วงที่ดำเนินต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์แล้ว
สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ประธานาธิบดีลีจะพิจารณาปรับคณะรัฐมนตรีในปลายสัปดาห์นี้ โดยมีเสียงคาดเดากันว่า นักการเมืองที่เป็นอดีตซีอีโอหัวอนุรักษนิยมผู้นี้ จะเปลี่ยนตัวรัฐมนตรีเกษตร, สาธารณสุข, และศึกษาธิการ รวมทั้งปลดผู้ช่วยอื่นๆ อีกจำนวนมาก ตลอดจนอาจจะลามไปถึงรัฐมนตรีต่างประเทศ และรัฐมนตรีคลังด้วย
ข้อตกลงเนื้อวัวที่เซ็นกันในเดือนเมษายนกับสหรัฐฯนั้น ทางการเกาหลีใต้หวังเพียงว่าจะช่วยให้ข้อตกลงอีกฉบับหนึ่งซึ่งสำคัญยิ่งกว่า นั่นคือข้อตกลงเขตการค้าเสรีเกาหลีใต้-สหรัฐฯ สามารถผ่านการอนุมัติของรัฐสภาอเมริกันไปได้ ภายหลังสมาชิกรัฐสภาสหรัฐฯหลายคนขู่ที่จะยับยั้งข้อตกลงฉบับหลัง หากโสมขาวไม่เปิดตลาดนำเข้าเนื้อวัวให้กว้างขึ้น
ทว่าความหวั่นวิตกอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับเชื้อวัวบ้าในเนื้อวัวสหรัฐฯ กลับทำให้ประเด็นนี้กลายเป็นสายล่อฟ้าไปอย่างรวดเร็ว และบรรดาประเด็นปัญหาความไม่พอใจต่างๆ ต่อรัฐบาลประธานาธิบดีลี ก็ประเดประดังปะทุตามๆ มา สืบเนื่องจากความไม่พอใจของสาธารณชนที่เห็นว่าลีห่างเหินไม่สนใจความเดือดร้อนของประชาชน
ลีนั้นเพิ่งชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีในเดือนธันวาคม โดยที่มีชัยเหนือผู้สมัครฝ่ายเสรีนิยมชนิดถล่มทลาย ส่วนสำคัญเป็นเพราะการที่เขาสัญญาจะทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้ที่ต้องพึ่งพิงการส่งออกอย่างมาก กลับฟื้นตัวมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่
“เส้นทางสู่การเป็นประธานาธิบดีของเขานั้นดูง่ายดายเกินไป เขาจึงรู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรก็ได้ไม่มีทางผิดพลาด และนี่จึงทำให้กลายเป็นความยโสและความมั่นใจ จนทำให้เป็นเรื่องยากที่เขาจะสามารถมองเห็นภูมิทัศน์ทางการเมืองอย่างชัดเจน” เป็นคำวิจารณ์ของ คังวอนเต็ก ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยซุงซิล
การเสนอตัวลาออกของคณะรัฐมนตรีทั้งชุด มีขึ้นไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้าการประท้วงครั้งใหญ่ในทั่วประเทศ ซึ่งทางผู้จัดบอกว่าจะระดมคนเข้าร่วมได้ถึง 1 ล้านคน โดยที่อย่างน้อยหนึ่งในสามจะชุมนุมกันในกรุงโซล
ทางการตำรวจได้ออกคำเตือนภัยระดับสูงสุดก่อนหน้าการประท้วง พร้อมกับปิดถนนหลายสายในบริเวณใจกลางเมืองหลวง อีกทั้งนำตู้คอนเทนเนอร์บรรจุทรายมาตั้งซ้อนๆ กัน เพื่อปิดกั้นถนนสายหลักที่มุ่งไปยัง “บลูเฮาส์” ทำเนียบประธานาธิบดีเกาหลีใต้ รวมทั้งนำเอาเครื่องฉีดน้ำกำลังแรงจัดจำนวนมากมาเตรียมรับมือขับไล่ หากการประท้วงกลายเป็นความรุนแรง
ขณะที่ผู้ประท้วงจำนวนมากถือป้ายเขียนข้อความว่า “ลีเมียงลัคออกไป” ชุมนุมกันอยู่เต็มถนนไปหมด และถึงกลางคืนก็พากันจุดเทียนเป็นอีกรูปแบบหนึ่งของการสำแดงพลัง
ทางด้านประธานาธิบดีลี ได้กล่าวปราศรัยเตือนเมื่อวานนี้ว่า ราคาวัตถุดิบต่างๆ ที่แพงลิ่ว และอัตราเติบโตที่ชะลอตัวลง กำลังทำให้เศรษฐกิจเกาหลีใต้มุ่งไปสู่ความยากลำบากที่สุดในรอบสิบปี
