เอเจนซี - นักวิจัยสหรัฐฯ ระบุเมื่อวันพุธ (16) ว่า บริษัทบุหรี่ใช้ปริมาณเมนทอลในบุหรี่เป็นตัวสร้างความรู้สึกถูกปากให้วัยรุ่นที่ริสูบบุหรี่ครั้งแรก ผลวิจัยดังกล่าวอาจเพิ่มแรงสนับสนุนให้มีการควบคุมอุตสาหกรรมบุหรี่เข้มงวดกว่าที่เป็นอยู่
“เมนทอลเป็นสารกระตุ้นประสาทรับความรู้สึกเย็นในปอดและช่องปาก” ดร.เกรกอรี คอนโนลลี จากคณะสาธารณสุขศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด บอก “มันทำให้สูบบุหรี่ได้ง่ายขึ้น”
ผลวิจัยชิ้นนี้ของคอนโนลลี และคณะ ตีพิมพ์ในวารสารสาธารณสุขอเมริกัน และออกเผยแพร่ในขณะที่รัฐสภาสหรัฐฯ กำลังพิจารณากฎหมายซึ่งจะเพิ่มอำนาจให้แก่คณะกรรมการอาหารและยา (เอฟดีเอ) ในการควบคุมบุหรี่ ทว่าตัวแทนจากบริษัทบุหรี่รายใหญ่สามรายคือ อาร์ เจ เรย์โนลด์ ฟิลิป มอร์ริส และ ลอริลลาร์ด ออกมาโต้แย้งผลวิจัยดังกล่าว
“ดูเหมือนว่า รายงานฉบับนี้เป็นเพียงความพยายามที่จะผลักดันให้มีการสนับสนุนการออกกฎหมายควบคุมอุตสาหกรรมบุหรี่เท่านั้น ไม่ใช่งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์เกี่ยวกับเมนทอลแต่อย่างใด” เดวิด โฮวาร์ด โฆษกของอาร์ เจ เรย์โนลด์ ซึ่งเป็นกิจการในเครือเรย์โนลด์ส อเมริกัน อิงค์ ผู้ผลิตบุหรี่คาเมลและคูล กล่าว ส่วนไมเคิล โรบินสัน โฆษกของลอริลลาร์ดก็แถลงว่า “สาธารณชนควรมองว่ารายงานวิจัยฉบับนี้เป็นเครื่องมือล็อบบี้ที่ใช้แรงจูงใจทางการเมือง”
การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุสำคัญที่สุดของการเสียชีวิตด้วยโรคที่สามารถป้องกันได้ในสหรัฐฯ โดยมีผู้เสียชีวิตจากการสูบบุหรี่ถึงปีละกว่า 400,000 ราย นอกจากนั้น ยังมีผู้เจ็บป่วยด้วยโรคภัยอันเกี่ยวเนื่องจากบุหรี่เป็นจำนวนมาก ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายเพื่อรักษาเยียวยามีมูลค่ามหาศาลยิ่งในแต่ละปี
บุหรี่ผสมเมนทอลได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในหมู่ผู้สูบบุหรี่วัยผู้ใหญ่ และยังเป็นที่นิยมสูงสุดในกลุ่มวัยรุ่นและกลุ่มผู้สูบบุหรี่รายใหม่ จากการสำรวจเมื่อปี 2006 พบว่า 44 เปอร์เซ็นต์ของผู้สูบบุหรี่ที่อยู่ในช่วงอายุ 12-17 ปี ระบุว่าเลือกสูบบุหรี่ผสมเมนทอล ส่วนกลุ่มอายุ 18-24 ปี มีสัดส่วนผู้เลือกสูบบุหรี่ประเภทนี้ 36 เปอร์เซ็นต์
รายงานระบุด้วยว่า เมื่อปี 1987 อาร์ เจ เรย์โนลด์ ได้กำหนดให้ใช้บุหรี่ผสมเมนทอลเป็นยุทธศาสตร์ในการชักจูงผู้สูบบุหรี่วัยรุ่นหน้าใหม่ โดยในเอกสารของบริษัทมีข้อความว่า “ปฏิกิริยาของผู้สูบบุหรี่ครั้งแรกส่วนใหญ่จะเป็นไปในเชิงปฏิเสธ ซึ่งจะบรรเทาลงได้ด้วยการผสมเมนทอลปริมาณต่ำๆ”
ทั้งนี้ เมื่อปี 1998 บริษัทบุหรี่รายใหญ่ของสหรัฐฯ เคยตกลงจ่ายเงิน 206,000 ล้านดอลลาร์ให้กับ 46 มลรัฐเพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการบำบัดรักษาผู้ป่วยจากการสูบบุหรี่ตามข้อตกลงระยะ 25 ปี ที่ครอบคลุมถึงเรื่องการโฆษณาและทำตลาดบุหรี่ เพื่อยุติคดีฟ้องร้องของมลรัฐต่างๆ
คอนโนลลี กล่าวว่า บริษัทบุหรี่ใช้บุหรี่รสอ่อนจับกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นและใช้บุหรี่รสแรงจับกลุ่มผู้สูบบุหรี่มานาน “เมนทอลจะข่มรสของนิโคตินไว้ จึงทำให้ติดง่ายขึ้น”
แต่ ฟิลิป มอร์ริส ซึ่งเป็นกิจการในเครือของกลุ่มอัลเทรีย กรุ๊ป อิงค์ แย้งว่า บริษัทใช้ปริมาณเมนทอลในบุหรี่เป็นตัวเพิ่มส่วนแบ่งตลาดบุหรี่ในกลุ่มผู้ใหญ่ และ “แทบจะไม่มีมีข้อมูลโดยตรงที่แสดงว่าเมนทอลมีผลต่อการเริ่มสูบ อีกทั้งบุหรี่เมนทอลก็ไม่ได้มุ่งผลิตหรือมุ่งทำตลาดกับกลุ่มผู้สูบบุหรี่อายุน้อย” เช่นเดียวกับลอริลลาร์ดที่บอกว่าบริษัทไม่ได้ผลิตบุหรี่ชนิดใดออกมาสนับสนุนการเริ่มสูบบุหรี่ หรือเพื่อให้ติดนิโคติน
สมาคมโรคปอดอเมริกัน ระบุว่า ในแต่ละวันมีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีราว 4,000 คนทดลองสูบบุหรี่เป็นครั้งแรก และเกือบ 1,100 คนจะติดบุหรี่ ข้อมูลดังกล่าวนี้ทำให้เอฟดีเอจำเป็นต้องควบคุมผู้ผลิตบุหรี่เข้มงวดขึ้น
อนึ่ง สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายห้ามใช้สารแต่งกลิ่นรสผลไม้และลูกกวาดในบุหรี่ โดยยกเว้นเมนทอล แต่จะให้อำนาจแก่เอฟดีในการกำหนดปริมาณของเมนทอลในบุหรี่ได้
แต่การไม่ระบุห้ามใช้เมนทอลในบุหรี่ก็ทำให้เครือข่ายป้องกันการสูบบุหรี่ในกลุ่มอเมริกันเชื้อสายแอฟริกันประกาศถอนตัวไม่สนับสนุนร่างกฎหมายดังกล่าว เพราะถือว่าเป็นกฎหมายที่ไม่สมบูรณ์และมีการกีดกันคนผิวสี ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีสัดส่วนการสูบบุหรี่ผสมเมนทอลถึงกว่า 70 เปอร์เซ็นต์