วานนี้ ( 9 มิ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงานกกต.ตอนหนึ่ง ว่าแม้ กกต. ชุดนี้จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้ 1 ปี 9 เดือน แต่สถานการณ์การเมืองการปกครองประเทศขณะนี้ ไม่แตกต่างจากช่วงที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีรัฐสภาแล้ว แต่การเมืองก็อยู่ในภาวะที่ไม่นิ่ง ทำให้กกต.ที่มีหน้าที่กลั่นกรองบุคคลเข้ามามีหน้าที่ทางการเมือง ยากที่จะรอดพ้นภาวะ และแรงกดดันต่างๆ ซึ่งการทำงานที่ผ่านมา ในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อ กกต.สามารถทำให้มีผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 74.49 % มีบัตรเสียร้อยละ 2.55 ถือว่าน่าพอใจมาก แม้จะมีสำนวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง 628 สำนวน โดยก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง มีการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ 22 ราย และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 7 ราย
ส่วนหลังประกาศรับรองผลแล้ว กกต.ได้เสนอความเห็นต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ราย สั่งเลือกตั้งใหม่ 2 ราย รวมทั้งมีการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 517 คดี
สำหรับการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อวันที่ 2 มี.ค.50 นั้น มีสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.91 สำนวน ในจำนวนนี้ 19 สำนวนเป็นการร้องคัดค้านการสรรหาส.ว.และมีการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดในการเลือกตั้งส.ว. 27 คดี เป็นคดีอาญา 23 คดี แพ่ง 4 คดี อย่างไรก็ตามในปีนี้ กกต.ยังได้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวนมาก ทั้งอบจ.และอบต. รวมทั้ง ผู้ว่าฯกทม. ที่จะครบวาระในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งขอยืนยันแทนกกต.และพนักงานกกต.ว่า ไม่ว่าจะก้าวเข้าสูงปีไหนๆ กกต.ก็จะยึดหลักธรรมาภิบาล และยึดหลักสุจริตและเที่ยงธรรมตลอดไป
"ช่วงที่ผ่านมา มีสื่อบอกว่าผมหลบไม่ยอมให้ข่าว แต่เห็นว่าช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย จึงไม่อยากจะออกมาพูดอะไร เพราะอาจเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้มันวุ่นวายไปอีก ขอสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า พูดให้น้อย ให้บ้านเมืองพ้นสภาวะความตึงเครียดไปก่อน"ประธานกกต.ยังกล่าวถึงแนวคิดในการเปลี่ยนงานรับผิดชอบของ กกต.แต่ละคนว่า ก็พูดกันอยู่ แต่ใครรับผิดชอบอะไรไม่สำคัญเท่ากับเราถึงกันก็พอ ที่ผ่านมาตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาอยู่เพียงแค่ 2 ปี แต่ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้อยู่ 7 ปี ถ้าอยู่จริง ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ขณะนี้ก็เริ่มไม่แน่นอนอีกแล้ว เพราะจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่รู้ว่าจะให้กกต.อยู่กี่ปี แต่ถึงอย่างไร การปรับเปลี่ยนก็ต้องมี และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กกต.จะมีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือเตรียมตัวอะไร เพราะจริงๆ แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 50 เพิ่งจะใช้ได้ไม่นาน และกว่าจะได้มา เสียเงินไปมาก จึงคิดว่าการริเริ่มแก้ไขขณะนี้เร็วเกินไป แต่ไม่ว่าจะแก้ออกมาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกกังวลเพราะที่เข้ามาไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ แต่ต้องการทำงานเพื่อบ้านเมือง
ขณะที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญมีการแก้ไข ลดวาระ กกต.ลง ตนและกกต. คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยึดติดอะไร ส่วนเรื่องการเปลี่ยนงานคิดว่างานกกต.เป็นลักษณะร่วมกันดูแล และร่วมรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้บ้านเมืองต้องการความสามัคคีดังนั้นกกต.ควรสามัคคีไว้เช่นกัน เพื่อให้เกิดความแน่นเฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนมีแนวคิดจะเพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนเพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่ง จากเดิมเพราะในอดีตมี 2 คน แต่ขณะนั้นก็คิดว่างู จะมี 2 หัวได้อย่างไร จึงได้ตัดเหลือเพียงคนเดียว เพราะมาคิดได้ว่างานสอบสวนไม่ใช่งู ฉะนั้นมี 2 หัว ก็จะให้ทำงานได้คล่องกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายสมชัย พูดจบ นายอภิชาต ก็ได้กล่าวติดตลกสวนขึ้นมาว่า เป็น เก็งกอง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวถึงการทำงานของกกต.ที่ครบรอบ 10 ปีว่า การทำงานที่ผ่านมาก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อองค์กรอิสระครบ 10 ปี ก็เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบ ถือว่ายังไม่แข็งแรงเท่าไร คงต้องใช้ระยะอีกสักพัก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มักจะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
สำหรับกกต.ก็ถือเป็นองค์กรคัดสรรผู้บริหารประเทศก็เป็นธรรมดาที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง กกต.ก็ต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ ถ้าเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ย่อมเกิดปัญหาได้
ทั้งนี้ปฏิเสธการคัดสรรคนเข้าสู่ระบบการเมืองแบบไทยๆ นี้ การจะให้ปลอดจากการซื้อเสียงก็ถือว่าทำได้ยาก ดังนั้นจึงคิดว่าการให้การศึกษากับเด็กตั้งแต่ระดับชั้นประถมเกี่ยวกับการเมืองการปกครองและการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโปร่งใสจึงเป็นเรื่องสำคัญ และกกต.เองก็จะจัดตั้งสถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
--------------------
ส่วนหลังประกาศรับรองผลแล้ว กกต.ได้เสนอความเห็นต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ราย สั่งเลือกตั้งใหม่ 2 ราย รวมทั้งมีการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 517 คดี
สำหรับการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อวันที่ 2 มี.ค.50 นั้น มีสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.91 สำนวน ในจำนวนนี้ 19 สำนวนเป็นการร้องคัดค้านการสรรหาส.ว.และมีการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดในการเลือกตั้งส.ว. 27 คดี เป็นคดีอาญา 23 คดี แพ่ง 4 คดี อย่างไรก็ตามในปีนี้ กกต.ยังได้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวนมาก ทั้งอบจ.และอบต. รวมทั้ง ผู้ว่าฯกทม. ที่จะครบวาระในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งขอยืนยันแทนกกต.และพนักงานกกต.ว่า ไม่ว่าจะก้าวเข้าสูงปีไหนๆ กกต.ก็จะยึดหลักธรรมาภิบาล และยึดหลักสุจริตและเที่ยงธรรมตลอดไป
"ช่วงที่ผ่านมา มีสื่อบอกว่าผมหลบไม่ยอมให้ข่าว แต่เห็นว่าช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย จึงไม่อยากจะออกมาพูดอะไร เพราะอาจเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้มันวุ่นวายไปอีก ขอสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า พูดให้น้อย ให้บ้านเมืองพ้นสภาวะความตึงเครียดไปก่อน"ประธานกกต.ยังกล่าวถึงแนวคิดในการเปลี่ยนงานรับผิดชอบของ กกต.แต่ละคนว่า ก็พูดกันอยู่ แต่ใครรับผิดชอบอะไรไม่สำคัญเท่ากับเราถึงกันก็พอ ที่ผ่านมาตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาอยู่เพียงแค่ 2 ปี แต่ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ให้อยู่ 7 ปี ถ้าอยู่จริง ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ขณะนี้ก็เริ่มไม่แน่นอนอีกแล้ว เพราะจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็ไม่รู้ว่าจะให้กกต.อยู่กี่ปี แต่ถึงอย่างไร การปรับเปลี่ยนก็ต้องมี และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กกต.จะมีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือเตรียมตัวอะไร เพราะจริงๆ แล้วเห็นว่า รัฐธรรมนูญปี 50 เพิ่งจะใช้ได้ไม่นาน และกว่าจะได้มา เสียเงินไปมาก จึงคิดว่าการริเริ่มแก้ไขขณะนี้เร็วเกินไป แต่ไม่ว่าจะแก้ออกมาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกกังวลเพราะที่เข้ามาไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ แต่ต้องการทำงานเพื่อบ้านเมือง
ขณะที่ นายสมชัย จึงประเสริฐ กล่าวว่า หากรัฐธรรมนูญมีการแก้ไข ลดวาระ กกต.ลง ตนและกกต. คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยึดติดอะไร ส่วนเรื่องการเปลี่ยนงานคิดว่างานกกต.เป็นลักษณะร่วมกันดูแล และร่วมรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้บ้านเมืองต้องการความสามัคคีดังนั้นกกต.ควรสามัคคีไว้เช่นกัน เพื่อให้เกิดความแน่นเฟ้นยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ยอมรับว่าตนมีแนวคิดจะเพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนเพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่ง จากเดิมเพราะในอดีตมี 2 คน แต่ขณะนั้นก็คิดว่างู จะมี 2 หัวได้อย่างไร จึงได้ตัดเหลือเพียงคนเดียว เพราะมาคิดได้ว่างานสอบสวนไม่ใช่งู ฉะนั้นมี 2 หัว ก็จะให้ทำงานได้คล่องกว่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่นายสมชัย พูดจบ นายอภิชาต ก็ได้กล่าวติดตลกสวนขึ้นมาว่า เป็น เก็งกอง
นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวถึงการทำงานของกกต.ที่ครบรอบ 10 ปีว่า การทำงานที่ผ่านมาก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อองค์กรอิสระครบ 10 ปี ก็เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบ ถือว่ายังไม่แข็งแรงเท่าไร คงต้องใช้ระยะอีกสักพัก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า องค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มักจะกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง
สำหรับกกต.ก็ถือเป็นองค์กรคัดสรรผู้บริหารประเทศก็เป็นธรรมดาที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง กกต.ก็ต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ ถ้าเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดก็ย่อมเกิดปัญหาได้
ทั้งนี้ปฏิเสธการคัดสรรคนเข้าสู่ระบบการเมืองแบบไทยๆ นี้ การจะให้ปลอดจากการซื้อเสียงก็ถือว่าทำได้ยาก ดังนั้นจึงคิดว่าการให้การศึกษากับเด็กตั้งแต่ระดับชั้นประถมเกี่ยวกับการเมืองการปกครองและการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโปร่งใสจึงเป็นเรื่องสำคัญ และกกต.เองก็จะจัดตั้งสถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ
--------------------