xs
xsm
sm
md
lg

“10 ปี กกต.” แถลงค้านแก้ รธน.-ปิ๊งปลูกฝังเด็กขจัดซื้อเสียง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

อภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต.
“ประธาน กกต.” แถลงผลงานครบรอบ 10 ปี แจงเหตุไม่ปริปาก หวั่นซ้ำสถานการณ์ที่การเมือง ย้ำชัดไม่เห็นด้วยแก้ รธน.50 อ้างเหตุเพราะยังใช้ได้ไม่นาน-เสียเงินเยอะ ด้าน “สดศรี” ชี้ไร้ทางปลอดซื้อเสียง ปิ๊งตั้งสถาบันปลูกฝังเด็กให้เรียนรู้เรื่องการเมือง


วานนี้ (9 มิ.ย.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แถลงผลงานเนื่องในโอกาสครบรอบ 10 ปี วันคล้ายวันสถาปนาสำนักงาน กกต. โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า แม้ กกต.ชุดนี้ จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ได้เพียง 1 ปี 9 เดือน แต่สถานการณ์การเมืองการปกครองประเทศขณะนี้ ไม่แตกต่างจากช่วงที่เพิ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ มีรัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง มีรัฐสภาแล้ว แต่การเมืองก็อยู่ในภาวะที่ไม่นิ่ง ทำให้ กกต.ที่มีหน้าที่กลั่นกรองบุคคลเข้ามามีหน้าที่ทางการเมืองยาก และยากที่จะรอดพ้นภาวะ และแรงกดดันต่างๆ

“ซึ่งการทำงานที่ผ่านมาในการจัดการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อ กกต.สามารถทำให้ผู้ออกมาใช้สิทธิมากเป็นประวัติการณ์ ถึง 74.49 มีบัตรเสียร้อยละ 2.55 ถือว่าน่าพอใจมาก แม้จะมีสำนวนการร้องคัดค้านการเลือกตั้ง 628 สำนวน โดยก่อนประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง มีการสั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ 22 ราย และสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 7 ราย ส่วนหลังประกาศรับรองผลแล้ว กกต.ได้เสนอความเห็นต่อศาลฎีกาสั่งเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 1 ราย สั่งเลือกตั้งใหม่ 2 ราย รวมทั้งมีการดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส.ทั้งหมด 517 คดี” นายอภิชาต กล่าว

นายอภิชาต กล่าวอีกว่า สำหรับการเลือกตั้ง ส.ว. เมื่อวันที่ 2 มี.ค.50 นั้น มีสำนวนร้องคัดค้านการเลือกตั้ง ส.ว.91 สำนวน ในจำนวนนี้ 19 สำนวนเป็นการร้องคัดค้านการสรรหา ส.ว. และมีการดำเนินคดีแก่ผู้กระทำความผิดในการเลือกตั้ง ส.ว.27 คดี เป็นคดีอาญา 23 คดีแพ่ง 4 คดี อย่างไรก็ตามในปีนี้ กกต.ยังได้มีการจัดการเลือกตั้งท้องถิ่นจำนวนมาก ทั้ง อบจ.และ อบต. รวมทั้ง ผวจ.กทม. ที่จะครบวาระในวันที่ 28 ส.ค.นี้ ซึ่งตนขอยืนยันแทน กกต.และพนักงาน กกต.ว่า ไม่ว่าจะก้าวเข้าสูงปีไหนๆ กกต.ก็จะยึดหลักธรรมาภิบาล และยึดหลักสุจริต และเที่ยงธรรมตลอดไป

“ช่วงที่ผ่านมามีสื่อบอกว่า ผมหลบ ไม่ยอมให้ข่าว ซึ่งผมเห็นว่าช่วงนี้สถานการณ์บ้านเมืองวุ่นวาย จึงไม่อยากจะออกมาพูดอะไร เพราะอาจเป็นการซ้ำเติมสถานการณ์ให้มันวุ่นวายเข้าไปอีก จึงขอสงบปากสงบคำไว้ดีกว่า พูดให้น้อย เพื่อให้บ้านเมืองพ้นสภาวะความตึงเครียดไปก่อน ส่วนแนวคิดในการเปลี่ยนงานรับผิดชอบของ กกต.นั้น ซึ่งแต่ละคนก็พูดกันอยู่ แต่ใครรับผิดชอบอะไรไม่สำคัญเท่ากับเราถึงกันก็พอ ที่ผ่านมาตอนแรกคิดว่าจะเข้ามาอยู่เพียงแค่ 2 ปี แต่ก็มีการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ให้อยู่ 7 ปี ถ้าอยู่จริง ก็ควรจะมีการปรับเปลี่ยน แต่ขณะนี้ก็เริ่มไม่แน่นอนอีกแล้ว เพราะจะมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็ไม่รู้ว่าจะให้ กกต.อยู่กี่ปี แต่ถึงอย่างไรการปรับเปลี่ยนก็ต้องมี” ประธาน กกต.

ประธาน กกต.กล่าวอีกว่า และแม้จะยังไม่มีความชัดเจนในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า กกต.จะมีวาระดำรงตำแหน่งกี่ปี ก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ หรือเตรียมตัวอะไร เพราะจริงๆ แล้วเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 50 เพิ่งจะใช้ได้ไม่นาน และกว่าจะได้มาเสียเงินไปมาก จึงคิดว่าการริเริ่มแก้ไขขณะนี้เร็วเกินไป แต่ไม่ว่าจะแก้ออกมาอย่างไร ก็ไม่รู้สึกกังวล เพราะที่เข้ามาไม่ได้คิดเรื่องผลประโยชน์ แต่ต้องการทำงานเพื่อบ้านเมือง

ขณะที่ นายสมชัย กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า หากรัฐธรรมนูญมีการแก้ไขแล้วลดวาระ กกต.ลง ตน และ กกต.คนอื่นๆ ก็ไม่ได้ยึดติดอะไร รื้อถอนง่าย ไม่ต้องรอให้มีแผ่นดินไหวก่อนแล้วค่อยย้าย ส่วนเรื่องการเปลี่ยนงานคิดว่า งาน กกต.เป็นลักษณะร่วมกันดูแล และร่วมรับผิดชอบ ซึ่งตอนนี้บ้านเมืองต้องการความสามัคคี ดังนั้น กกต.ควรสามัคคีไว้เช่นกัน เพื่อให้เกิดความแน่นเฟ้นยิ่งขึ้น ทั้งนี้ยอมรับว่าตนมีแนวคิดจะเพิ่มตำแหน่งรองเลขาธิการด้านสืบสวนสอบสวนเพิ่มขึ้นอีก 1 ตำแหน่ง จากเดิมเพราะในอดีตมี 2 คน แต่ขณะนั้นก็คิดว่างูจะมี 2 หัวได้อย่างไร จึงได้ตัดเหลือเพียงคนเดียว เพราะมาคิดได้ว่างานสอบสวนไม่ใช่งู ฉะนั้นมี 2 หัวก็จะให้ทำงานได้คล่องกว่า

รายงานข่าวแจ้งว่า ทันทีที่นายสมชัยพูดจบ นายอภิชาตก็ได้กล่าวติดตลกสวนขึ้นมาว่า เป็นงูเก็งกอง

ด้าน นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านพรรคการเมือง กล่าวถึงการทำงานของ กกต.ที่ครบรอบ 10 ปีว่า การทำงานที่ผ่านมาก็พอใจในระดับหนึ่ง แต่เมื่อองค์กรอิสระครบ 10 ปี ก็เหมือนเด็กอายุ 10 ขวบ ถือว่ายังไม่แข็งแรงเท่าไร คงต้องใช้ระยะอีกสักพัก ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าองค์กรที่เกี่ยวข้องกับการเมืองที่มักจะถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าการเมืองเข้าไปเกี่ยวข้อง สำหรับ กกต.ก็ถือเป็นองค์กรคัดสรรผู้บริหารประเทศ ซึ่งเป็นธรรมดาที่ต้องเกี่ยวข้องกับการเมือง

“กกต.ก็ต้องยึดตัวบทกฎหมายเป็นสำคัญ ถ้าเอนเอียงไปเข้าข้างฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ก็ย่อมเกิดปัญหาได้ ทั้งนี้ขอปฏิเสธการคัดสรรคนเข้าสู่ระบบการเมืองแบบไทยๆ แต่การจะให้ปลอดจากการซื้อเสียงก็ถือว่าทำได้ยาก ดังนั้นจึงคิดว่าการให้การศึกษากับเด็กตั้งแต่ระดับชั้นประถมเกี่ยวกับการเมืองการปกครอง และการเลือกตั้งที่บริสุทธิ์ยุติธรรมโปร่งใสนั้น จึงเป็นเรื่องสำคัญ และ กกต.เองก็จะจัดตั้งสถาบันให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นการเฉพาะ” นางสดศรี กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น