xs
xsm
sm
md
lg

ประเทศไทยตายเพราะปากหนที่ 2

เผยแพร่:   โดย: ว.ร.ฤทธาคนี

เมื่อต้นปีนี้เองที่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ และยกตำแหน่งรัฐมนตรีมหาดไทยให้กับนายเฉลิม อยู่บำรุง แต่ยังไม่ทันที่รัฐบาลของนายสมัคร ได้แถลงนโยบายต่อสภาผู้แทนราษฎร นายเฉลิม หรือมท. 1 ก็โพล่งขึ้นตามลักษณะเฉพาะตัวของเขาว่า “จะจัดตั้งเขตปกครองพิเศษในเขต 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้” อันเป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องยุทธศาสตร์ความมั่นคงสูงสุดก็ว่าได้ แต่ที่แน่นอนเป็นเรื่องคอขาดบาดตายของชาติเลยทีเดียว เพราะรัฐมนตรีได้เสนอนโยบายให้สังคมโลกได้รับทราบโดยที่ไม่มีการกลั่นกรองอย่างละเอียดรอบคอบทุกมิติ

แต่เมื่อเกิดเป็นประเด็นความมั่นคง มท. 1 กลับออกมาประกาศว่า “เขตปกครองพิเศษหมายถึง “การให้สวัสดิการประชาชน” แต่คำว่า “ปกครอง” เป็นเรื่องรัฐศาสตร์ไม่ใช่เรื่องการสวัสดิการ และเรื่องการสวัสดิการเป็นเรื่องการให้บริการแก่ประชาชนที่จะต้องเสมอภาคกันตามรัฐธรรมนูญ มิใช่การเลือกปฏิบัติเหมือนกับครั้งหนึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ประกาศที่จังหวัดนครสวรรค์เชิง Black Mail ในทำนองที่ว่า “หากจังหวัดไหนก็ตามที่ไม่เลือกพรรคไทยรักไทย ก็จะถูกจัดให้อยู่ในจังหวัดที่ได้รับการดูแลท้ายๆ บัญชี” ซึ่งวลีนี้ประโยคนี้ชี้ให้เห็นตัวตนของอดีตนายกรัฐมนตรีในเชิงแนวคิดความเสมอภาค คนฉลาดบางคนถามว่า ทำไมต้องประกาศเช่นนี้ในเมื่อแสดงเชิงพฤติกรรมคนในชาติก็ย่อมรู้ได้ เช่น ดูอย่างจังหวัดสุพรรณบุรีอดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคชาติไทยไม่ต้องประกาศแต่สร้างความเจริญในจังหวัดที่สนับสนุนพรรคชาติไทย ก็จะได้รับงบประมาณเป็นกอบเป็นกำ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ รัฐศาสตร์ และสังคมจิตวิทยา ไม่เชื่อท่านขับรถผ่านสุพรรณบุรี ชัยนาท และอุทัยธานี แล้วท่านก็จะรู้ความแตกต่าง

การเป็นนักการเมืองย่อมต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเอง เช่น คำพังเพยไทยว่า “ปลาหมอตายเพราะปาก” และนั่นเป็นเรื่อง “ปาก” แต่มิใช่มีความหมายของคำที่โยงกับคำว่า “ปากท้อง” ซึ่งรัฐบาลจะต้องดูแล “ปากท้อง” ของประชาชนทั้งหมดอยู่แล้ว มิใช่ดูแล “ปากท้อง” ของคนบางคนหรือดูแลตู้เซฟของใครบางคน แต่เป็นที่รู้กันว่าแนวคิดในเรื่องแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 นั้น มีคนต้องการให้แก้มาตราสำคัญๆ เพื่อปกป้องทรัพย์สินของอดีตนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มาตรา 309 อันเป็นมาตราสุดท้ายในรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ที่มีบทบัญญัติว่า

บรรดาการใดๆ ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) ปี 2549 ว่า เป็นการชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญรวมทั้งการกระทำที่เกี่ยวเนื่องดังกล่าว ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ให้ถือว่าการนั้น และการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญนี้

หากพิจารณาอย่างเป็นกลางๆ แบบคนไทยทั่วไป ก็จะพบว่ามีสามนัยสำคัญ คือ ป้องกันการล้างแค้น การทำรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 และป้องกันการดำเนินการของ คตส.มิให้เป็นการทำงานสูญเปล่า หรืออาจจะถูกกล่าวหาในประเด็นเกี่ยวกับการปฏิบัติการโดยไม่มีอำนาจหรือปฏิบัติตามคำสั่งที่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ และประการสุดท้าย ทำให้การรัฐประหารเป็นโมฆะทำให้รัฐบาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังคงมีอำนาจรัฐตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540 อีกด้วย

ดังนั้น จึงมองเห็นยุทธศาสตร์การเมืองที่ล้ำลึกเพราะเป็นการฟื้นฟูระบอบทักษิณขึ้นได้โดยง่าย หรือสรุปง่ายๆ ว่าแก้มาตรา 309 ได้เพียงมาตราเดียวก็คุ้มทุนทั้งหมด แล้วในการทุ่มสุดตัวตั้งแต่มีการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 สร้างแนวร่วมในตำบลที่มีความหลงใหล ภักดี และชื่นชอบ พ.ต.ท.ทักษิณ และด้วยทุนมากมายมหาศาลจนเกิดคลื่นใต้น้ำในเขตภาคอีสาน เกิดการต่อต้านพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เกิดกลุ่มอนาธิปไตย ทั้งปัญญาชนและทั้งไม่เป็นปัญญาชนในกลุ่มรุนแรง นปก.ซึ่งเปลี่ยนเป็น นปช.หรือกลุ่มอื่นๆ ที่นิยมความรุนแรงในการก่อกวน มุ่งร้ายด้วยวาจาถ่อย และทำร้ายคนแบบลับหลัง เช่น การขว้างก้อนหินใส่จากที่ซ่อนตัวตามที่เป็นข่าวในห้วง 2 อาทิตย์ที่ผ่านมา

แนวยุทธศาสตร์แก้รัฐธรรมนูญ หากไม่มีผู้ใดประท้วงหรือทัดทานลักษณะเป็นมวลชนทางกายภาพแล้ว ยุทธศาสตร์นี้ก็จะบรรลุผลเพราะผู้อาวุโสปัญญาชนหลายท่านได้ออกมาเสนอความคิดหาทางออกให้ และให้มีการยับยั้งช่างใจเสียก่อน โดยเฉพาะพรรคฝ่ายค้านออกมาอภิปรายต่อต้านแต่ไร้ผล จึงทำให้พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ต้องออกมาต่อต้านอย่างหนักแน่นอีกครั้ง เพราะมิฉะนั้นแล้วสงครามการเมืองต่อสู้กับระบอบทักษิณก็ต้องพ่ายแพ้ไปโดยเบ็ดเสร็จ และต้องเสียกำลังใจ กำลังกาย และแรงผลักดัน หากระบอบทักษิณกลับสำเร็จก็ต้องปรับเปลี่ยนแนวยุทธศาสตร์ทุกมิติที่เคยพลาดมาแล้วเพื่อเอาชนะพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยชนิดที่ไม่ให้ลุกขึ้นมาได้อีกเลยก็เป็นได้

การชิมลางโยนหินถามทางของนายสมัคร สุนทรเวช เกิดขึ้นเมื่อเช้าวันเสาร์ที่ 31 พฤษภาคม 2551 ด้วยการออกอากาศในรายการวิทยุภาคพิเศษผ่านทางสถานีวิทยุโทรทัศน์ NBT ประกาศและข่มขู่ว่าจะดำเนินการขั้นแตกหักเพื่อสลายการชุมนุมของประชาชนที่เข้าร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ในช่วงเย็นวันนั้น ผลที่เกิดขึ้นกลับมีผู้คนประเภทยักษ์หลับยกขบวนกันทั้งครอบครัวออกจากบ้านในวันนั้นเอง เพื่อเข้าร่วมกับประชาชนคนอื่นเพราะเกิดอารมณ์ร่วมทันที โทรศัพท์เคลื่อนที่หลายตระกูลแน่นไปด้วยสัญญาณเพื่อวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการชักชวนกันออกไปช่วยพันธมิตรฯ ทั้งๆ ที่อาจจะไม่มีใจกับพันธมิตรฯ หรือเห็นด้วยบ้างไม่เห็นด้วยบ้าง แต่หัวใจสำคัญอยู่ที่ว่า “ความปากเร็ว” ของนายกรัฐมนตรีคนนี้แถลงออกมาโดยไม่ได้มีการประชุมหาข้อยุติที่ดีที่สุด ที่ถูกต้องในเชิงสังคมจิตวิทยามากที่สุด และถูกต้องตามรัฐธรรมนูญมากที่สุด แม้คนในพรรคพลังประชาชนระดับแกนนำก็ออกมาเปรยว่า “นายกรัฐมนตรี” ไม่ได้หารือแกนนำพรรค หรือนายสมัครต้องการใช้อำนาจบริหารจัดการกับประชาชน และโยนความผิดให้กับเจ้าหน้าที่ทุกระดับว่า “นายกรัฐมนตรีให้นโยบาย แต่การปฏิบัตินั้นขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของเจ้าหน้าที่เอง” และประโยคนี้มักเป็นหนทางออกของผู้บริหารชาติบ้านเมืองลักษณะนี้มีอยู่มากมายในโลก

และหากวันนั้นตำรวจบ้าจี้จัดการกับประชาชนในเวลาโพล้เพล้ อันเป็นเวลาทางยุทธวิธีที่กองทัพมักจะใช้หรือใครๆ ก็ใช้ เพราะยามค่ำคืนมนุษย์เห็นได้ระยะใกล้มาก มนุษย์วิเคราะห์จำนวนและกลุ่มได้ยากมาก มนุษย์มีอารมณ์ที่แปรปรวนไม่ปกติเพราะไม่ไว้วางใจสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวมนุษย์ ซึ่งเป็นช่องที่จะเกิดการทำร้ายกันและกันระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจกับประชาชน หรืออาจจะพัฒนาเป็นประชาชนกับประชาชน หรืออาจจะเป็นตำรวจกับประชาชนทำร้ายประชาชน อีกกลุ่มหนึ่งทั้งรู้เท่าถึงการณ์ และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ได้

เมื่อเกิดบาดแผลของกลุ่มคนไทยที่ต่างความคิด หากเป็นบาดแผลทางกายภาพนั้นรักษาได้ง่าย แต่บาดแผลทางใจจะมีรอยแค้น รอยร้าวฝังลึกในใจซึ่งอาจจะถูกใจกับคนบางกลุ่มที่มุ่งหวังจะใช้ความแตกแยกนี้สถาปนาความชอบธรรมมวลชนสนับสนุนรัฐบาลหุ่นของนายสมัคร ซึ่งมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมากที่สุดให้ทำลายกลุ่มที่เดินสายกลาง กลุ่มที่ต่อต้านระบอบทักษิณ หรือกลุ่มที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2550

และนี่อาจเป็นอีกครั้งหนึ่งที่ประวัติศาสตร์ชาติไทยต้องจารึกไว้ว่า ประเทศไทยอาจเสื่อมถอยเพราะปากมนุษย์ จึงต้องขอขอบคุณบรรดายักษ์ที่เกิดพลังใจมองเห็นความถูกต้อง และไม่ถูกต้องชัดเจนออกมาแสดงพลังความไม่พอใจวิธีการพูดหรือใช้ปากของนายกรัฐมนตรี
กำลังโหลดความคิดเห็น