xs
xsm
sm
md
lg

น้ำมันโลกลดไทยดันขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รอยเตอร์/เอเอฟพี – ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกลดฮวบลงกว่า 4 ดอลลาร์ในช่วงคืนวันอังคาร(3)และกลางวันวานนี้(4) โดยลงมาอยู่ในระดับ 123 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล หลังจากประธานเฟดแสดงท่าทีไม่อยากให้ดอลลาร์อ่อนเพราะทำอัตราเงินเฟ้อยิ่งแย่ ด้านนักวิเคราะห์มองแรงเก็งกำไรในตลาดล่วงหน้ากำลังผวา เพราะ 3 เสาหลักค้ำราคาให้แพงลิ่วต่างอยู่ในอาการคลอนแคลน โดยนอกจากดอลลาร์จะขยับแข็งขึ้น อุปสงค์ในเอเชียก็ทำท่าลดต่ำชัดเจน แถมหน่วยงานกำกับก็เข้าสอบการเก็งกำไรทะมัดทะแมงขึ้นส่วนเชลล์ขึ้นราคาขายปลีกเบนซินอีกลิตรละ 50 สตางค์สวนตลาดโลก ขณะที่ กมธ.พลังงาน จี้ปตท.แจงวิกฤติน้ำมันแพง ราคาสูงเกินจริง “ประเสริฐ”ลั่น ทุกอย่างวิ่งตามราคาตลาดโลก

สัญญาล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดไลต์สวีตครูด ในตลาดไนเม็กซ์แห่งนิวยอร์ก ปิดวันอังคาร โดยลดต่ำลงมาถึง 3.45 ดอลลาร์ หรือ 2.7% มาอยู่ที่ 124.31 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จากนั้นก็ไหลรูดต่ออีกในการซื้อขายด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ทางแถบเอเชียและยุโรปเมื่อวานนี้ โดยลงมาลึกที่สุด ณ ระดับ 123.15 ดอลลาร์ ก่อนจะกระเตื้องกลับขึ้นไปได้บ้าง และอยู่แถวๆ 123.57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ในเวลา 11.04 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (ตรงกับ 18.04 น.เวลาเมืองไทย) ลดลงจากตอนปิดวันอังคารอีก 74 เซ็นต์

ทางด้านสัญญาล่วงหน้าของน้ำมันดิบชนิดเบรนต์ ของลอนดอน ก็อยู่ในทิศทางเดียวกัน โดยปิดตลาดวันอังคารที่ 124.58 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ถอยลงมา 3.44 ดอลลาร์ และถึงช่วง 11.04 น.ตามเวลามาตรฐานกรีนิชวานนี้ อยู่ที่ 123.47 ดอลลาร์ ต่ำกว่าตอนปิดวันอังคาร 1.11 ดอลลาร์

สาเหตุที่น้ำมันดิบร่วงลงลึกเช่นนี้ พวกเทรดเดอร์บอกว่าเป็นเพราะคำพูดของ เบน เบอร์นันกี ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด) ในวันอังคาร ที่กล่าวแสดงความเป็นห่วงว่า ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งอ่อนตัวลงมากกำลังจะทำให้อัตราเงินเฟ้อยิ่งรุนแรง คำพูดเช่นนี้ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ เพราะที่ผ่านมาเฟดจะปล่อยให้กระทรวงการคลังสหรัฐฯเป็นผู้พูดเรื่องค่าเงิน จึงทำให้นักวิเคราะห์มองว่า น่าจะเป็นการส่งสัญญาณสำคัญของการที่ดอลลาร์จะกลับแข็งค่าขึ้นแล้ว

เนื่องจากช่วงที่ผ่านมา การอ่อนตัวของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ถูกใช้เป็นปัจจัยหลักประการหนึ่งในการผลักดันขึ้นราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ ที่ซื้อขายกันด้วยเงินตราสกุลนี้ ดังนั้น เมื่อดอลลาร์ท่าท่าจะแข็งค่าขึ้น จึงมีผลให้น้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหลายต้องมีราคาถอยลงมา

“นี่อาจเป็นสัญญาณแสดงถึงการสิ้นสุดของการพุ่งลิ่วในสินค้าโภคภัณฑ์ที่อิงอยู่กับดอลลาร์ ซึ่งมีเสน่ห์ดึงดูดผู้ซื้อที่มองเห็นสินค้าโภคภัณฑ์เหล่านี้เป็นเครื่องประกันความเสี่ยงรับมือกับภาวะเงินเฟ้อ” โรเบิร์ต ลาฟลิน แห่งบริษัทโบรกเกอร์ค้าสินค้าโภคภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ เอ็มเอฟ โกลบอล กล่าวไว้ในรายงานวิจัยส่งไปถึงลูกค้าของเขา

ขณะที่นักวิเคราะห์หลายคนชี้ว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งแรงเช่นนี้ กำลังเริ่มกระทบลดอุปสงค์ความต้องการใช้น้ำมันในประเทศอย่างเช่นสหรัฐและอังกฤษ แล้วยังกำลังแผ่ไปถึงเอเชีย ดังเห็นได้จากการที่บางประเทศประกาศลดมาตรการอุดหนุนราคาเชื้อเพลิง ซึ่งจะทำให้ปริมาณการใช้ในประเทศนั้นๆ ลดต่ำลง

แอดดิสัน อาร์มสตรอง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยตลาด แห่ง เทรดดิชั่น เอเนอจี ในมลรัฐคอนเนตทิคัต สหรัฐฯ บอกว่า อุปสงค์ที่ลดต่ำลงมาสักประมาณ 5% จากประเทศอินโดนีเซีย, ไต้หวัน, ไทย, มาเลเซีย, และอินเดีย ซึ่งล้วนแต่เป็นประเทศที่ลดการอุดหนุนราคาพลังงาน หรือเตรียมที่จะทำเช่นนั้น จะเท่ากับตัดลดปริมาณการบริโภคน้ำมันดิบลง 310,000 บาร์เรลต่อวันทีเดียว

ทั้งนี้เมื่อวานนี้เอง นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อับดุลเลาะห์ อาหมัด บาดาวี ประกาศขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลประมาณ 40% และยังจะค่อยๆ ขยับขึ้นต่อไปอีก เพื่อจะเข้าสู่ระบบราคาตามตลาดจริงๆ ในที่สุด ขณะที่อินเดียก็ขึ้นเบนซินกับดีเซลราว 10% เช่นกัน

แต่นอกจากปัจจัยเรื่องดอลลาร์จะแข็งขึ้น และอุปสงค์จากเอเชียจะลดลงแล้ว ข่าวร้ายของตลาดน้ำมันแต่เป็นข่าวดีสำหรับผู้บริโภคทั้งหลายอีกข่าวหนึ่งก็คือ การที่คณะกรรมการการซื้อขายอนุพันธ์ฟิวเจอร์สสินค้าโภคภัณฑ์สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหน่วยงานกำกับตรวจสอบตลาดซื้อขายล่วงหน้า ประกาศมาตรการเร่งรัดตรวจสอบตลาดมากขึ้น ภายหลังถูกกดดันจากพวกสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเห็นว่าพวกเก็งกำไรกำลังทำให้ราคาอาหารและเชื้อเพลิงพุ่งลิ่ว

พวกผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ความเคลื่อนไหวเช่นนี้ อย่างน้อยก็ทำให้พวกนักลงทุนรายใหญ่บางรายต้องตัดลดการซื้อขายของตนลง เพื่อไม่ให้ถูกหน่วยงานผู้คุมกฎเพ่งเล็งมากเกินไป

"เชลล์"แจงขึ้นน้ำมันอิงสิงคโปร์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริษัทเชลล์ ได้แจ้งปรับราคาน้ำมันขายปลีกกลุ่มเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันที่ 4 มิ.ย.ส่งผลให้เบนซิน 95 ของเชลล์ไปแตะระดับ 41.59 บาทต่อลิตรเนื่องจากล่าสุดเบนซิน 95 มีการทยอยเลิกจำหน่ายทำให้ต้องใช้รถขนมาบริการที่มีต้นทุนสูงขึ้นและปั๊มของเชลล์ที่ขายเบนซิน 95 มีเพียง 105 ปั๊มเท่านั้น ส่วน เบนซิน 91 อยู่ที่ 39.49 บาทต่อลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 35.89 บาทต่อลิตร

นายศัลยา สุคนธทรัพย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัทเชลล์ แห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่เชลล์ได้ปรับราคาขายปลีกเบนซิน 50 สตางค์ต่อลิตรมีผลวันที่ 4 มิ.ย.นั้นเนื่องจากราคาสิงคโปร์ปิดตลาดวันที่ 3 มิ.ย.ปรับเพิ่มขึ้น1.64 เหรียญต่อบาร์เรลมาปิดที่ 138.28 เหรียญต่อบาร์เรล ขณะที่ดีเซลขึ้น 2.36 เหรียญต่อบาร์เรลปิดที่ 160.66 เหรียญต่อบาร์เรลซึ่งแม้ว่าการปรับกลุ่มเบนซินจะทำให้ค่าการตลาดเริ่มมาเป็นบวกโดยเฉพาะแก๊สโซฮอล์ 95 ที่ค่าการตลาดอยู่ที่ 1.72 บาทต่อลิตรแต่ดีเซลค่าการตลาดอยู่เพียง 54 สตางค์ต่อลิตรหากพิจารณาเช่นนี้จะเห็นว่าดีเซลควรปรับ 1 บาทต่อลิตรแต่เชลล์เห็นว่าดีเซลมีผลกระทบมากจึงชะลอไว้ก่อน

“เราดูตลาดสิงคโปร์เป็นหลักและการที่เชลล์แจ้งปรับเพิ่มค่อนข้างจะดึกเพราะต้องรอตลาดสิงคโปร์ปิดประมาณ 1 ทุ่มกว่าจะพิจารณาและตัดสินใจก็ประมาณ 2 ทุ่ม ขณะที่ผู้ค้ารายอื่นไม่ปรับเพราะส่วนหนึ่งมีธุรกิจการกลั่นมาช่วยดูแลแต่เชลล์ไม่มีซึ่งหากสิงคโปร์ปิดตลาดลดลงจนทำให้ค่าการตลาดมีความเหมาะสมคืออยู่ในระดับ 1.50 บาทต่อลิตรเชลล์ก็พร้อมจะลดทันที”นายศัลยากล่าว

กมธ.เรียกผู้บริหาร ปตท.แจงน้ำมันแพง

ที่รัฐสภา มีการประชุมคณะกรรมาธิการการพลังงานวุฒิสภา โดยมี พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว.สรรหา เป็นประธาน โดยที่ประชุมได้เชิญนายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.สผ.จำกัด(มหาชน) เข้าชี้แจงถึงวิกฤติราคาน้ำมัน โดยนายประเสริฐ ได้ชี้แจงตอกย้ำว่า จนถึงขณะนี้ ปตท.ต้องแบกรับภาระในการตรึงราคาน้ำมัน 5 เดือนเป็นเงินกว่า 5.7 พันล้านบาท ถึงแม้ค่าการตลาดของน้ำมันดีเซลจะดีขึ้น แต่ในส่วนของเบนซิน แอลพีจี น้ำมันเตา ยังติดลบอยู่มาก ซึ่งเมื่อเทียบกับประเทศทั่วภูมิภาค เรายืนยันว่าไม่ได้ขายแพงจนเกินไป แต่จะนำไปเทียบกับประเทศมาเลเซีย คงไม่ได้ เพราะรัฐบาลเขาอุดหนุนงบประมาณปีละกว่า 4 แสนล้านบาท และยังมีรายได้ชดเชยจากการขายปิโตรเลี่ยมเหลว และพลังงานทดแทนอื่น หากจะให้เราตั้งราคาขายเท่ากับประเทศมาเลเซีย รัฐบาลเองก็จะต้องอุดหนุนงบประมาณ 4 แสนล้านเช่นกัน ซึ่งตนคิดว่าคงไม่เกิดประโยชน์อะไร สู้เอางบประมาณก้อนนี้ไปลงทุนในโครงการใหญ่ เช่น รถไฟฟ้า หรือระบบการคมนาคมการขนส่งจะดีกว่า

นายประเสริฐกล่าวอีกว่า ตัวอย่างที่เห็นชัดเจนจากการขาดดุลด้านการตลาดที่ติดลบอาทิ ปั๊มเจ็ท บีพี ต้องขายกิจการทิ้ง หากยังเป็นเช่นนี้อีกไม่นานจะเหลือแค่ ปตท. และบางจากเท่านั้น เพราะบริษัทอื่นเค้ารับไม่ไหว และปตท.ก็เห็นว่าประชาชนได้รับความเดือดร้อนแต่ทั้งหมดยืนยันว่าเป็นไปตามกลไกราคาตลาดโลก

“มีคนพูดว่าราคาน้ำมันบ้านเราควรลดลงมา 3 บาทต่อลิตร ตรงนั้นเป็นต้นทุนค่ากลั่น ยังไม่คิดค่ามาร์จิ้น ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นผมคิดว่าคงไม่มีใครกล้ามาลงทุนอีก เพราะปัจจุบันนักลงทุนก็ไม่กล้ามาลงทุนในธุรกิจโรงกลั่นน้ำมันแล้ว เพราะนักธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้โง่ ที่จะมองอะไรไม่ออก เพราะถ้าธุรกิจโรงกลั่นมีกำไรมหาศาลอย่างที่มีคนพูดกัน ป่านนี้คงมีคนเข้ามาลงทุนมากไปหมด แต่นี่กลับไม่มีเลย มีเพียงแค่ขยายโรงกลั่นเท่านั้น ผมรู้ว่าทุกคนเดือดร้อน ซึ่งปตท.ยืนยันว่าการบริหารงานของเราก็คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้ เพราะถ้าประชาชนเดือดร้อนจนอยู่ไม่ได้เราก็เดือดร้อนจนอยู่ไม่ได้เช่นกัน เมื่อถึงเวลานั้นถึงผมจะอยู่เขาก็คงไม่ให้ผมอยู่ และการบริหารงานของปตท. มีกลไกหลายชั้นและรู้ว่าจะทำอะไรได้ไม่มาก วันนี้ถือว่าประเทศไทยยังโชคดีที่ยังทำธุรกิจพลังงานเป็น ซึ่งเมื่อก่อนเราไม่รู้อะไรเลย และผมนึกภาพไม่ออกว่าถ้าปตท.ไม่มีธุรกิจขนาดนี้จะเกิดอะไรขึ้น นโยบายของรัฐหลายอย่างของรัฐบาลถ้าไม่มีปตท.ก็คงไม่สำเร็จในทุกเรื่อง และวันนี้ผมไม่ห่วงแล้วเพราะทั้งธุรกิจไฟฟ้าและแก๊สก็มีกฎหมายมาควบคุม ขณะที่มีหลายคนสนับสนุนให้ออกพ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้าเพื่อมาจัดการปตท. ผมยินดีอยากให้มีเร็วๆเช่นกัน แต่ต้องคิดมุมกลับว่าถ้ามีกฎหมายแล้วการกดราคาที่ปตท.ทำอยู่นี้อาจถูกทางเชลล์หรือบริษัทอื่นฟ้องว่าเราทุ่มตลาดและผูกขาดการตลาดได้” นายประเสริฐกล่าว

นายประเสริฐ กล่าวอีกว่า ที่สำคัญเราหนีความจริงไม่พ้นว่าทำไมเราต้องอิงราคากันตลาดนั้นตลาดนี้ ซึ่งผลกระทบมันมีทั่วโลก และสิ่งที่เพ่งเล็งกันก็คือตัวภาษี ซึ่งทางโอเปกเองก็ไม่ แฮปปี้กับราคาน้ำมันดิบในปัจจุบัน เพราะทางยุโรปตั้งอัตราภาษีไว้สูงมาก ซึ่งประเทศไทยจะต้องใจแข็งไม่ปรับภาษีเพื่อให้ราคาน้ำมันลดลงมา แต่ต้องส่งเสริมสร้างจิตสำนึกให้ประชาชนช่วยกันประหยัด และนำเงินที่เก็บจากภาษีส่วนนี้ไปช่วยบริหารประเทศ แต่หากรัฐบาลจะช่วยก็ควรทำแค่ชั่วคราว วันนี้ประชาชนเดือดร้อน กระทรวงพลังงานเข้ามาช่วย แต่ก็ทำได้เท่านี้ ไม่เช่นนั้นทุกคนก็จะไม่รู้จักการปรับตัว เหมือนเช่นอดีตที่ผ่านมาที่รัฐบาลชุดไทยรักไทย ที่สั่งตรึงราคาไว้จนหมดงบประมาณไปกว่า 1 แสนล้านบาท และวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคตคือการกดราคาแอลพีจีไว้ โดยไม่ขึ้นราคานานนับ 10 ปี จะเป็นระเบิดเวลาที่รอวันระเบิดอยู่ ซึ่งตนเข้าใจว่าเป็นสินค้าการเมือง ที่ทุกรัฐบาลต้องมีนโยบายตรึงราคาไว้ในราคาเท่านี้ นอกจากนี้ถ้าทำไม่ดี เอ็นจีวี ก็จะกลายเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่

ทั้งนี้ ได้มีกรรมาธิการบางคนซักถามถึงผลกำไรเกือบแสนล้านบาทของปตท.รวมถึงราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีราคาสูงเกินจริง ซึ่งนายประเสริฐได้กล่าวตอบว่า ปัจจุบันปตท.ทำกำไรปีละกว่า 1 แสนล้านบาท ซึ่งถูกมองว่ามีกำไรสูงมากเกินไป แต่การลงทุนของปตท. ใน 5 ปีข้างหน้ามีมูลค่าเป็น ล้านล้านบาท ถ้าเรามีกำไรปีละ หมื่นล้านแล้วธุรกิจจะอยู่ได้อย่างไร อย่างกิจการเอ็กซ์ซอนโมบิล ของอเมริกา ทำกำไรกว่า 4 หมื่นล้านดอล์ลาร์สหรัฐหรือกว่า 1 ล้านล้านบาทต่อปี เท่ากับงบประมาณของประเทศไทยทั้งประเทศ แต่ขนาดธุรกิจของเขาก็ครอบคลุมทั่วโลก ส่วนราคาน้ำมันดิบนั้นตนก็อยากให้มีศาลโลกมาตัดสินเหมือนกันเพราะรู้สึกว่ามันราคาแพงเกินไป ซึ่งมีสาเหตุมาจากการเก็งกำไร เมื่อเช้า(4 มิ.ย.) พบว่าจอร์จ โซรอส วิเคราะห์ว่าอีกไม่นานฟองสบู่น้ำมันใกล้จะแตกแล้วซึ่งตนก็อยากให้มันแตกจริงๆ เพราะมันราคาสูงเกินจริง
กำลังโหลดความคิดเห็น