xs
xsm
sm
md
lg

รถติด หรือ สิ้นชาติ

เผยแพร่:   โดย: วริษฐ์ ลิ้มทองกุล

นับถึงวันพุธที่ 4 มิถุนายน 2551 การชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้ดำเนินอย่างต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 11 แล้ว

ทุกๆ วัน การได้นั่งลงบนพื้นถนนราชดำเนิน มองภาพประชาชนเรือนพันเรือนหมื่นมีน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญโดยปราศจากความชอบธรรม ขับไล่รัฐบาลของนายสมัคร สุนทรเวช และเป้าหมายที่สำคัญที่สุดคือเรียกร้องให้มีการขุดรากถอนโคนระบอบทักษิณออกจากสังคมไทยนั้นทำเอาผมขนลุกทุกครั้ง

หลายเสียงที่หวังดีบอกว่า พอเหอะ! พันธมิตรฯ กลับบ้านเถอะ แล้วค่อยมาชุมนุมกันวันศุกร์-เสาร์-อาทิตย์ หรือย้ายไปชุมนุมที่อื่นเถอะ เช่น สวนจตุจักร สวนลุมพินี หรือลานคนเมืองกรุงเทพมหานคร เพราะการได้ชุมนุม ณ บริเวณเชิงสะพานมัฆวานฯ บนถนนราชดำเนินนั้นสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนทั่วไป ที่มิอาจสัญจรไปมาได้สะดวก

คำแนะนำด้วยความหวังดีข้างต้นผมเชื่อว่าแกนนำพันธมิตรฯ รวมถึงพันธมิตรฯ เรือนแสน (ถ้านับรวมเอาคนที่เคยมาชุมนุมทั้งหมดน่าจะเกินหลักแสนคนอย่างแน่นอน) เกือบทุกคนรับฟัง ทราบดี และเห็นใจเพื่อนๆ ผู้เดือดร้อน

ทว่า ... อย่างที่แกนนำพันธมิตรฯ และพันธมิตรฯ ส่วนใหญ่ให้มติและยืนยันออกมาว่า การต่อสู้ครั้งนี้ “เราถอยไม่ได้อีกแล้ว”

เหตุใดจึงถอยไม่ได้?

ไม่มีใครปฏิเสธว่า “รถติด” เป็นเรื่องน่ารำคาญของคนกรุงเทพฯ คนกรุงเทพฯ มักจะบ่นอยู่เสมอว่ารถติดทำให้ไปทำงานสาย ไปโรงเรียนสาย สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในการจราจร แต่คนกรุงเทพฯ ที่บ่นเหล่านั้นก็ไม่เคยถามตัวเองเลยว่า ทำไมเพื่อนมนุษย์ต้องมายืน นั่ง นอน กิน บนท้องถนนด้วย?

ไม่เฉพาะกรณีของพันธมิตรฯ ณ ปัจจุบัน แต่หากย้อนไปในอดีตไม่ว่าจะเป็นการชุมนุมของสมัชชาคนจน กลุ่มชาวบ้านผู้ต่อต้านการสร้างเขื่อน-ท่อก๊าซฯ กลุ่มเกษตรกรผู้เดือดร้อนที่จำเป็นต้องปิดถนนเพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหาทั้งหลาย ต่างก็ถูก “คนกรุงเทพฯ” บ่น ตำหนิ และต่อว่าด้วยกันทั้งนั้น

กระนั้น “คนกรุงเทพฯ” บางคนกลับไม่เคยเข้าใจเลยว่า การมายืน นั่ง นอน กิน บนท้องถนน นั้นไม่ใช่เป็นเรื่องสนุกสนาน หรือรื่นเริงบันเทิงใจแต่อย่างใด อย่างเช่นในกรณีของกลุ่มชาวบ้านผู้ต่อต้านการสร้างเขื่อนปากมูลเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าเมื่อหลายปีก่อนนั้น เหตุที่เขาต้องมาก็เพราะการสร้างเขื่อนส่งผลกระทำต่อวิถีชีวิตของเขาจริงๆ พวกเขาต้องสูญเสียวิถีชีวิต บ้านแตกสาแหรกขาด เพียงเพราะการสร้างเขื่อนเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้าให้คนเมือง ซึ่งก็รวมถึงคนกรุงเทพฯ ได้ใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย

ท่านลองตอบตัวเองสิว่า “รถติด” กับ “บ้านแตกสาแหรกขาด” อย่างไหนเป็นความทุกข์ที่สาหัสกว่ากัน?

ในกรณีของพันธมิตรฯ ออกมาชุมนุมบนถนนราชดำเนินอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาสิบกว่าวันแล้ว สำหรับหลายต่อหลายคนยิ่งเป็นเรื่องน่าฉงนสนเท่ห์เข้าไปใหญ่

เพราะ ถ้าหากใครเคยมาร่วมการชุมนุมกับกลุ่มพันธมิตรฯ ก็จะเห็นด้วยตาตัวเองและปฏิเสธไม่ได้ว่า ประชาชนที่มาร่วมชุมนุมกันจำนวนหลายพันคนทุกวันและบางวันขึ้นไปถึงหลักหลายหมื่นคนนั้นร้อยละ 80-90 ของผู้ชุมนุมนั้นเป็นชนชั้นกลางที่พอมีอันจะกิน มีหน้าที่การงานที่มั่นคง มีที่พักอันอบอุ่น มีครอบครัวต้องดูแลทั้งสิ้น

เหตุใด ชนชั้นกลางผู้มีอันจะกินจำนวนหลายหมื่นคน (และหากรวมๆ กันทุกวันแล้วคงนับจำนวนได้นับแสนคน) จึงพร้อมใจมายืน นั่ง กิน นอน ถ่าย ตากแดด ตากฝนบนถนนราชดำเนินอย่างไม่รู้เหน็ดรู้เหนื่อยเช่นนี้? พวกเขาไม่สนใจเรื่องรถติดหรือเศรษฐกิจตกต่ำหรอกหรือ?

สำหรับคำถามนี้ ผมเชื่อว่า นักการเมือง นักวิชาการ รวมถึงสื่อมวลชนส่วนใหญ่ก็คงรู้สึกเช่นเดียวกันว่าเป็นปรากฎการณ์ที่หลายคนคาดไม่ถึงและปฏิเสธไม่ได้ว่าสร้างความตื่นตะลึงให้กับบรรดานักการเมืองและเซียนการเมืองทั้งหลายที่บางคนมองว่า ม็อบพันธมิตรฯ ครั้งนี้จุดไม่ติด, เดี๋ยวเงินหมดก็กลับบ้านกันไปเอง, วันธรรมดาคงมีกันอยู่ไม่กี่ร้อย, เดี๋ยวฝนตกคนก็หนีกลับบ้าน ฯลฯ

การชุมนุมครั้งนี้ผมบอกได้เลยว่าเป็นการชุมนุมของกลุ่มคนที่มีปัญญา เข้าใจปัญหา และรักชาติรักบ้านรักเมืองทั้งสิ้น ผู้ชุมนุมส่วนใหญ่เข้าอกเข้าใจเหตุผลในการชุมนุมเป็นอย่างดีว่า ณ เวลานี้เป็นเวลาที่เหมาะสมที่สุดแล้วในการ “ล้างบ้านล้างเมือง” ให้สะอาด ให้ปลอดจากนักการเมืองชั่วๆ เสียที

คนส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่า ถ้าพันธมิตรฯ ถอย ประเทศก็จะตกเข้าสู่ ‘วงจรอุบาทว์’ ทางการเมืองแบบเดิมๆ อีก และที่สำคัญพวกเราจะสูญเสียวิถีชีวิต ขนบ ประเพณี ความเชื่อ ความถูกต้อง ความยุติธรรม ความดีงามที่เคยดำรงอยู่ในสังคมไทยให้กับ “ระบอบทักษิณ” ไปจนหมดสิ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้เมื่อนำมาเปรียบกับเรื่อง “รถติด” แล้วเทียบกันไม่ได้แม้กระผีก

พวกเราเคยได้ยิน ได้ฟัง ได้เห็น การเมืองในต่างประเทศที่นักการเมืองมีจิตสำนึก มีจริยธรรม มีคุณธรรม มีความรับผิดชอบ รู้จักผิดชอบชั่วดีมามากพอแล้วไม่ว่าจะนักการเมืองเกาหลีที่ต้องประกาศลาออกเนื่องจากใช้เวลาราชการไปตีกอล์ฟ นักการเมืองอเมริกันที่ต้องลาออกเพราะไปซื้อบริการทางเพศจากโสเภณีชั้นสูง นักการเมืองยุโรปที่ต้องลาออกเพราะแจ้งบัญชีทรัพย์สินผิดพลาดด้วยจำนวนเงินไม่กี่พันบาท ฯลฯ

พวกเราชื่นชม มาตรฐานทางการเมืองเช่นนี้มาตลอด แต่เราไม่เคยมีโอกาสทำให้มันเกิดขึ้นในสังคมการเมืองไทยเลย และที่น่าเศร้าไปกว่านั้นก็คือ เรายอมให้ผู้นำประเทศและคณะรัฐมนตรีที่เห็นแก่ลาภ ยศ สรรเสริญ ประพฤติตัวเป็น “หุ่นเชิด” ของอดีตผู้นำที่คดโกงประเทศ สามารถบริหารบ้านเมืองอย่าง “สั่วๆ” มานานถึง 4 เดือนแล้ว

รัฐบาลหุ่นเชิด ... อย่าว่าแต่ 4 เดือนเลยครับแค่เพียงวันเดียว ชั่วโมงเดียว นาทีเดียว วินาทีเดียวก็มากเกินไป!!!

天时不如地利,地利不如人和
ดินฟ้าเป็นใจมิสู้มีชัยภูมิที่มั่นคง ชัยภูมิที่เป็นเลิศมิอาจเทียบได้กับน้ำหนึ่งใจเดียวของผู้คน

การชุมนุมของพันธมิตรฯ ในช่วงหลายวันมานี้ทำเอาผมประหวัดไปถึงคำสอนข้างต้นของปราชญ์จีนผู้หนึ่งนามเมิ่งจื่อ

การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงฤดูฝน ที่ฝนตกลงมาวันเว้นวัน การชุมนุมครั้งนี้เกิดขึ้นบนท้องถนนที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อัตคัตเหลือทน แต่การชุมนุมครั้งนี้ก็เกิดขึ้นและดำเนินต่อไปได้อย่างมหัศจรรย์ด้วยความสามัคคีและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันของประชาชนผู้รักชาติทั้งหลาย

ประชาชนทั้งหลาย ... ผมขอสดุดีความดีและความกล้าหาญของท่านไว้ ณ ที่นี้ จากก้นบึ้งของหัวใจ.
กำลังโหลดความคิดเห็น