xs
xsm
sm
md
lg

โลกของคนหน้าด้าน!

เผยแพร่:   โดย: ราวี เวียงพยัคฆ์

นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีหุ่น กล่าวถึงความพยายามที่จะมีการล่าให้เขาพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า เกิดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง เริ่มต้นจากบอกว่าอาจจะได้ใบเหลือง ใบแดง ในการปราศรัยหาเสียงแจกวีซีดี แต่ก็ชี้แจงไปและรอดตัวมาได้

ต่อมาเป็นเรื่องวุฒิสมาชิกซึ่งลาออกมาไม่ครบ 2 ปีก่อนวันสมัครรับเลือกตั้ง แต่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก็บอกว่า ไม่เป็นไร อีกหน่อยก็บอกว่า เป็นนอมินี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่ง กกต.ก็บอกว่า ไม่เป็นไร เพราะไม่มีกฎหมายเอาผิด

และต่อมาก็เป็นเรื่องคดีหมิ่นประมาทซึ่งเคยถูกลงโทษ 4 กระทง 2 ปี ไม่รอลงอาญาซึ่งมีคนบอกว่า ต้องพ้นจากตำแหน่ง แต่ กกต.ก็บอกว่า ไม่ได้อีกเพราะคดีไม่ถึงที่สุด

ทำให้รอดมาได้ 4 หน

นายสมัครเปิดเผยว่า เมื่อ 2-3 วันนี้มีคนอยู่คณะหนึ่งกำลังจะหาคนมาแทนนายสมัครเป็นข่าวเอิกเกริกกันอยู่ ตอนนี้จะเอาออกให้ได้อีกแล้ว ก็มาบอกว่า การจัดรายการกินไปบ่นไปมันผิดกฎหมาย เพราะก่อนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีจะต้องเซ็นเอกสารยาวหลายหน้า ซึ่งระบุว่านายกรัฐมนตรีห้ามเป็นโน่นเป็นนี่หลายอย่าง แล้วไปพบว่า ตนเป็นลูกจ้างบริษัทที่ผลิตรายการ ไม่ว่าจะรับเงินหรือไม่รับเงินค่าจ้างก็ไม่ได้ทั้งสิ้น เพราะเป็นเกียรติยศเกียรติศักดิ์

นายกรัฐมนตรีหุ่น นายสมัคร สุนทรเวช กล่าวว่าก่อนจะมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้สอบถามนักกฎหมายชั้นยอดแล้วว่าทำได้หรือไม่ ซึ่งได้รับคำอธิบายว่าการไปทำรายการครั้งหนึ่งแล้วได้ค่าน้ำมันรถ และค่าตอบแทนชั่วคราวนั้นเรียกว่า รับจ้าง ไม่ใช่ลูกจ้างซึ่งไม่เข้ากับกฎหมาย เพราะถ้าเป็นลูกจ้างจะต้องลงทะเบียนมีบัญชี มีชื่อ และยื่นต่อประกันสังคม

ตอนท้ายนายกรัฐมนตรีหุ่นยังกล่าวอีกว่า “ถ้าบอกว่า ไม่ผิด แต่ไม่สมควร ผมก็จะหยุดการกระทำนั้นเสีย”

ดูเอาเถอะ คนที่มีตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรียังดูไม่ออก คิดไม่ได้ว่า รายการโทรทัศน์ที่ตัวจัดนั้นสมควรที่จะจัดต่อไปหรือไม่ เหมาะสมหรือไม่ แล้วเราจะไปหวังให้คนอื่นๆ ที่แวดล้อมนายสมัคร สุนทรเวช อยู่ขณะนี้คิดได้อย่างไร ไม่ว่าจะเป็นนายยงยุทธ ติยะไพรัช ซึ่งก่อนหน้าที่เขาจะได้รับเลือกให้เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้าน และสื่อมวลชนทั้งหลายก็ท้วงติงเอาไว้ว่า เขามีกรณีใบเหลือง ใบแดงที่ กกต.พิจารณาอยู่

หรือในกรณีของนายชัย ชิดชอบ ที่ขึ้นมาเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรต่อจากนายยงยุทธ ติยะไพรัช ก็กล่าวถึงกรณีฮุบที่ดินการรถไฟฯ ว่า ยังจะต้องต่อสู้กันถึง 3 ศาล รับรองว่าเขาสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ครบวาระอย่างแน่นอน

กระบวนการหน้าด้านหน้าทนเพื่อที่จะอยู่ให้ได้ในตำแหน่งทางการเมืองนี้ เราจึงเห็นกันดาษดื่น เช่น เมื่อมีข้อเท็จจริงว่า ไม่ได้แจ้งบัญชีทรัพย์สินให้ถูกต้องก็บอกว่า เป็นความผิดเล็กๆ น้อยๆ ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดเสียก่อนจึงจะออกจากตำแหน่ง

หรือเมื่อมีคดีความก็บอกว่า ศาลยังพิพากษาไม่ถึงที่สุด ต้องให้ศาลฎีกาพิจารณาตัดสินออกมาให้เสร็จสิ้นเสียก่อน

บางรายเมื่อศาลฎีกาตัดสินว่า เขากระทำความผิด ก็ยังมีหน้าบอกว่า เคารพในคำตัดสินของศาล แต่.....

เราจะไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรอคำพิพากษาของศาลฎีกา หรือรอให้คดีถึงที่สุดเลย ถ้าหากประชาธิปไตยของเราเป็นประชาธิปไตยที่ประชาชนเข้มแข็ง ประชาชนมีความคิดความอ่านทางการเมืองเท่าทันนักการเมือง แต่ประชาชนรู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมชั้นเชิงนักการเมือง การเลือกตั้งแต่ละครั้งมีการใช้เงินเป็นปัจจัยสำคัญในการเอาชนะการเลือกตั้ง จนกระทั่งในที่สุด รัฐธรรมนูญต้องออกแบบให้มีคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อขจัดนักการเมืองที่ชั่วช้าสามานย์ ใช้เงินซื้อคะแนนเสียง

ถึงกระนั้น คณะกรรมการการเลือกตั้งบางชุดก็ยังกล้าประพฤติชั่ว ทำผิดเสียเองจนในที่สุดถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้เห็นมาแล้ว

หากอ่านคำพิพากษาศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ในคดีคณะกรรมการการเลือกตั้งที่มี พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ และคณะเป็นจำเลยแล้ว นักการเมืองที่เป็นตัวการที่ทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้งชุดนี้ต้องติดคุก ก็ไม่น่าที่จะกล้าสบตาใครได้ในสังคมปัจจุบัน

แต่เพราะความหน้าด้าน ความไม่มียางอายในกมลสันดาน ประกอบกับสังคมส่วนใหญ่ที่ยังไม่รู้เท่าทัน อโหสิ ไม่ถือสา หรือยึดเอาความสมานฉันท์ที่ปราชญ์บางคนมักจะพูดอยู่เสมอๆ ให้ผู้คนในสังคมของเรายึดมั่น จึงเปิดโอกาสให้นักการเมืองหน้าด้าน หน้าหนา มีที่หยัดยืนอยู่ในสังคม แถมยังมามีอำนาจอีกต่างหาก

นักการเมืองบางประเทศไปตีกอล์ฟ ไม่ได้อยู่ร่วมประชุมแก้ปัญหาประชาชน เขาก็ต้องลาออก บางคนไปเที่ยวหญิงโสเภณี เมื่อถูกเปิดเผย เขาก็ตัดสินใจลาออก และจบชีวิตทางการเมือง (เพราะขืนอยู่ประชาชนก็ไม่เลือก และไม่มีวันที่จะให้โอกาสเขาอีก) ต่างไปจากนักการเมืองของประเทศไทยของเรา ที่แม้จะชั่วช้าสามานย์อย่างไร ถ้าหากมีเงิน เขาก็มีโอกาสที่จะเข้าสภาฯ ได้อีก มีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีได้อีก

ด้วยเหตุนี้เราจึงต้องมีรัฐธรรมนูญที่มีบทบัญญัติที่ค่อนข้างจะเข้มงวด มีตัวบทกฎหมายที่ค่อนข้างจะเข้มงวด สำหรับบุคคลที่จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ทั้งที่ไม่มีความจำเป็นเลยหากเราประชาชน และนักการเมืองคำนึงถึงปัญหา คุณธรรม จริยธรรม

แน่นอนถ้าหากพูดเรื่องคุณธรรม จริยธรรมขึ้นมา บรรดานักการเมืองหน้าหนาทั้งหลายก็จะบอกว่า มันคืออะไร ไม่รู้จัก ผมหรือฉันนี่แหละที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามา ได้เสียงข้างมากเข้ามาในสภาฯ ผมหรือฉันจะต้องจัดตั้งรัฐบาล จะต้องบริหารประเทศ

คดีความหรือ เอาไว้ก่อน ให้ถึงที่สุดเสียก่อน ให้ศาลฎีกาพิจารณาให้สิ้นสุดเสียก่อน ค่อยมาว่ากัน

ทำอย่างไรได้เล่าครับ โลกของคนหน้าด้าน ก็เป็นอย่างนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น