ผู้จัดการรายวัน-สมาคมรถบรรทุกอีสานขู่ ปิดถนน หากไม่ช่วยเหลือ ขณะที่ สหพันธ์ขนส่งทางบก ชี้รัฐบาลมัวแต่สนใจเรื่องการเมืองไม่สนใจแก้ปัญหาปากท้องชาวบ้าน บริหารประเทศ 3 เดือนไม่มีอะไรดีขึ้น นัด แถลงจุดยืน 4 มิ.ย. นี้ ขออุดหนุนราคาน้ำมันเหมือนรถร่วมฯ ขสมก. ยันใช้มาตรการรุนแรงแน่หากรัฐยังเพิกเฉย ขณะที่ กก.ขนส่งทางบกกลาง เตรียมหารืออัยการ เพื่ออุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองที่ให้ระงับการขึ้นค่าโดยสารในสัปดาห์หน้า โต้แย้ง 3 ข้อ เพื่อขอให้ศาลทบทวนคำสั่งคุ้มครอง
สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกภาคอีสานนำโดย นายสุระชัย กนกะปิณฑะ ผู้ประสานงานสมาคมฯได้ยื่นหนังสือ ถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ จัดหาน้ำมันราคาถูกกว่าราคาตลาดลิตรละ 3 บาทให้ผู้ประกอบการจำนวน 400,000 ลิตรต่อวันจากรถที่ใช้บริการ 2,600 คัน ,เร่งรัดการปล่อยสินเชื่อเงินกู้สำหรับการติดตั้งเอ็นจีวี ให้กับรถบรรทุกในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.5% ให้มีความชัดเจนและมั่นคง
นอกจากนี้ยังขอให้ปตท.เร่งรัดการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ในถนนสายหลักของประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อรองรับรถบรรทุกและรถของภาคอีกสาน 2,600 คันด้วย อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามที่ได้มีการเรียกร้องจะนำรถบรรทุกมาปิดถนน
นายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุกเลย ทั้ง ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันเช่นกัน ซึ่งไม่มีความเสมอภาคสำหรับผู้ประกอบการ และเห็นว่า ตอนนี้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องของการเมือง เรื่องของผลประโยชน์ มากกว่าเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ปัญหาวิกฤตพลังงานไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งที่รัฐบาลทำงานมาแล้วร่วม 3 เดือน ทำให้จนถึงตอนนี้จึงไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเบื้องต้นต้องการให้รัฐอุดหนุนราคาน้ำมันเช่นเดียวกับรถร่วมฯขสมก. และมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ด้วย ซึ่งหากรัฐยังไม่ให้ความช่วยเหลือก็จะมีมาตรการรุนแรงออกมาแน่นอน ซึ่ง ในวันนี้ (4 มิ.ย.) สหพันธ์ฯ จะแถลงจุดยืนข้อเรียกร้องและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกดดันรัฐบาล
กก.ขนส่งทางบกกลาง เตรียมหารืออัยการ
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกระทรวงคมนาคมได้กำหนดประเด็นต่าง ๆ ที่จะขออุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ ขสมก.เรียบร้อยแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับอัยการ ซึ่งจะเป็นผู้ยื่นร้องคำอุทธรณ์ดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดในเร็ว ๆ นี้
โดยเนื้อหาในการยื่นอุทธรณ์มีประเด็นสำคัญ 3 ข้อ คือ การชี้ให้ศาลปกครองเห็นว่า อำนาจในการปรับขึ้นค่าโดยสาร ถือเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ โดยตรง และได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ หลังจากน้ำมันดีเซล ได้มีราคาเปลี่ยนแปลงไปกว่า 8 บาทต่อลิตรจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 27.34 บาท และคณะกรรมการฯได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับค่าโดยสารครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไปขณะนี้ หากไม่มีการปรับค่าโดยสารให้ผู้ประกอบการ ก็จะได้รับผลกระทบหนัก
ประเด็นที่ 2 คือ การที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งถือเป็นการระงับคำสั่งของคณะกรรมการฯ ซึ่งในประเด็นนี้ คณะกรรมการฯไม่ทราบว่า มีคำสั่งของคณะกรรมการฯ ข้อใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นประเด็นที่คณะกรรมการฯ จะขอความเป็นธรรมจากศาลและ 3 หากศาลปกครองกลาง จะมีคำสั่งคุ้มครองให้ระงับขึ้นค่าโดยสาร จากประเด็น ของเรื่องจำนวนรถโดยสารเอ็นจีวีที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการของ ขสมก. มีอยู่ คณะกรรมการฯเห็นว่า หากศาลปกครองจะให้ระงับการขึ้นค่าโดยสารจะมีคำสั่งเฉพาะของรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ จะชี้ให้ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า หากมีการสั่งระงับไม่ให้ผู้ประกอบการ ปรับค่าโดยสารตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจริง เมื่อผู้ประกอบการต้องหยุดเดินรถ เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนจะไม่มีรถใช้บริการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงกว่าและประเมินเป็นเงินไม่ได้
สมาคมผู้ประกอบการรถบรรทุกภาคอีสานนำโดย นายสุระชัย กนกะปิณฑะ ผู้ประสานงานสมาคมฯได้ยื่นหนังสือ ถึงนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความช่วยเหลือ จัดหาน้ำมันราคาถูกกว่าราคาตลาดลิตรละ 3 บาทให้ผู้ประกอบการจำนวน 400,000 ลิตรต่อวันจากรถที่ใช้บริการ 2,600 คัน ,เร่งรัดการปล่อยสินเชื่อเงินกู้สำหรับการติดตั้งเอ็นจีวี ให้กับรถบรรทุกในอัตราดอกเบี้ยต่ำ 0.5% ให้มีความชัดเจนและมั่นคง
นอกจากนี้ยังขอให้ปตท.เร่งรัดการก่อสร้างสถานีบริการก๊าซธรรมชาติ (เอ็นจีวี) ในถนนสายหลักของประเทศโดยเร็วที่สุด เพื่อรองรับรถบรรทุกและรถของภาคอีกสาน 2,600 คันด้วย อย่างไรก็ตามหากรัฐบาลไม่ดำเนินการตามที่ได้มีการเรียกร้องจะนำรถบรรทุกมาปิดถนน
นายทองอยู่ คงขันธ์ เลขาธิการสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรถบรรทุกเลย ทั้ง ๆ ที่ได้รับความเดือดร้อนจากราคาน้ำมันเช่นกัน ซึ่งไม่มีความเสมอภาคสำหรับผู้ประกอบการ และเห็นว่า ตอนนี้รัฐบาลให้ความสำคัญในเรื่องของการเมือง เรื่องของผลประโยชน์ มากกว่าเรื่องเศรษฐกิจและปากท้องของประชาชน ปัญหาวิกฤตพลังงานไม่ได้รับการแก้ไข ทั้งที่รัฐบาลทำงานมาแล้วร่วม 3 เดือน ทำให้จนถึงตอนนี้จึงไม่มีอะไรดีขึ้น โดยเบื้องต้นต้องการให้รัฐอุดหนุนราคาน้ำมันเช่นเดียวกับรถร่วมฯขสมก. และมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ด้วย ซึ่งหากรัฐยังไม่ให้ความช่วยเหลือก็จะมีมาตรการรุนแรงออกมาแน่นอน ซึ่ง ในวันนี้ (4 มิ.ย.) สหพันธ์ฯ จะแถลงจุดยืนข้อเรียกร้องและมาตรการต่าง ๆ เพื่อกดดันรัฐบาล
กก.ขนส่งทางบกกลาง เตรียมหารืออัยการ
นายปิยะพันธ์ จัมปาสุต รองปลัดกระทรวงคมนาคมในฐานะประธานคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง เปิดเผยว่า ขณะนี้ฝ่ายกฎหมายกระทรวงคมนาคมได้กำหนดประเด็นต่าง ๆ ที่จะขออุทธรณ์คำสั่งศาลปกครองกลางที่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารรถโดยสารองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) และรถร่วมบริการ ขสมก.เรียบร้อยแล้ว โดยในสัปดาห์หน้าจะมีการหารือกับอัยการ ซึ่งจะเป็นผู้ยื่นร้องคำอุทธรณ์ดังกล่าวต่อศาลปกครองสูงสุดในเร็ว ๆ นี้
โดยเนื้อหาในการยื่นอุทธรณ์มีประเด็นสำคัญ 3 ข้อ คือ การชี้ให้ศาลปกครองเห็นว่า อำนาจในการปรับขึ้นค่าโดยสาร ถือเป็นอำนาจของคณะกรรมการฯ โดยตรง และได้พิจารณาตามหลักเกณฑ์ หลังจากน้ำมันดีเซล ได้มีราคาเปลี่ยนแปลงไปกว่า 8 บาทต่อลิตรจากราคาน้ำมันดีเซลที่ลิตรละ 27.34 บาท และคณะกรรมการฯได้อนุมัติให้ผู้ประกอบการปรับค่าโดยสารครั้งที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าราคาน้ำมันที่เปลี่ยนแปลงไปขณะนี้ หากไม่มีการปรับค่าโดยสารให้ผู้ประกอบการ ก็จะได้รับผลกระทบหนัก
ประเด็นที่ 2 คือ การที่ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งทุเลาไม่ให้มีการปรับขึ้นค่าโดยสาร ซึ่งถือเป็นการระงับคำสั่งของคณะกรรมการฯ ซึ่งในประเด็นนี้ คณะกรรมการฯไม่ทราบว่า มีคำสั่งของคณะกรรมการฯ ข้อใดที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะเป็นประเด็นที่คณะกรรมการฯ จะขอความเป็นธรรมจากศาลและ 3 หากศาลปกครองกลาง จะมีคำสั่งคุ้มครองให้ระงับขึ้นค่าโดยสาร จากประเด็น ของเรื่องจำนวนรถโดยสารเอ็นจีวีที่ผู้ประกอบการรถร่วมบริการของ ขสมก. มีอยู่ คณะกรรมการฯเห็นว่า หากศาลปกครองจะให้ระงับการขึ้นค่าโดยสารจะมีคำสั่งเฉพาะของรถที่ใช้เอ็นจีวีเท่านั้น
นอกจากนี้ คณะกรรมการฯ จะชี้ให้ศาลปกครองสูงสุดเห็นว่า หากมีการสั่งระงับไม่ให้ผู้ประกอบการ ปรับค่าโดยสารตามราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้นจริง เมื่อผู้ประกอบการต้องหยุดเดินรถ เหมือนสัปดาห์ที่ผ่านมา ประชาชนจะไม่มีรถใช้บริการ ความเสียหายที่เกิดขึ้นสูงกว่าและประเมินเป็นเงินไม่ได้
