ผู้จัดการรายวัน - ศาลปกครองกลางนัดฟังคำสั่งกรณีขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะพรุ่งนี้ ส่วนกรมการขนส่งทางบก พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศาล ขณะที่กลุ่มเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารฯจี้เอาผิดรถที่ขึ้นค่าโดยสาร แต่ยังไม่ปรับราคาหน้าตั๋ว
รายงานข่าวกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีกลุ่มเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ ฟ้องร้องต่อศาลให้ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการฯ ล่าสุดภายหลังศาลปกครองกลางได้รับฟังข้อมูลการชี้แจงตัวเลขจำนวนรถเมล์โดยสารที่เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวี ทั้งตัวแทนคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางและผู้แทน บมจ.ปตท. โดยศาลได้นัดที่จะมีคำสั่งพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เวลา 14.00 น.
นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการฯ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหากมีคำวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว โดยหากมีคำสั่งให้ระงับการขึ้นค่าโดยสาร กรมการขนส่งทางบกก็จะมีการทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบและจัดเก็บค่าโดยสารอัตราเดิม
ส่วนกรณีที่กลุ่มเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารระบุว่า การเก็บค่าโดยสารเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งมีการคิดค่าโดยสารเกินหน้าตั๋ว ถือเป็นความผิดและจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรถ่วมบริการ นายรณยุทธ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบกการจัดเก็บค่าโดยสารรถสาธารณะ กฎหมายระบุว่าจะต้องไม่เก็บเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามมติคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ซึ่งเป็นผู้พิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสาร อย่างไรก็ตามกรมการขนส่งทางบกจะขอให้ผู้ประกอบการทุกคนที่ปรับขึ้นค่าโดยสารพิจารณาจัดพิมพ์ตั๋วโดยสารหรือ
มีการประทับตราค่าโดยสารราคาใหม่บนตั๋ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งจะต้องมีการปิดประกาศอัตราค่าโดยสารบนรถอัตราใหม่แจ้งให้ประชาชนรับทราบ หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวก็จะมีความผิด และขอให้ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งร้องเรียนหมายเลข 1584 เพื่อจะดำเนินการลงโทษต่อไป
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า วันนี้นอกจากจะมีการชี้แจงประเด็นจำนวนรถที่ปรับมาใช้เอ็นจีวีของผู้ประกอบการรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งพบว่ามีกว่า 1,000 คันแล้ว นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอประเด็นที่ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้สั่งระงับการขึ้นค่าโดยสารของ ขสมก. ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ราคาค่าโดยสารของ ขสมก.และรถร่วมบริการประเภทเดียวกันแตกต่างกันถึง 2 บาท ทำให้เกิด 2 มาตรฐาน โดยประชาชนที่ใช้รถเมล์รถร่วมบริการต้องมีภาระมากกว่า ขสมก. ขณะที่การเดินทางช่วงชั่วโมงเร่งด่วนประชาชนไม่สามารถมีทางเลือกที่จะใช้บริการรถ ขสมก. ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ การที่มีผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.และ บขส.ปรับราคาโดยยังไม่มีการพิมพ์ราคาที่ถูกต้องบนตั๋ว หรือประกาศบอกแก่ผู้โดยสาร เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำผิดข้อหาฉ้อโกง และกรมการขนส่งทางบกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการจับกุม ซึ่งวันนี้ตามกำลังบุคลากรที่มี กรมฯ จะต้องจับกุมผู้ทำผิดได้ไม่น้อยกว่า 3,000-4,000 ราย อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มเครือข่าวพบว่ากรมฯ ไม่ดำเนินการก็จะมีการดำเนินคดีในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่กับผู้บริหารกรมฯ ด้วย.
รายงานข่าวกล่าวถึงความคืบหน้าการพิจารณาคดีกลุ่มเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารสาธารณะ ฟ้องร้องต่อศาลให้ระงับการปรับขึ้นค่าโดยสารตามมติคณะกรรมการฯ ล่าสุดภายหลังศาลปกครองกลางได้รับฟังข้อมูลการชี้แจงตัวเลขจำนวนรถเมล์โดยสารที่เปลี่ยนมาใช้เอ็นจีวี ทั้งตัวแทนคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลางและผู้แทน บมจ.ปตท. โดยศาลได้นัดที่จะมีคำสั่งพิจารณาคดีในวันพรุ่งนี้ (27 พ.ค.) เวลา 14.00 น.
นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ในฐานะผู้แทนคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง กล่าวว่า ในส่วนของคณะกรรมการฯ พร้อมปฏิบัติตามคำสั่งของศาลหากมีคำวินิจฉัยเรื่องดังกล่าว โดยหากมีคำสั่งให้ระงับการขึ้นค่าโดยสาร กรมการขนส่งทางบกก็จะมีการทำหนังสือแจ้งให้ผู้ประกอบการรับทราบและจัดเก็บค่าโดยสารอัตราเดิม
ส่วนกรณีที่กลุ่มเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารระบุว่า การเก็บค่าโดยสารเมื่อวานที่ผ่านมา ซึ่งมีการคิดค่าโดยสารเกินหน้าตั๋ว ถือเป็นความผิดและจะฟ้องร้องดำเนินคดีกับผู้ประกอบการรถ่วมบริการ นายรณยุทธ กล่าวว่า ตาม พ.ร.บ.ขนส่งทางบกการจัดเก็บค่าโดยสารรถสาธารณะ กฎหมายระบุว่าจะต้องไม่เก็บเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดตามมติคณะกรรมการควบคุมขนส่งทางบกกลาง ซึ่งเป็นผู้พิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสาร อย่างไรก็ตามกรมการขนส่งทางบกจะขอให้ผู้ประกอบการทุกคนที่ปรับขึ้นค่าโดยสารพิจารณาจัดพิมพ์ตั๋วโดยสารหรือ
มีการประทับตราค่าโดยสารราคาใหม่บนตั๋ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิด รวมทั้งจะต้องมีการปิดประกาศอัตราค่าโดยสารบนรถอัตราใหม่แจ้งให้ประชาชนรับทราบ หากผู้ประกอบการไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขดังกล่าวก็จะมีความผิด และขอให้ประชาชนที่พบเห็นสามารถแจ้งร้องเรียนหมายเลข 1584 เพื่อจะดำเนินการลงโทษต่อไป
นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า วันนี้นอกจากจะมีการชี้แจงประเด็นจำนวนรถที่ปรับมาใช้เอ็นจีวีของผู้ประกอบการรถร่วมบริการขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ซึ่งพบว่ามีกว่า 1,000 คันแล้ว นอกจากนี้ ยังได้นำเสนอประเด็นที่ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมได้สั่งระงับการขึ้นค่าโดยสารของ ขสมก. ซึ่งเรื่องดังกล่าวทำให้ราคาค่าโดยสารของ ขสมก.และรถร่วมบริการประเภทเดียวกันแตกต่างกันถึง 2 บาท ทำให้เกิด 2 มาตรฐาน โดยประชาชนที่ใช้รถเมล์รถร่วมบริการต้องมีภาระมากกว่า ขสมก. ขณะที่การเดินทางช่วงชั่วโมงเร่งด่วนประชาชนไม่สามารถมีทางเลือกที่จะใช้บริการรถ ขสมก. ซึ่งเรื่องนี้ไม่เป็นธรรม
นอกจากนี้ การที่มีผู้ประกอบการรถร่วมบริการ ขสมก.และ บขส.ปรับราคาโดยยังไม่มีการพิมพ์ราคาที่ถูกต้องบนตั๋ว หรือประกาศบอกแก่ผู้โดยสาร เรื่องนี้ถือเป็นการกระทำผิดข้อหาฉ้อโกง และกรมการขนส่งทางบกกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติต้องดำเนินการจับกุม ซึ่งวันนี้ตามกำลังบุคลากรที่มี กรมฯ จะต้องจับกุมผู้ทำผิดได้ไม่น้อยกว่า 3,000-4,000 ราย อย่างไรก็ตาม หากกลุ่มเครือข่าวพบว่ากรมฯ ไม่ดำเนินการก็จะมีการดำเนินคดีในข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่กับผู้บริหารกรมฯ ด้วย.