ศาลปกครองกลาง ยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวขึ้นค่ารถเมล์ พร้อมนัดไต่สวนพยานเพิ่มเติมอีกครั้ง 26 พ.ค.นี้ หลังได้ข้อมูลไม่ครบถ้วน เรื่องจำนวนรถติดก๊าซ NGV ซึ่งข้อมูลทั้ง 2 ฝ่าย ทำไมไม่ตรงกัน ขณะที่ไต่สวนฉุกเฉินวันนี้ “เจ๊เกียว” ควง ปธ.รถร่วมฯ ขสมก.เข้าให้การสู้คดี ส่วนค่าโดยสารรถสาธารณะ ยังคงปรับขึ้นเหมือนเดิม
วันนี้ (23 พ.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลปกครองกลางยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการปรับขึ้นค่ารถโดยสารสาธารณะในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ตามคำร้องของ นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ พร้อมเรียกผู้บริหาร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และประธานบอร์ดควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มาให้ปากคำต่อในวันที่ 26 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดีหมายเลข 0811/2551 คดีขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ นัดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว คดี นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านานการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เรื่องเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการออกคำสั่งโดยมิชอบกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ มีมติเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2551 ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), รถร่วม ขสมก., รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ รถร่วม บขส.ซึ่งจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.
โดยภายหลัง นายบุญชัย ผู้ฟ้อง และ นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ตัวแทนฝ่ายผู้ถูกฟ้อง และกลุ่มเอกชนรถร่วม บขส.นายบรรยงค์ อำพรตระกูล ประธานชมรมร่วม ขสมก.และรถที่ไม่เข้าร่วม ขสมก.และ นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว เจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัทเดินรถ เชิดชัย และนายกสมาคมผู้ประกอบรถโดยสารขนส่ง เข้าให้การเป็นพยานต่อศาลแล้ว โดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วนที่ศาลจะมีคำสั่ง
โดยการไต่สวนฯ วันนี้ พบว่า ข้อมูลที่ นายบุญชัย ผู้ฟ้อง เคยยื่นต่อศาลเกี่ยวกับจำนวนรถร่วมเอกชนที่เปลี่ยนจากการน้ำมันดีเซล มาเป็น ก๊าซ NGV ซึ่งอ้างว่าเป็นข้อมูลจาก ปตท.ไม่ตรงกับข้อมูลที่ คณะกรรมการขนส่ง แสดงต่อศาล
ดังนั้น ศาลจึงมีความจำเป็นต้องเรียกพยานเข้าไต่สวนเพิ่มอีก โดยมีรายงานแจ้งว่าศาลจะเรียกนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และตัวแทนจาก ปตท.เข้าให้การ
นายบุญชัย กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกแจ้งยอดรถโดยสารที่ปรับเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยรถร่วม ขสมก.ตอนแรกแจ้งว่ามี 100 คัน แล้วมาขอเปลี่ยนเป็น 500 คัน แต่ทาง ปตท.แจ้งว่า มี 1,600 คัน ขณะที่รถร่วม บขส.แจ้งว่า มี 90 คัน แต่ ปตท.แจ้งว่า มี 720 คัน
วันนี้ (23 พ.ค.) มีรายงานข่าวแจ้งว่า ศาลปกครองกลางยังไม่มีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ระงับการปรับขึ้นค่ารถโดยสารสาธารณะในวันที่ 25 พ.ค.นี้ ตามคำร้องของ นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ พร้อมเรียกผู้บริหาร บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) และประธานบอร์ดควบคุมการขนส่งทางบกกลาง มาให้ปากคำต่อในวันที่ 26 พ.ค.นี้
ทั้งนี้ ตุลาการศาลปกครองกลาง เจ้าของสำนวนคดีหมายเลข 0811/2551 คดีขึ้นค่าโดยสารรถเมล์ นัดไต่สวนฉุกเฉินเพื่อกำหนดมาตรการคุ้มครองชั่วคราว คดี นายบุญชัย รุ่งเรืองไพศาลสุข ประธานเครือข่ายคัดค้านานการขึ้นค่าโดยสารรถสาธารณะ ได้ยื่นฟ้องคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง, นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ถูกฟ้องที่ 1-3 เรื่องเป็นหน่วยงานทางปกครองและเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการออกคำสั่งโดยมิชอบกรณีที่คณะกรรมการควบคุมการขนส่งฯ มีมติเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2551 ปรับขึ้นราคาค่าโดยสารรถประจำทางขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.), รถร่วม ขสมก., รถบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) และ รถร่วม บขส.ซึ่งจะให้มีผลตั้งแต่วันที่ 25 พ.ค.
โดยภายหลัง นายบุญชัย ผู้ฟ้อง และ นายรณยุทธ ตั้งรวมทรัพย์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ตัวแทนฝ่ายผู้ถูกฟ้อง และกลุ่มเอกชนรถร่วม บขส.นายบรรยงค์ อำพรตระกูล ประธานชมรมร่วม ขสมก.และรถที่ไม่เข้าร่วม ขสมก.และ นางสุจินดา เชิดชัย หรือ เจ๊เกียว เจ้าของกิจการอู่ต่อรถทัวร์และบริษัทเดินรถ เชิดชัย และนายกสมาคมผู้ประกอบรถโดยสารขนส่ง เข้าให้การเป็นพยานต่อศาลแล้ว โดยใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ ศาลได้มีคำสั่งนัดไต่สวนอีกครั้งในวันที่ 26 พ.ค.นี้ เวลา 13.30 น.เนื่องจากเห็นว่าข้อเท็จจริงยังไม่ครบถ้วนที่ศาลจะมีคำสั่ง
โดยการไต่สวนฯ วันนี้ พบว่า ข้อมูลที่ นายบุญชัย ผู้ฟ้อง เคยยื่นต่อศาลเกี่ยวกับจำนวนรถร่วมเอกชนที่เปลี่ยนจากการน้ำมันดีเซล มาเป็น ก๊าซ NGV ซึ่งอ้างว่าเป็นข้อมูลจาก ปตท.ไม่ตรงกับข้อมูลที่ คณะกรรมการขนส่ง แสดงต่อศาล
ดังนั้น ศาลจึงมีความจำเป็นต้องเรียกพยานเข้าไต่สวนเพิ่มอีก โดยมีรายงานแจ้งว่าศาลจะเรียกนายปิยะพันธ์ จัมปาสุต ประธานคณะกรรมการควบคุมการขนส่งทางบกกลาง และตัวแทนจาก ปตท.เข้าให้การ
นายบุญชัย กล่าวว่า กรมการขนส่งทางบกแจ้งยอดรถโดยสารที่ปรับเปลี่ยนไปใช้ก๊าซเอ็นจีวีเป็นเชื้อเพลิงต่ำกว่าความเป็นจริงมาก โดยรถร่วม ขสมก.ตอนแรกแจ้งว่ามี 100 คัน แล้วมาขอเปลี่ยนเป็น 500 คัน แต่ทาง ปตท.แจ้งว่า มี 1,600 คัน ขณะที่รถร่วม บขส.แจ้งว่า มี 90 คัน แต่ ปตท.แจ้งว่า มี 720 คัน
